มีงานอดิเรกกี่อย่างดี? ชีวิตถึงจะมีทั้ง “ความสุข” และ “ความหมาย”

1830
มีงานอดิเรกกี่อย่างดี? ชีวิตถึงจะมีทั้ง
มีงานอดิเรกกี่อย่างดี? ชีวิตถึงจะมีทั้ง "ความสุข" และ "ความหมาย"

“งานอดิเรก” สิ่งที่เราเกือบทุกคนเคยมีในตอนเด็กที่เรายังมีเวลาว่างมากกว่านี้ เราใช้มันไปกับการวาดรูป เล่นกีฬา เล่นดนตรี เต้น หรือแม้กระทั่งสะสมสิ่งของต่างๆ แถมเรายังบอกเล่าให้เพื่อนๆ ในชั้นเรียนฟังได้อย่างภาคภูมิใจ

แต่เมื่อเราโตขึ้น งานอดิเรกก็หล่นหายไปตามกาลเวลา

พอโตเป็นผู้ใหญ่ เราใช้เวลาส่วนมากไปกับการทำงาน ส่วนเวลาที่เหลือก็พยายามรักษาให้มี Work-Life Balance ส่วนงานอดิเรกน่ะหรือ? ลืมไปได้เลย ชีวิตผู้ใหญ่อันแสนวุ่นวายไม่ได้มีพื้นที่ว่างพอขนาดนั้น

แต่รู้ไหมว่างานอดิเรกที่เรามองข้ามนั้น “มีประโยชน์” ต่อตัวเรามากกว่าที่คิด และอาจเป็นเหมือน “แสงสว่าง” ท่ามกลางชีวิตผู้ใหญ่อันแสนห่อเหี่ยวเลยก็ว่าได้

ในบทความนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับข้อดีและวิธีหาเวลาว่างให้งานอดิเรก พร้อมกับตอบคำถามที่หลายคนสงสัยว่า “มีงานอดิเรกกี่อย่างถึงจะดี” พร้อมแล้วเรามาเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นด้วยงานอดิเรกไปพร้อมๆ กันเลยดีกว่า

เมื่องานอดิเรกที่ทุกคนมองข้ามมีประโยชน์กว่าที่คิด

ในปี 2010 ทีมนักวิจัยจากมหาลัยต่างๆ ในแคนซัส พิตต์สเบิร์ก และเท็กซัส ได้ทำการศึกษากลุ่มคนเกือบ 1,400 คน ซึ่งแต่ละคนมีโรคประจำตัวต่างกันออกไป เช่น ข้ออักเสบ โรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ไปจนถึงมะเร็งเต้านม โดยทีมวิจัยได้ศึกษาผลกระทบของงานอดิเรกและกิจกรรมที่ทำในเวลาว่าง ว่ามีผลต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง
พวกเขาพบว่า คนที่ใช้เวลาไปกับงานอดิเรกนั้น..

1) สุขภาพกายดีขึ้น

ผลพบว่าผู้ทดลองที่มีงานอดิเรกนั้นมีน้ำหนักไม่เกินเกณฑ์ มีความดันเลือดที่ไม่สูง มีระดับฮอร์โมนส์ความเครียดที่ต่ำ และโดยรวมแล้วร่างกายทำงานได้ดีกว่า ซึ่งผลการศึกษานี้สอดคล้องกับผลวิจัยอื่นๆ ที่บอกว่าคนที่มีงานอดิเรกนั้นมักจะอายุยืนและโรคน้อยกว่า

Advertisements

2) นอนหลับได้ดีกว่า

3) เครียดน้อยกว่า

แม้ด้านอื่นในชีวิตจะเครียด แต่งานวิจัยพบว่าการมีงานอดิเรกช่วยให้เรารับมือกับเหตุการณ์เครียดๆ ในชีวิตได้ดีขึ้น

4) มีความสุขมากกว่า

พวกเขาพบว่าผู้ทดลองมีความพึงพอใจในชีวิตและรู้สึกว่าชีวิตมีความหมายมากกว่า

5) มีเพื่อนมากขึ้น

หลายๆ งานอดิเรกนั้นช่วยให้เราได้พบปะผู้คนใหม่ๆ โดยปริยาย แถมยังช่วยให้เราไม่เหงาด้วย (มีงานวิจัยพบว่าความเหงานั้นส่งผลเสียต่อสุขภาพและสุขภาพจิต ยิ่งกว่าการสูบบุหรี่ 15 ตัวต่อวันเสียอีก)

Advertisements

6) ทำงานได้ดีขึ้น

งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐซานฟรานซิสโก พบว่า พนักงานที่ใช้เวลาว่างไปกับกิจกรรมอื่นๆ มักจะแก้ปัญหาในที่ทำงานได้อย่างสร้างสรรค์ แถมมีการนำทักษะใหม่ๆ ที่ได้จากงานอดิเรกไปปรับใช้กับการทำงานอีกด้วย

ยุ่งขนาดนี้จะมีงานอดิเรกได้อย่างไร

ลอรา แวนเดอร์แคม นักเขียนและนักพูดผู้เชี่ยวชาญเรื่อง Work-Life Balance แนะนำว่า “อย่าคิดเป็นวัน แต่ให้คิดเป็นสัปดาห์”

หากเราจะบังคับตัวเองให้หาเวลา 1 ชั่วโมงต่อวันมาทำงานอดิเรกคงเป็นเรื่องยาก และไม่ยืดหยุ่นเท่าไรนัก เพราะวันหนึ่งมีแค่ 24 ชั่วโมง
แต่ถ้าเราคำนวณเป็นสัปดาห์ หรือ 168 ชั่วโมง แม้เราจะทำงานไปสัก 40 ชั่วโมง และนอนไปอีกสัก 40 ชั่วโมง ก็ยังเหลือเวลาอีกตั้ง 88 ชั่วโมงให้ใช้ แบ่งมาสัก 1-2 ชั่วโมงต่อสัปดาห์สำหรับงานอดิเรก ก็ดูจะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ขึ้นมาอีกหน่อย

ในหนังสือ ‘คนที่ประสบความสำเร็จที่สุดทำอะไรก่อนมื้อเช้า’ ของลอรา เธอยังแนะนำอีกว่าปัญหาของคนส่วนใหญ่คือ “เราไม่ใส่ใจว่าใช้เวลาว่างไปกับอะไรบ้าง” ทำให้เราสูญเสียเวลาอันมีค่าไปกับการเช็กอีเมล และการไถหน้าจอดูโซเชียลมีเดียอย่างเรื่อยเปื่อย

หากตระหนักได้ว่าเราใช้เวลาว่างจำนวนมากไปกับสิ่งเหล่านี้ บางทีข้ออ้างที่บอกว่า “ไม่ว่าง” และ “ไม่มีเวลา” ให้กับงานอดิเรกคงใช้ไม่ได้อีกต่อไป หากอยากมีงานอดิเรกจริงๆ ก็ลองตั้งใจล็อกเวลาสักไม่กี่ชั่วโมงต่อสัปดาห์และใช้เวลาทำมันอย่างตั้งใจดู

มีงานอดิเรกกี่อย่างดี ชีวิตถึงจะมีทั้งความสุขและความหมาย

‘หากมีแฟนควรจะมีงานอดิเรกอื่นๆ อีก 20 อย่างด้วย’ หลายคนที่เคยได้ยินประโยคที่บอกเล่าต่อๆ กันมานี้ อาจรู้สึกตกใจว่าเราต้องมีงานอดิเรกเยอะขนาดนั้นเลยหรือ และอาจสงสัยต่ออีกว่า แล้วในกรณีที่เราโสดล่ะ จะต้องมีงานอดิเรกเท่าไร

จริงๆ แล้วไม่ว่าจะโสด มีคู่ หรืออยู่ในสถานะอะไรก็ไม่สำคัญ เพราะเราจะมีงานอดิเรกกี่อย่างก็ได้ ไม่ว่าจะมากถึง 20 หรือน้อยเพียงแค่ 1-2 อัน แต่ขอให้เป็นงานอดิเรกที่มีความหมายต่อเราและเราสนุกไปกับมันก็พอ

แต่ถ้าหากใครชอบความชัดเจน เว็บไซต์ Hobbyask ได้แนะนำไว้ว่า เราควรมีงานอดิเรกสัก 3 งาน โดยแบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ Leisure, Creative, และ Productivity

สำหรับประเภท Leisure มักจะเป็นงานอดิเรกที่ไม่ Productive มาก แต่เรารู้สึกชอบมากที่สุด เช่น การดูซีรีส์ เล่นเกม หรือเที่ยวคาเฟ่ใหม่ๆ อย่างไรก็ตาม งานอดิเรกประเภทนี้เราไม่ควรทำบ่อยมาก เพราะอาจติดได้

ส่วนประเภท Creative คือ งานอดิเรกที่ช่วยเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ เช่น วาดรูป เล่นดนตรี จัดดอกไม้ หรืองานไม้ เป็นต้น
และสำหรับประเภทสุดท้าย Productivity คืองานอดิเรกที่ช่วยพัฒนาชีวิตไปในทางที่ดีขึ้น เช่น การออกกำลังกายให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง หรือ การทำงานพิเศษเล็กๆ น้อยๆ ที่เราชอบแถมยังทำงานได้ด้วย

อ่านมาถึงตรงนี้คุณอาจเริ่มถามตัวเองว่า เราทำงานอดิเรกครั้งล่าสุดเมื่อไหร่? หากคำตอบของคุณคือนานมากแล้ว ลองมารื้อฟื้นความทรงจำ และหาอะไรที่จุดประกายความสุขทำอีกครั้งดูไหม 🙂 อาจมีเพียงแค่ 1 งานอดิเรกและทำเพียงสัปดาห์ละ 1-2 ชั่วโมงก็ได้ แต่เชื่อเถอะว่าคุณจะได้รับประโยชน์กลับไปมากมายเลย

อ้างอิง
– How to Find a Hobby : https://nyti.ms/3f9ujFb
– How Many Hobbies Should You Have? (Is There a Magic Number?) : https://bit.ly/3f8sYyu

#inspiration
#selfdevelopment
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast

 

Advertisements