ทักษะที่สำคัญที่สุดในการทำงานคืออะไร
ความสามารถในการทำงานเป็นทีม? ความเป็นผู้นำ? หรือความตรงต่อเวลา?
จริงอยู่ว่าทักษะที่กล่าวมาเหล่านี้สำคัญ อย่างไรก็ตาม มีทักษะหนึ่งที่สำคัญยิ่งกว่า เรียกได้ว่าเป็นเครื่องมือที่จะพางานของเราออกนอกกรอบ ให้โดดเด่นกว่าใครๆ
ทักษะที่ว่านั้นคือ… ‘ความคิดสร้างสรรค์’ นั่นเอง
ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) คือกุญแจสำคัญในการทำงาน รายงานที่สำรวจผู้บริหารและผู้นำในบริษัท Fortune 500 พบว่า ความคิดสร้างสรรค์ถูกจัดให้เป็นทักษะ ‘สำคัญที่สุด’ ที่ผู้นำต้องมี และ เป็นปัจจัยชี้ความสำเร็จของบริษัทเลย บ้างถึงกับมองว่าความคิดสร้างสรรค์เป็น ‘คำตอบ’ ของการเติบโตทางเศรษฐกิจเสียด้วยซ้ำ
แล้วถ้าบริษัทอยากจะเพิ่มทักษะนี้ให้พนักงานล่ะ ต้องทำอย่างไรบ้าง? หนึ่งวิธีที่ทำได้ คือ การสร้าง ‘สภาพแวดล้อม’ ในการทำงานที่ดี
ในยุค 2000 เราจะเห็นว่าออฟฟิศแบบกั้นคอก (Cubicle Office) นั้นเริ่มหายไป แทนที่ด้วยออฟฟิศแบบเปิดโล่งดูทันสมัย อย่างไรก็ตาม ยังมีหลายบริษัทที่ยังเป็นออฟฟิศแบบดั้งเดิมอยู่ หากบริษัทเราคือหนึ่งในนั้น พนักงานตัวเล็กๆ อย่างเราจะหาแรงบันดาลใจในการทำงานจากไหนดี?
พื้นที่อย่าง “Co-working Space” จึงกลายมาเป็นคำตอบของคนยุคนี้
ทำงานในพื้นที่ที่สามนั้นดีอย่างไร
บทความ Why People Thrive in Coworking Spaces จาก Harvard Business Review ได้สำรวจและหาคำตอบว่า ‘ทำไมพนักงานทำงานได้ดีกว่าเมื่อทำงานใน Co-Working Space’ และได้สรุปเหตุผลไว้ดังนี้
1. ทำให้งานมีความหมายมากกว่า
ออฟฟิศมักจะเต็มไปด้วยการแข่งขันระหว่างพนักงานด้วยกันเอง ต่างจากการทำงานใน Co-Working Space ที่เต็มไปด้วยคนจากหลากหลายอาชีพ แต่ต่างฝ่ายต่างทำงานของตน ผลสำรวจพบว่า คนที่มาทำงานใน Co-working Space รู้สึก ‘แตกต่าง’ และมี ‘ตัวตน’ ที่ชัดเจนกว่า จึงรู้สึกว่างานของตนน่าสนใจและมีคุณค่ากว่า
2. ให้ความรู้สึกอิสระ
การทำงานในออฟฟิศมักจะเคร่งครัด เราต้องทำงาน 9 โมงเช้า – 5 โมงเย็น และจำเป็นต้องทนนั่งทำงาน แม้บรรยากาศอาจจะเสียงดังไป เงียบเกินไป หนาวเกินไป หรือ ร้อนเกินไป
ต่างกับ Co-Working Space ที่เราจะตื่นมาทำงานกี่โมงก็ได้ จะนั่งทำงานถึงกี่โมงก็ได้ และจะพักไปออกกำลังกายหรือหาอะไรกินเมื่อไรก็ได้ เรามีอิสระในการบริหารเวลาอย่างเต็มที่
3. เป็นส่วนหนึ่งของชุมชนที่เราเลือกเอง
การแสดงออกถึง ‘ความเป็นตัวเอง’ สะท้อนออกมาได้หลากหลาย ตั้งแต่ท่าทาง การแต่งกาย และไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ด้วยเหตุนี้ Co-Working Space แต่ละแห่งจึงมีเอกลักษณ์แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับว่าสถานที่นั้นอยากให้ ‘คนแบบไหน’ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน
ที่สำคัญยิ่งกว่าคือ นอกจาก Co-working Space จะให้ความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มคนที่มีไลฟ์สไตล์คล้ายๆ กันแล้ว ยังทำให้เรารู้สึกเช่นนั้นได้ โดยไม่ต้องสนทนากับคนรอบๆ ตัว แบบที่เราต้องทำในออฟฟิศอีกด้วย
รู้จักกับ noblePLAY: Inspiration Playground
หนึ่งองค์กรที่ให้ความสำคัญกับความคิดสร้างสรรค์ไม่แพ้ใครก็คือ “noble”
แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงชื่อนี้ เราต้องคิดถึงคอนโดฯ ที่ออกแบบให้เหมาะกับทุกยุคสมัย มาเป็นอันดับแรกอยู่แล้ว แต่ที่แตกต่างจากบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั่วไป คือ noble ทำให้เราคิดถึง “ความแตกต่าง”
“Be different, be noble” noble ได้นำเสนอแนวคิดของการเป็นมากกว่าที่อยู่อาศัย ผ่านความคิดสร้างสรรค์หลากหลายรูปแบบ เช่น โฆษณาครบรอบ 30 ปีที่หลายคนจำได้ดี เพราะโฆษณาตัวนั้นได้จุดไฟสร้างแรงบันดาลใจให้เรา ผ่านการเล่าถึงแคเธอรีน สวิตเซอร์ นักวิ่งหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ (https://youtu.be/Ik3sQx4RsMg) หรือจะเป็นโฆษณาที่ชวนให้เราเป็นตัวของตัวเอง แม้จะแตกต่าง อย่าง ‘Believe In Your Soul’ ที่มียอดผู้ชมกว่า 3 ล้านวิว (https://youtu.be/EMU7WQUhXgI)
ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อพูดถึงชื่อ “noble” เราจึงคิดถึงเรื่องความแตกต่าง ความคิดสร้างสรรค์ และการเป็นตัวเราที่ไม่เหมือนใคร มากกว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์ บ้าน หรือคอนโดฯ
และปีนี้ noble ก็ได้สานต่อแนวคิดเหล่านี้ ด้วยการส่งต่อแรงบันดาลใจผ่าน “noble PLAY” Co-Working Space แห่งใหม่ย่านเพลินจิต
เมื่อรถไฟฟ้าจอดที่สถานีเพลินจิต เราจะมองเห็นอาคารที่ทันสมัย สะดุดตาทุกคนที่เดินผ่าน ด้วยลูกเล่นที่ดูคล้ายระแนงไม้สีขาวโอบห้อมล้อมตัวตึก ทว่าบางช่วงถูกเว้นว่างไว้ ให้ผู้คนสามารถเดินเข้า-ออก และมองเห็นงานศิลปะที่จัดโชว์อยู่ภายในได้
noble PLAY เรียกได้ว่า “ใกล้” สถานีรถไฟฟ้ามากๆ ทำเลทองเช่นนี้สามารถสร้างมูลค่าได้มากมาย แต่ noble เลือกที่จะเนรมิตพื้นที่ใจกลางเมืองนี้ ให้กลายเป็นสเปซแห่งความคิดสร้างสรรค์ รอยยิ้ม และแรงบันดาลใจ ภายใต้คอนเซปต์ Inspirational Playground
หากในวัยเด็กเรามีสนามเด็กเล่นเป็นพื้นที่แห่งความสร้างสรรค์ เราในวัยผู้ใหญ่ก็มี “สนามผู้ใหญ่เล่น” อย่าง noble PLAY นี่เอง
ปัจจุบันย่านเพลินจิตมีออฟฟิศและแหล่งชอปปิ้งมากมาย รายล้อมไปด้วยที่พักอาศัย สถานทูต และร้านค้าน้อยใหญ่ แต่สิ่งที่ยังขาดคือ พื้นที่ชมงานศิลปะและแลกเปลี่ยนความคิดสร้างสรรค์
“เราอยากสนับสนุนคนทำงานสร้างสรรค์ และ อยากคืนอะไรกลับสู่สังคม”
สองเหตุผลที่ทาง noble ย้ำอยู่บ่อยครั้งนี้ คือเบื้องหลังที่ผลักดันให้เกิดโปรเจกต์ดีๆ อย่าง noble PLAY ขึ้นมานี่เอง หลายคนที่อ่านมาถึงตรงนี้อาจสงสัยแล้วว่า หน้าตาของพื้นที่ที่จะนำไปสู่เป้าหมายดังกล่าวจะเป็นอย่างไร
เมื่อเดินเข้าจากประตูหลักด้านหน้า เราจะพบพื้นที่โล่งกว้างเหมาะสำหรับการจัดแสดงงานศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นงานจิตรกรรม ประติมากรรม หรือศิลปะจัดวาง (Installation Art) อย่างในงานวันเปิดตัวที่ 22 เมษายน 2565 ที่ผ่านมานี้ งานที่นำมาจัดแสดงคืองานของคุณ “พิเชษฐ์ กลั่นชื่น” ศิลปินไทยที่มีชื่อเสียงทั้งในและต่างประเทศ
ตั้งแต่ก้าวเท้าเข้าไป เราจะเห็นประติมากรรมรูปยักษ์ขนาดใหญ่นอนต้อนรับ โดยร่างกายนั้นเป็นปีศาจ (Demon) แต่ศีรษะเป็นยักษ์และพญาช้างฉัททันต์ ผสานความเป็นตะวันตกและไทยเข้ากันอย่างลงตัว ประติมากรรมนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ‘ฟรองซัว ออกุสต์ โรแดง’ (Francois Auguste Rodin) ประติมากรชาวฝรั่งเศส
ด้านซ้ายของอาคารมีประติมากรรมขนาดเล็กลงมาตั้งอยู่ แต่ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะมีการใช้เอฟเฟกต์แสงสีเพื่อดึงความโดดเด่น เท่านั้นยังไม่พอ noble PLAY ยังมีห้องสำหรับจัดแสดงงานศิลปะด้วย “เทคโนโลยี AR” มอบประสบการณ์ใหม่ให้ผู้ชมได้ทดลองเสพงานศิลป์แบบในยุค Metaverse ที่กำลังจะมาถึง
เท่านี้เราก็พอจะเห็นแล้วว่า “ศิลปะ” (Art) เป็น 1 ใน 5 หัวใจหลักของ noble PLAY
ส่วนอีก 4 ด้านที่เหลือล่ะ มีอะไรบ้าง?
“เวิร์กชอป” (Workshop)
พื้นที่แห่งการแบ่งปันสิ่งที่ชอบ ทดลองทำสิ่งที่สนใจ และเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ แบบไร้ข้อจำกัด แต่ละเดือนจะมีการหมุนเปลี่ยนเวิร์กชอปไปเรื่อยๆ ใน Open Space แห่งนี้ โดย The Cloud Coffee Club คลับของคนรักกาแฟ ก็ได้มาใช้พื้นที่ใน noble PLAY เพื่อดึงดูดคนรักกาแฟ ให้มาพูดคุยและแบ่งปันความหลงใหลด้านกาแฟ ผ่านเวิร์กชอปแรก ซึ่งก็คือ “ชวนชิมกาแฟหมัก: Coffee Fermentation” พร้อมพาคอกาแฟเรียนรู้และสนุกไปด้วยกัน
“กาแฟ” (Cafe) และ “ร้านค้า/ร้านอาหาร” (Curated Stores)
พื้นที่แห่งนี้จะขาด “กาแฟ” ไปไม่ได้ เพราะถือเป็นขุมพลังสำคัญของคนทำงาน และ ตัวกระตุ้นให้เกิดไอเดียใหม่ๆ แต่นอกจาก noble PLAY จะยกร้าน Brunch คุณภาพอย่าง Toby’s มาเปิดสาขาทีนี่แล้ว ยังมี “The Coffee Club” คลับของคนรักกาแฟ เป็นพื้นที่ให้ผู้ที่หลงใหลได้ดื่มด่ำรสชาติอันนุ่มลึก ไปพร้อมๆ กับพูดคุยภาษากาแฟกับคนที่สนใจเหมือนกัน
นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ “Pop up café” ที่เชิญชวนร้านกาแฟเล็ก-ใหญ่ ที่มีอุดมการณ์สนับสนุนความคิดสร้างสรรค์เหมือนกัน มาเวียนกันเปิดคาเฟ่แบบไม่ซ้ำ เพิ่มรสชาติความหลากหลายให้แก่คนที่เข้ามา เช่น Brave Roasters, Somersault Coffee Roasters, และ Roast Runner เป็นต้น
“พื้นที่ทำงานสาธารณะ” (Co-working Space)
noble PLAY มีพื้นที่สำหรับนั่งทำงาน ทั้งแบบนั่งเงียบๆ คนเดียว และ แบบห้องประชุมสำหรับคุยงานกันเป็นทีม โซนทำงานนี้เป็นพื้นที่เปิดกว้าง สว่าง และให้ความรู้สึกเหมือนการนั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์ร้านกาแฟ ชวนให้ไอเดียของเราลื่นไหลแบบไร้ขีดจำกัด
หรือถ้าหากวันใดรู้สึกคิดอะไรไม่ค่อยออก ก็สามารถเดินลงไปยังชั้น 1 เพื่อชมงานศิลปะ และจุดแรงบันดาลใจของเราให้กลับคืนมาอีกครั้ง
การทำผลงานให้ออกมามีประสิทธิภาพนั้นเป็นเรื่องสำคัญของคนทำงานทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในชุมชนนักสร้างสรรค์หรือไม่ และแม้ว่าปัจจัยที่นำไปสู่ผลงานที่ดีจะมีหลายด้าน แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหนึ่งปัจจัยที่สำคัญนั้น คือ ‘สภาพแวดล้อมในการทำงาน’
ยุคที่นิยมทำงานแบบไฮบริดเช่นปัจจุบัน ถือเป็นโอกาสดีในการออกจากคอมฟอร์ตโซน และ หาแรงบันดาลใจในพื้นที่ใหม่ๆ บางทีเราอาจเจอพื้นที่ที่ครบถ้วน ให้ทั้งความคิดสร้างสรรค์และความสะดวกสบาย อย่าง “noble PLAY” ก็ได้นะ
ติดตามกิจกรรมและความสนุกของ noble PLAY ได้ที่: https://nobleurl.com/3FSn2T4
อ้างอิง:
https://bit.ly/3vjT3Q7
https://bit.ly/38qynNt
https://bit.ly/3kjKrmh
https://bit.ly/38qynNt
#inspiration
#noblePLAY
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast