หลังหมดวันที่เหนื่อยล้าหรือเพิ่งพบเจอเรื่องไม่ดีมา พอลองมองไปทางไหน รอบตัวก็ดูเหมือนโลกทั้งใบช่างดูมืดมนกลายเป็นสีขาวดำ…
“วันนี้เป็นยังไงบ้าง”
“เหนื่อยไหม”
“มีอะไรเล่าให้ฟังได้นะ”
“เป็นกำลังใจให้เสมอ”
เพียงแค่ได้ยินคำพูดดีๆ เหล่านี้มาจากใครสักคน เป็นเหมือนตัวช่วยที่เข้ามาแต่งเติมสีสันบนโลกของเราให้กลับมาสดใสได้อีกครั้ง เวลาเห็นคนข้างๆ พบเจอวันแย่ๆ มา เราก็คงอยากเป็นคนนั้นที่ยื่นมือเข้าไปช่วยให้เขาได้รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง แต่ติดปัญหาก็ตรงที่ ‘เป็นคนพูดไม่เก่ง’ เอาซะเลย
ถ้าพูดว่า “สู้ๆ” จะดีหรือเปล่า? หรือพูดว่า “ไม่เป็นไรนะ” เขาจะโอเคไหม?
ถ้าอยากให้กำลังใจใครสักคนแต่ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร ควรทำยังไงดี?
พูดไม่เก่ง? ก็ใช้ภาษากายบอกแทนสิ!
นอกจากมนุษย์จะใช้ ‘ภาษา’ ในการสื่อสารผ่านคำพูดหรือข้อความแล้ว แต่ยังมีสิ่งที่เรียกว่า อวัจนภาษา (Nonverbal Communication) อีกหลายอย่างที่ใช้ในการสื่อสารเหมือนกัน อย่างหนึ่งในนั้นเลยก็คือ ‘ภาษากาย’ หรือ Body Language ที่เป็นสื่อกลางเพื่อใช้ส่งความคิดของคนเราออกไปได้อีกทาง
หนึ่งในภาษากายที่หลายๆ คนรู้จักกันดีอย่าง ‘การสัมผัส’ หรือที่คนไทยสร้างศัพท์ใหม่ ผสมจากคำว่า Skin และ Relationship จนเรียกกันติดปากว่า ‘สกินชิพ’ นั้นเป็นอย่างไร?
เคยไหม? การได้โอบกอดใครสักคนแล้วก็ทำให้รู้สึกเหมือนว่ามีมวลมหาศาลอบอวลพาให้อบอุ่นไปทั้งหัวใจ หรือพอได้จับมือกับดาราที่ติดตามอยู่เพียงแค่เสี้ยววินาทีก็รู้สึกดีจนอยากจะกำความรู้สึกที่ยังคงเหลือภายในมือไว้ไม่ให้หายไปไหน หรือแม้แต่แค่ได้โดนตัวคนที่ชอบเล็กน้อยก็ทำให้ยิ้มแก้มปริ รู้สึกมีความสุขไปได้ทั้งวัน เพราะเพียงแค่สัมผัสเล็กๆ ผ่านทางร่างกายจากคนสนิทแค่นี้ ก็สามารถเป็นกำลังใจดีๆ ให้ใครสักคนได้แล้ว
‘สกินชิพ’ จึงเป็นการสัมผัสที่แอบแฝงไปด้วยนัยความหมายที่มาพร้อมกับการมอบ ‘พลัง’ และ ‘ความรู้สึกดีๆ’ แต่ที่สำคัญ คือ ต้องเป็นการกระทำที่ได้รับอนุญาตและรู้สึกสบายใจทั้งสองฝ่าย ซึ่งสกินชิพก็ไม่ได้สื่อไปแต่ในเรื่องทางเพศอย่างเดียว เพราะไม่ว่าจะเป็นใคร ในสถานะไหน ก็สามารถทำด้วยกันได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นการโอบไหล่ กอด หอมแก้ม และอื่นๆ อีกมากมาย แล้วแต่ความสนิทสนมของแต่ละคน ความอบอุ่นเล็กๆ จากร่างกายที่ส่งผ่านถึงกัน จะค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปเติมเต็มความอบอุ่นภายในจิตใจของอีกฝ่ายได้เอง
แต่ช่วงโควิดแบบนี้จะทำยังไงดี?
ถึงแม้ตอนนี้อาจจะยังไม่สามารถออกไปพบเจอผู้คน และควรลดการสัมผัสตัวกันจะดีกว่าก็จริง แต่เราสามารถส่งต่อความรู้สึกดีๆ ผ่าน Nonverbal แบบอื่นๆ ได้ด้วยเช่นกัน อย่างเช่น
สีหน้า
การมีอารมณ์ร่วมกับอีกฝ่าย สามารถแสดงออกได้ผ่านสีหน้าและท่าทางที่แสดงออกไป การแสดงสีหน้าไปตามความรู้สึกและเรื่องราวอีกฝ่าย แค่นี้ก็ทำให้อีกคนรับรู้ได้แล้วว่ากำลังตั้งใจฟังด้วยความใส่ใจจริงๆ
สายตา
เพราะว่า ‘ดวงตา’ คือหน้าต่างของหัวใจ สายตาที่ส่งมาถึงความห่วงใยและตั้งใจ สามารถส่งไปให้อีกฝ่ายรับรู้ได้เอง สายตามันหลอกกันไม่ได้หรอกนะ
น้ำเสียง
ถ้าเจอหน้ากันไม่ได้ แต่แค่ได้โทรคุยกัน ได้ยินน้ำเสียงจากความเป็นห่วง หลังจากได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทันทีหลังบ่นไปว่ารู้สึกแย่ แค่นี้ก็ทำอีกฝ่ายรู้สึกดีขึ้นเป็นกองแล้ว
บทเพลง
รักใครก็ลองส่งเพลงให้เขาฟังสิ! การได้ฟังดนตรีเพราะๆ ของศิลปินที่ชื่นชอบ กับเนื้อเพลงที่เข้ากับอารมณ์ความรู้สึกตอนนั้น ก็สามารถช่วยชีวิตหลายต่อหลายคนให้รู้สึกมีกำลังใจขึ้นกันได้เยอะเลย ถ้าพูดไม่เก่งนัก ก็ให้เพลงเป็นตัวช่วยบอกความรู้สึกของคุณแทนก็ได้นะ
คนเราอาจสามารถประดิดประดอยคำพูดสวยหรูขึ้นมาได้ แต่ไม่ว่ายังไงคนเราก็ไม่สามารถโกหก ‘ภาษากาย’ ที่แสดงออกมาจากใจอย่างอัตโนมัตินี้ได้หมด ถึงจะพูดไม่เก่งนัก แต่ภาษากายเหล่านี้จะทำให้อีกฝ่ายรับรู้ถึงความจริงใจของคุณได้เอง
ไม่ต้องเขินที่จะแสดงออกทางความรู้สึกกับใครสักคน เพราะกำลังใจเพียงเล็กน้อยของคุณอาจมีความหมายอันยิ่งใหญ่ ช่วยเปลี่ยน ‘วันแย่ๆ’ ของใครบางคน ให้กลายเป็น ‘วันดีๆ’ ของเขาได้ทั้งวันเลยเหมือนกัน อาจไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากมาย แค่ได้รู้สึกถึงความใส่ใจว่ามีใครสักคนพร้อมอยู่ข้างๆ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
อย่าลืมหันมาให้กำลังใจตัวเอง รวมทั้งคนข้างๆ ให้ผ่านพ้นวิกฤตต่างๆ ไปด้วยกัน ถ้าเป็นคนพูดไม่เก่งก็ลองเปลี่ยนมาใช้วิธีเหล่านี้ดูแทนก็ได้นะ!
หรือสุดท้ายถ้าพูดไม่เก่งนัก ลองแท็กโพสต์นี้ไปบอกคนที่คุณรัก
“ยังไงคุณก็จะยังมีกำลังใจจากตรงนี้ให้เสมอนะ”
Because actions speak louder than words, just show someone your love today 🙂
อ้างอิง:
#inspiration
ติดตามความเคลื่อนไหวและเนื้อหาน่าสนใจอื่นๆ ได้ที่ https://missiontothemoon.co/
