เมื่อเราถามคนที่ผ่านเรื่องราวในชีวิตมาเยอะว่ามีบทเรียนชีวิตอะไรบ้างที่ได้เรียนรู้ หรือมีข้อคิดอะไรที่พวกเขามองว่า ‘น่าจะรู้แบบนี้…’ ตั้งแต่ตอนหนุ่มสาว คำตอบของพวกเขามักจะมีเรื่องอะไรบ้าง
สุขภาพ? เงินทอง? การทำงาน?
แน่นอนว่าเรื่องสุขภาพต้องมาเป็นอันดับแรกๆ ตามมาด้วยเรื่องการเงินและโอกาสในการเรียนรู้ บทเรียนในเรื่องทั่วไปเช่นนี้ คนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจกันดีอยู่แล้ว แบบไม่ต้องมีเรื่องราวสอนใจมาเปรียบเทียบ อย่างไรก็ตาม บนโลกนี้ยังมีบทเรียนอีกประเภทที่เราต้อง ‘เผชิญด้วยตัวเอง’ อย่างยากลำบากก่อนเท่านั้น (อย่างที่เขาเรียกในภาษาอังกฤษว่า ‘Learn it a hard way’) ถึงจะเข้าใจอย่างถ่องแท้
บทเรียนที่ว่านั้นก็คือเรื่อง ‘ความสัมพันธ์’
“ไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูถาวร”
นี่คือคำตอบที่เราได้ เมื่อถามคุณโอม ปัณฑพล ประสารราชกิจ นักร้องนำวง Cocktail ว่ามีบทเรียนอะไรบ้างที่เขาอยากแบ่งปัน ในฐานะที่เป็นหนึ่งคนที่ผ่านประสบการณ์มามากมาย ในวัย 36 ปี เขาเป็นทั้งนักร้อง ทนายความ คุณพ่อลูกสอง และผู้บริหารค่ายเพลง
“จริงๆ ในช่วงวัยที่ผ่านมา คนที่คบหากันแล้วเปลี่ยนไปก็มีเยอะ เจอคนก็มาก เคยชอบกันแล้วก็ห่างไป เคยเกลียดกันแล้วก็กลับมาคุย” คุณโอมกล่าว
ไม่มีเพื่อนคนใดที่จริงใจกับเราอย่างเสมอต้นเสมอปลาย และไม่มีศัตรูคนไหนที่จะชิงชังเราไปตลอด พวกเขาเหล่านี้อาจเปลี่ยนไปสักวัน ศัตรูอาจกลายมาเป็นเพื่อน เพื่อนอาจกลายมาเป็นศัตรู และหมุนเวียนเปลี่ยนไปเช่นนี้อย่างไม่จบสิ้น ความจริงที่ว่าไม่มีสิ่งใดจีรังบนโลกใบนี้ไม่ต่างกับยาขมที่เราต้องกล้ำกลืนเลย
.
สัจธรรมมนุษย์ที่ได้เรียนรู้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจในการแต่งเพลง “ไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูถาวร” เพลงใหม่ของวง Cocktail ที่ได้ถ่ายทอดประสบการณ์เรื่องความสัมพันธ์และจิตใจที่ยากแท้หยั่งถึงของมนุษย์ ผ่านทำนองเพลงอันแปลกใหม่ที่ผสานความดุดันของเพลงร็อก เข้ากับความยิ่งใหญ่ของบทสรรเสริญภาษาละติน นำเสนอผ่านมิวสิกวิดีโอที่เล่าเรื่องราวการผจญภัยของกลุ่มอัศวินในการแย่งชิงบัลลังก์ โดยสัจธรรมของมนุษย์ที่พวกเขาได้เรียนรู้ถูกสอดแทรกผ่านสัญลักษณ์ต่างๆ ตลอดการเดินทาง
มาติดตามกันดีกว่าว่าการเดินทางครั้งนี้จะลงเอยอย่างไร
และมี ‘บทเรียน’ อะไรบ้างที่พวกเขาต้องเผชิญ
สัญลักษณ์และบทเรียนสอนใจจากนิทานอัศวินในมิวสิกวิดีโอ “ไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูถาวร”
‘Amicitia perpetua non est, nec inimicitia.’
(There is no everlasting friendship, nor enmity.)
คำกล่าวในภาษาละตินที่แปลได้ว่า ‘ไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูถาวร’ นั้นเป็นสัจธรรมที่เราพบได้บ่อยครั้งในวรรณกรรม นิทานปรัมปรา หรือบทกวี ทั้งในโลกตะวันออกและโลกตะวันตก และทั้งในอดีตมาจนถึงปัจจุบัน ยกตัวอย่างเช่น นิทานอีสปเรื่องชาวนากับงูเห่าที่สอนให้เราเรียนรู้เรื่อง ‘ความเชื่อใจ’ ตั้งแต่วัยเด็ก
แต่หากจะให้พูดถึงเรื่องราวแห่งการหลอกลวงที่สำคัญที่สุดในโลกวรรณกรรม ก็คงจะเป็นเรื่องของ ‘อดัมและอีฟ’ มนุษย์คู่แรกที่พระเจ้าสร้างขึ้น มนุษย์คู่แรกผู้นำไปสู่ปฐมบาปของมนุษย์ทั้งมวล เพราะความหลงเชื่อซาตานในร่างงูและฝ่าฝืนคำสั่งของพระเจ้าในการกินแอปเปิลต้องห้าม
ส่วนอีกเรื่องที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คือ การทรยศที่บาปที่สุดของ ‘ยูดาส’ สมาชิก 1 ใน 12 อัครสาวกของพระเยซูและผู้ถือถุงเงินของพระองค์ ยูดาสทรยศพระองค์โดยการเปิดเผยว่าใครคือพระเยซูและนำมาสู่การถูกจับกุม เพียงเพราะเห็นแก่เงิน 30 เหรียญเงิน
สองเรื่องราวแห่งการหลอกลวงและการทรยศนี้ เป็นหนึ่งในบทเรียนจากวรรณกรรมที่ถูกยกมาพูดถึงซ้ำๆ ตั้งแต่ไหนแต่ไร ย้ำเตือนให้คนรุ่นหลังๆ เห็นว่าประเด็นเรื่องความสัมพันธ์และความไว้เนื้อเชื่อใจนั้นอยู่คู่กับมนุษย์มาโดยตลอด
และแน่นอน มิวสิกวิดีโอ ‘ไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูถาวร’ ก็ไม่พลาดที่จะสอดแทรกบทเรียนสำคัญจากคัมภีร์ไบเบิลเข้าไปด้วย
การหลอกลวงของอดัมและอีฟถูกบอกเล่าผ่าน 2 สัญลักษณ์สำคัญ คือ ‘แอปเปิล’ และ ‘งู’ เราจะเห็นได้ว่าระหว่างการเดินทางของอัศวินคนแรกนั้น เขาต้องพบกับมือปริศนายื่นแอปเปิลที่มีรอยกัดให้ ขณะที่มีงูสีดำเลื้อยผ่านไป ส่วนเรื่องการทรยศของยูดาส ถูกบอกเล่าผ่านเรื่องราวของอัศวินคนที่ 4 ที่ได้พบเจอกับนักพรตคนหนึ่ง ซึ่งมีบ่วงคล้องคอและถือถุงเหรียญ ชวนให้คนดูนึกถึงยูดาสขึ้นมาทันที
มิวสิกวิดีโอไม่ได้มีเพียงแต่บทเรียนที่พาดพิงถึงวรรณกรรมเท่านั้น แต่ยังเล่าถึงสัจธรรมผ่านสัญลักษณ์ทั่วๆ ไป เช่น ‘หน้ากาก’ สัญลักษณ์ของความไม่จริงใจ โดยจะเห็นได้จากการเดินทางของอัศวินคนที่ 2 ที่ต้องเผชิญกับศัตรูที่ถอดหน้ากากออกมาเป็นหน้ากากอีกซ้ำๆ สื่อให้เห็นการไม่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริง ในส่วนของอัศวินคนที่ 3 เขาก็ต้องเผชิญบทเรียนเรื่องความไม่ไว้ใจเช่นกัน โดยระหว่างการเดินทาง เขาได้พบคู่รักที่เหมือนจะรักกันดี แต่ด้านหลังของทั้งคู่กลับถือมีดคนละเล่ม
มิวสิกวิดีโอ ‘ไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูถาวร’ ถ่ายทอดสัจธรรมของมนุษย์ผ่านเรื่องราวการเดินทางของอัศวินได้อย่างคมคาย แต่ความน่าสนใจไม่ได้จบเพียงที่เรื่องราวเท่านั้น เพราะบทเพลงและท่วงทำนองก็โดดเด่นไม่แพ้กัน
แรงบันดาลใจของดนตรีและมิวสิกวิดีโอเพลง ‘ไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูถาวร’
เพลง ‘ไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูถาวร’ เปิดด้วยเสียงร้องสรรเสริญประสานกันตามด้วยบทสวดภาษาละตินว่า ‘Amicitia perpetua non est, nec inimicitia.’ และ ‘Tempus omnia revelat’ (ที่แปลว่า ไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูถาวร และ เวลาจะเป็นสิ่งที่เปิดเผยความจริงทุกอย่าง ตามลำดับ) จากนั้นก็ค่อยผสานเข้ากับดนตรีร็อกหนักแน่นฉบับวง Cocktail อย่างลงตัว ความแปลกใหม่ทว่ายิ่งใหญ่อลังการนี้ ชวนให้ผู้ฟังนึกถึงซีรีส์มหากาพย์ อย่าง Game of Thrones หรือ The Witcher โดยปริยาย
ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เพลงให้กลิ่นอายของความลึกลับ การผจญภัย และชวนให้นึกถึงอัศวินยุคกลาง วง Cocktail และผู้กำกับเผยว่า แรงบันดาลใจของมิวสิกวิดีโอนั้นมาจากเกมตระกูล Souls (เช่น Dark Souls และ Demon’s Souls) เกมที่เล่าถึงการต่อสู้ในดินแดนยุคกลาง
ถึงแม้จะมีแรงบันดาลใจมาจากเกมต่อสู้ที่ขึ้นชื่อว่าโหดสุดๆ แต่การเดินทางของเหล่าอัศวินในเพลง ‘ไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูถาวร’ นั้นจะเข้มข้นเหมือนกันไหม จุดจบของการแย่งชิงบัลลังก์จะเป็นเช่นไร จะจบอย่างมีความสุข จะลงเอยด้วยการนองเลือดหรือไม่
และ ‘บทเรียน’ ที่เหล่าอัศวินได้เรียนรู้ตั้งแต่เริ่มต้นเดินทางไปจนถึงเส้นชัยจะเป็นอย่างไร ติดตามได้ในมิวสิกวิดีโอเพลง ‘ไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูถาวร’ รับชมได้แล้ววันนี้
กว่าจะเดินทางมาถึงจุดนี้ เราทุกคนได้ผ่านเรื่องราวมามากมายและมีเรื่องเล่านับไม่ถ้วน วง Cocktail เองก็ได้นำบทเรียนชีวิตที่ได้พบเจอ มาประกอบกับความรักในเสียงดนตรีของคนในวง และถ่ายทอดความจริงของมนุษย์ออกมาผ่านบทเพลงให้เราได้ฟัง
แล้วคุณผู้อ่านล่ะ มีบทเรียนชีวิตที่อยากจะแชร์กันบ้างไหม? หากใครมีประสบการณ์ที่อยากแบ่งปัน สามารถคอมเมนต์แชร์กันมาได้เลย! หากใครสนใจเรื่องราวและแรงบันดาลใจเบื้องหลังบทเพลง ติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Cocktail
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
#inspiration #ไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูถาวร #cheersCOCKTAIL
