มีความสุขกับชีวิตได้ในทุกๆ วัน เพียงยอมรับ ‘ความจริง 10 ข้อ’ นี้

12105
มีความสุขกับชีวิต ยอมรับความจริง

ยิ่งโตขึ้น เรายิ่งพบว่าการใช้ชีวิตไม่ใช่เรื่องง่าย บ่อยครั้งเราต้องเผชิญ ‘ความเป็นจริง’ อันโหดร้ายต่างๆ นานา ไม่ว่าจะเป็น..

การถูกวิจารณ์..

Advertisements

การสูญเสียคนสำคัญ..

ความกดดันจากสังคมที่เต็มไปด้วยคนมีความสามารถ..

ความจริงเหล่านี้ทำให้เรารู้สึกแย่ และหลายๆ ครั้งเราจึงพยายามทำทุกทาง เพื่อไม่ให้ตัวเองรู้สึกแบบนั้น เช่น การทำงานหนักเป็นเท่าตัวเพื่อลบคำสบประมาท หรือการเปลี่ยนตัวเองเพียงเพื่อให้ดีพอสำหรับคนอื่น เป็นต้น เราพยายามอยู่นานเพื่อค้นพบว่า เราก็ไม่ได้มี ‘ความสุข’ มากกว่าตอนแรกเสียเลย!

ถ้าเรายอมรับ ‘ความจริง’ เสียโดยดีล่ะ? บางทีเราอาจไม่ต้องใช้ชีวิตยากๆ แบบนี้ก็ได้นะ

มารู้จัก “ความจริงอันโหดร้าย 10 ข้อ” ที่แม้จะฟังดูน่าเจ็บปวด แต่ถ้าเรายอมรับและก้าวผ่านมันไปได้ สิ่งเหล่านี้นี่แหละ จะช่วยให้เรามีความสุขกับชีวิตแบบง่ายๆ ในทุกๆ วัน!

1) มีคนไม่ชอบเราอยู่เสมอ

เพื่อนร่วมงามพูดจาไม่ดีและหงุดหงิดใส่เราอยู่บ่อยๆ เราพยายามทำดีด้วยก็แล้ว อาสาช่วยงานก็แล้ว คนคนนั้นก็ยังไม่ชอบเราอยู่ดี แต่ก่อนที่เราจะ ‘รู้สึกแย่’ กับตัวเอง หรือ ‘เปลี่ยนตัวเอง’ ให้เป็นที่ยอมรับ ลองถามตัวเองดูก่อนว่า บนโลกนี้มีใครสักคนไหมที่ไม่เคยถูกเกลียด?

คำตอบก็คือ ‘ไม่มี’

ทุกช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ ไม่เคยมีมนุษย์คนใดเกิดมาโดยที่ไม่มีใครไม่ชอบเลย แม้แต่นักแสดงมากความสามารถ หรือนักเขียนรางวัลโนเบล ทุกคนล้วนมีคนไม่ชอบทั้งนั้น และ ‘เรา’ ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ดังนั้นการมีคนไม่ชอบเราบ้างถือเป็นเรื่องปกติ เราควรยอมรับความจริงข้อนี้และใช้ชีวิตของเราต่อจะไปดีกว่า

2) มีคนดีกว่าเราเสมอ

ในขณะที่กำลังเดินทางตามความฝัน หากเราหันไปมองคนรอบตัวบ่อยๆ เราจะพบว่ามีคนที่ฉลาดกว่า เก่งกว่า และประสบความสำเร็จกว่าเราเสมอ ยิ่งหันไปมองบ่อยเท่าไหร่ ยิ่งรู้สึกไม่มีความสุขมากขึ้นเท่านั้น

ตราบใดที่เรายัง ‘เปรียบเทียบ’ เราคงรู้สึกเช่นนี้ไปตลอด 

หนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดในการใช้ชีวิตคือ การรู้ตัวอยู่เสมอว่าเราไม่ได้แข่งกับใคร แต่เรากำลังเดินในถนนของตัวเองในความเร็วที่เหมาะสมสำหรับเรา ดังนั้นจงเลิกมองคนอื่นและโฟกัสที่ก้าวต่อไปของเรา เราถึงจะเดินหน้าต่อได้อย่างมีความสุขโดยแท้จริง

3) แต่ละคนมองเราต่างกัน

เพื่อนสนิทอาจมองว่าเราเป็นคนตลก แฟนเก่าอาจมองว่าเราเป็นคนเจ้าอารมณ์ ส่วนพ่อแม่ก็ยังมองว่าเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ จริงอยู่ว่าเรามี ‘ภาพลักษณ์ในฝัน’ ที่เราอยากให้คนอื่นมองเราเช่นนั้น แต่การพยายามนำเสนอภาพลักษณ์ตลอดเวลาเป็นเรื่องเหนื่อยโดยใช่เหตุ! 

ภาพลักษณ์ของเราต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับมุมมองและประสบการณ์ของแต่ละคน ดังนั้นเราใช้ชีวิตตามที่เราอยากใช้ดีกว่า ไม่ว่าคนอื่นจะมองเราอย่างไร

4) เราไม่ได้เจ็บอยู่คนเดียว

เมื่อเราสูญเสียคนรักหรือต้องเผชิญกับเหตุการณ์สะเทือนใจ เรารู้สึกว่าความเจ็บปวดนี้ช่างสาหัสเหลือเกิน และคนอื่นคงไม่มีทางเข้าใจ แต่ในความเป็นจริงคือ ทุกคนล้วนเคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนแล้วทั้งนั้น

อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ได้หมายความว่าความเจ็บปวดของเราเล็กน้อย ไร้ค่า หรือเราแค่อ่อนไหวเกินไป แต่หมายความว่าเราไม่ได้ ‘ตัวคนเดียว’  มีผู้คนมากมายเคยเสียใจ หรือบางคนก็กำลังรู้สึกเสียใจอยู่เหมือนกับเราในตอนนี้ หากคนอื่นๆ ผ่านมันไปได้ เราก็จะผ่านความรู้สึกนี้ไปได้เช่นกัน

5) เราบังคับให้คนมารักเราไม่ได้

เคยไหม? รู้สึกดีกับคนคนนึงมาก เลยทำทุกอย่าง ทั้งเปลี่ยนแปลงตัวเองและทำดีกับเขา ด้วยความหวังที่ว่า ‘บางที’ เขาจะมอบความรู้สึกแบบเดียวกันกลับคืนมา อย่างไรก็ตาม เมื่อผลลัพธ์ไม่ได้เป็นดังที่หวังไว้ เราเลยทั้งโกรธและเสียใจแบบห้ามไม่ได้

เราลืมไปหรือเปล่าว่าความรักไม่ได้ทำงานตรงไปตรงมาเช่นนี้

ในบางครั้ง ไม่ว่าเราจะพยายามมากแค่ไหน ความพยายามของเราก็ไม่ได้ก่อให้เกิดความรัก

ดังนั้นแม้จะเจ็บปวด แต่เราควรยอมรับความจริงและปล่อยไป ดีกว่าบังคับให้คนอื่นรู้สึกในสิ่งที่เขาไม่ได้รู้สึกนะ

mm2021

6) เราไม่ได้เก่งไปเสียทุกอย่าง

บางครั้งเราทำผิดพลาด บางเรื่องเราก็ไม่รู้คำตอบ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องปกติ อย่าพึ่งรู้สึกว่าตัวเองเป็นคน ‘ไม่เอาไหน’ เพราะการที่เราไม่เก่งบางเรื่อง ไม่ได้หมายความว่าเราล้มเหลว แต่หมายความว่าเรายังมีพื้นที่ว่างให้พัฒนาและเรียนรู้ต่างหาก

Advertisements

7) เราหยุดพัก มากกว่าก้าวเดิน

เชื่อเถอะว่าใครๆ ก็อยากรีบวิ่งไปสู่ความสำเร็จกันทั้งนั้น แต่ในความเป็นจริง ชีวิตเรามีเรื่องให้ต้อง ‘หยุดพัก’ หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นความกลัว ความเหนื่อยล้า ความขี้เกียจ หรือความสับสน มีปัจจัยมากมายที่ทำให้เราต้องหยุดพัก แต่สิ่งที่ทำให้เรา ‘ก้าวเดินต่อ’ มีเพียงแค่ไม่กี่อย่างเท่านั้น (เช่น ความมุ่งมั่นและวินัย) 

ดังนั้นหากเราต้องหยุดพักบ่อยๆ ก็อย่าใจร้ายกับตัวเองนักเลย ตราบใดที่เราไม่ได้ยอมแพ้ เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว

8) ใช้ชีวิตคนเดียวไม่ใช่เรื่องง่าย

เวลาที่คุณเลิกงานเหนื่อยๆ กลับมาถึงห้องเงียบๆ ไม่มีใคร คุณรู้สึกอย่างไร? 

เรามักจะรู้สึกเหงาและต้องการใครสักคนเป็นพิเศษ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่เหนื่อยล้า อย่างช่วงเลิกงาน หลายคนอาจรู้สึกกังวลว่าต้องอยู่คนเดียวเช่นนี้ไปตลอด แต่แทนที่เราจะใช้เวลานี้ไปกับการกังวล หรือการตามหาใครสักคนมาคลายเหงา เรามาใช้เวลานี้ไปกับการดูแลตัวเองและทำสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขจะดีกว่าไหม?

อย่าลืมว่าคนที่จะอยู่กับเราไปตลอดชีวิตคือ ‘ตัวเราเอง’

การเรียนรู้ที่จะมีความสุขด้วยตัวเองได้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้าหากทำได้จะถือเป็นรางวัลก้อนใหญ่แก่ชีวิตเลย

9) การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องน่าอึดอัดและหลีกเลี่ยงไม่ได้

ไม่ว่าจะเป็นการพบคนใหม่ การย้ายงาน ไปจนถึงการย้ายประเทศ การเปลี่ยนแปลงไม่เคยเรียบง่ายอย่างที่เราคิด แม้ตอนวางแผนเราจะวาดฝันไว้สวยหรูแค่ไหน แต่ความจริงที่เราต้องยอมรับคือการเปลี่ยนแปลงนั้นน่าหนักใจ และหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของการ ‘เติบโต’

แม้ขั้นตอนการเปลี่ยนผ่านนี้จะมาพร้อมกับความกังวล ความไม่สบายทั้งกายและใจ

แต่สักวันเราจะผ่านช่วงเวลาเหล่านี้ไปได้ เหมือนที่เราเคยผ่านเรื่องราวต่างๆ มาในอดีต

10) เราทุกคนมีคุณค่าในตัวเอง

หลายๆ คนที่โตขึ้นมาพร้อมกับบาดแผลในใจ มักจะรู้สึกว่าต้อง ‘พิสูจน์ตัวเอง’ อยู่ตลอด ถ้าเราทำงานหนักมากพอจนประสบความสำเร็จ คนที่ไม่เคยมองเห็นค่าเรา (ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ พี่ น้อง เพื่อน อดีตคนรัก ฯลฯ) จะได้มองเห็นความจริงสักทีว่าเรานั้นมีค่ากว่าที่พวกเขาคิด!

เราผูกคุณค่าของตัวเองไว้กับผู้อื่นแน่นเสียจนแยกไม่ออก ด้วยเหตุนี้จึงมีคนมากมายบนโลกที่ไม่มีความสุข

“เราทุกคนมีคุณค่าในตัวเอง” แม้บางทีเราอาจไม่ได้รู้สึกแบบนั้นแต่สิ่งนี้เป็นความจริง ถ้าเรายอมรับและเชื่อในความจริงข้อนี้ได้สักวัน เราอาจมีความสุขมากขึ้นและเลือกทำตามความฝันของเรา มากกว่าทำเพื่อ ‘พิสูจน์’ ให้คนอื่นเห็นว่าเรามีค่า


อ้างอิง

https://bit.ly/3xpD81q

#missiontothemoon 

#missiontothemoonpodcast

#selfimprovement

ติดตามความเคลื่อนไหวและเนื้อหาน่าสนใจอื่นๆ ได้ที่ https://missiontothemoon.co/

Advertisements