self developmentไม่รู้จะก้าวไปทางไหน? รู้จักวิธีตั้งเป้าหมายแบบ WOOP ตัวช่วยกำหนดทิศทางชีวิต

ไม่รู้จะก้าวไปทางไหน? รู้จักวิธีตั้งเป้าหมายแบบ WOOP ตัวช่วยกำหนดทิศทางชีวิต

“ไม่รู้ว่าจะก้าวไปทางไหนดี เพราะตอนนี้มีหลายสิ่งที่อยากพัฒนาให้ดีขึ้นเต็มไปหมด” มีใครกำลังเป็นแบบนี้อยู่ไหม?

บางคนหันมองซ้ายที มองขวาที หรือแม้กระทั่งปัดขึ้นปัดลงบนหน้าจอโทรศัพท์แล้วเห็นคนรอบข้างมีชีวิตที่ดี เช่น มีสุขภาพกายที่แข็งแรงแถมยังมีสุขภาพใจที่ดี ก็อาจจะทำให้เกิดแรงบันดาลใจจนอยากพัฒนาชีวิตในทุกๆ ด้านของตัวเองให้ดีขึ้นตามไปด้วย แต่พอมานั่งๆ นอนๆ คิดดูแล้วก็รู้สึกว่าสิ่งที่อยากพัฒนานั้นมีมากมายหลายอย่างเต็มไปหมด จนไม่รู้ว่าเราควรเริ่มก้าวไปทางไหนกันแน่

สาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้เราไม่รู้ว่าควรเริ่มตรงไหน อาจมาจากการที่เรายังไม่ได้มีการ “ตั้งเป้าหมาย” ที่ดีพอ ซึ่งก็ต้องบอกว่าเป้าหมายนั้นจะเป็นตัวกำหนดเส้นทางความพยายามของเราและเป็นตัวช่วยให้เราเดินทางสู่ความสำเร็จได้ แล้วเป้าหมายก็มีความเกี่ยวข้องกับชีวิตของเราทั้งในด้านชีวิตส่วนตัวและชีวิตการทำงานด้วย

แล้วเราควรตั้งเป้าหมายอย่างไร ถึงจะช่วยให้ประสบความสำเร็จได้จริง?

สำรวจสิ่งที่ต้องการพัฒนา

“การพัฒนาตัวเอง” คือการพัฒนาทักษะผ่านการกระทำของเราเอง แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากคนอื่นได้ เพราะการขอความช่วยเหลือนั้นเป็นเรื่องปกติ แต่การพัฒนานั้นคนที่ริเริ่มและมีใจอยากจะทำต้องเป็น “ตัวเราเอง”

ลองนึกภาพว่า ถ้ามีคนมาบอกหรือบังคับให้เราทำอะไรบางอย่าง เช่น มีคนมาบังคับให้เราออกกำลังกาย เพราะเขาหวังดี อยากให้เรามีสุขภาพที่ดีและไม่เจ็บป่วยออดๆ แอดๆ เราก็คงจะทำตามที่คนอื่นพูดได้แค่ช่วงเวลาสั้นๆ เพราะสิ่งนั้นไม่ใช่สิ่งที่เราอยากทำเองจริงๆ ฉะนั้น ถ้าเราอยากพัฒนาอะไรบางอย่าง เราจะต้องกำหนดเป้าหมายนั้นๆ ด้วยตัวเอง ไม่ใช่ให้คนอื่นมาบอกหรือมาบังคับ

ทีนี้เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าเราสามารถ “พัฒนา” อะไรได้บ้าง

1. สุขภาวะทางอารมณ์และวิธีดูแลสุขภาพจิต รวมถึงการสร้างทักษะการต่อสู้กับความเครียดอย่างทักษะการล้มเร็วลุกเร็ว (Resilience) และความเมตตากรุณาต่อตนเอง (Self-compassion) ด้วย
2. สุขภาวะทางกายและสมรรถภาพโดยรวม
3. ลักษณะส่วนบุคคล เช่น ความมั่นใจในตนเองและการเห็นคุณค่าในตนเอง
4. สุขภาวะทางสังคม คือความสุขที่เกิดจากการที่เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่น เช่น เพื่อน คนในครอบครัว เพื่อนร่วมงาน และคนรัก
5. ความสำเร็จในชีวิตส่วนตัวและในหน้าที่การงาน เช่น การได้เลื่อนขั้นหรือการมีสุขภาพทางการเงินที่ดีขึ้น

ข้อควรระวังในการพัฒนาตัวเองอย่างหนึ่งที่ทุกคนควรจำไว้คือ อย่าพยายามเปลี่ยนตัวเองเป็นคนอื่น ให้ยอมรับตัวเองว่า “เราเป็นใคร” แล้วพยายามพัฒนาตัวเราให้เป็นตัวเองในเวอร์ชันที่ดีที่สุด

ตั้งเป้าหมายชีวิตด้วยกลวิธี WOOP

เพราะการมีความฝันและเป้าหมายเป็นเรื่องง่าย แต่การจะไปถึงฝั่งฝันหรือเป้าหมายนั้นทำได้ยาก ดังนั้นพอเรารู้แล้วว่าสิ่งที่เราอยากพัฒนามีอะไรบ้าง ต่อมาเราก็ควรรู้จักกับวิธีการตั้งเป้าหมายที่จะช่วยให้เราเดินทางไปถึงสิ่งที่ตั้งเป้าไว้ให้ได้ นั่นก็คือ “การตั้งเป้าหมายด้วยกลวิธี WOOP”

WOOP เป็นเทคนิคในการตั้งเป้าหมายให้มีประสิทธิภาพ มีที่มาจากหนังสือ Rethinking Positive Thinking ซึ่งเขียนขึ้นโดย Dr. Gabriele Oettingen ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยนิวยอร์กและมหาวิทยาลัยฮัมบูร์ก

โดย WOOP เป็นกลยุทธ์ทางจิตตามหลักวิทยาศาสตร์ ที่จะช่วยให้เราค้นหา เติมเต็มความฝัน และเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตัวเองได้ ซึ่งการตั้งเป้าหมายแบบ WOOP ต่างจากเทคนิคการตั้งเป้าหมายแบบอื่นๆ ตรงที่วิธีนี้ให้ความสำคัญกับ “อุปสรรค” เพราะสิ่งนี้เป็นตัวขัดขวางที่ทำให้เราไม่สามารถไปถึงเป้าหมายได้ ดังนั้นเราจึงต้องหาวิธีการรับมือกับมัน

คำว่า WOOP นั้นย่อมาจาก
[ ] W : Wish หรือ “ความปรารถนา”
[ ] O : Outcome หรือ “ผลลัพธ์ที่ได้”
[ ] O : Obstacle หรือ “อุปสรรค”
[ ] P : Plan หรือ “แผนการ”

Advertisements

ตัวอย่างการตั้งเป้าหมายแบบ WOOP

1. ความปรารถนา (Wish)

เริ่มแรกเราต้องคิดและสำรวจดูก่อนว่า อะไรคือเป้าหมายของเรา หรืออะไรคือเรื่องที่เราต้องการทำให้สำเร็จ ซึ่งก็ต้องบอกก่อนว่าเป้าหมายที่ว่านี้จะต้องเป็นเป้าหมายที่มีความท้าทาย แต่ก็ต้องมีโอกาสที่เราจะทำให้สำเร็จได้ด้วย เราไม่ควรตั้งเป้าหมายง่ายเกินไปหรือยากเกินเอื้อมมากเกินไป ให้เลือกสิ่งที่เราต้องการพัฒนามากที่สุดมา 1 อย่าง แล้วนำสิ่งนั้นมาตั้งเป็นเป้าหมาย

ตัวอย่าง “ความปรารถนา”
[ ] อยากออกกำลังกายมากขึ้น
[ ] อยากเห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้น
[ ] อยากพัฒนาทักษะการทำงานมากขึ้น เช่น ทักษะผู้นำ ทักษะการสื่อสาร และทักษะการสร้างปฏิสัมพันธ์

2. ผลลัพธ์ที่ได้ (Outcome)

พอรู้แล้วว่าเป้าหมายหรือความต้องการของตัวเองคืออะไร ต่อมาให้ลองจินตนาการดูว่า ถ้าเราทำตามเป้าหมายได้สำเร็จ ผลสุดท้ายแล้วมันจะเป็นอย่างไร เราจะได้อะไรจากการทำสิ่งนี้ ลองจินตนาการถึงผลลัพธ์ที่ดีที่สุดให้ชัดเจนที่สุด

ตัวอย่าง “ผลลัพธ์ที่ได้”
[ ] การออกกำลังกายมากขึ้นจะทำให้เรามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง มีพลังงานที่มากขึ้น และรู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้น
[ ] การเห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้นจะทำให้เรารู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้น มีความมั่นใจและความภูมิใจในตัวเองมากขึ้น
[ ] การมีทักษะการทำงานที่ดีขึ้นจะช่วยให้เราไปถึงความสำเร็จในอาชีพมากขึ้น เช่น เลื่อนขั้นและขึ้นเงินเดือน

Advertisements
3. อุปสรรค (Obstacle)

สิ่งที่ต้องคำนึงถึงต่อมาก็คือเรื่องอุปสรรค ให้ลองคิดดูว่าสิ่งใดบ้างที่จะเข้ามาขัดขวางหรือฉุดรั้งไม่ให้เราเดินทางไปสู่เป้าหมายนั้นได้สำเร็จ ซึ่งอยากแนะนำว่าให้คิดให้รอบด้าน ตั้งแต่อารมณ์ นิสัยที่ไม่ดีของเรา และปัจจัยรอบข้างอื่นๆ เพื่อที่จะได้เตรียมตัวรับมือต่อไป

ตัวอย่าง “อุปสรรค”
[ ] รู้สึกไม่มีแรงกระตุ้นให้ลุกจากที่นอนไปออกกำลังกายตอนเช้า
[ ] ชอบเก็บคำพูดแย่ๆ ของคนอื่นมาคิดวนๆ ซ้ำๆ
[ ] ชอบผัดวันประกันพรุ่ง เพราะไม่รู้ว่าควรเริ่มพัฒนาทักษะตอนไหนและอย่างไรดี

4. แผนการ (Plan)

ขั้นตอนสุดท้ายนี้ให้นึกถึงวิธีการรับมือกับอุปสรรคที่ว่ามาก่อนหน้านี้ ซึ่งเราต้องคิดให้ครอบคลุมทั้งพฤติกรรมและความคิด เช่น ถ้ามีพฤติกรรมไหนที่ฉุดรั้งเรา เราก็ต้องวางแผนเปลี่ยนพฤติกรรมนั้น หรือหากมีความคิดใดมาฉุดรั้งเรา เราก็ต้องวางแผนเพื่อปรับเปลี่ยนความคิดนั้น โดยเราอาจจะใช้คำว่า “ถ้า… งั้นก็…”

ตัวอย่าง “แผนการ”
[ ] ถ้าไม่มีแรงกระตุ้นในการออกกำลังกายตอนเช้า งั้นก็ลองปลุกร่างกายให้ตื่นด้วยการวอร์มร่างกายเบาๆ ตอนเช้า เพื่อสร้างความกระฉับกระเฉงให้ตัวเอง หรืออาจจะลองเปลี่ยนการออกกำลังกายให้สนุกขึ้นก็ได้ เช่น การออกไปวิ่งกับเพื่อนหรือสัตว์เลี้ยง
[ ] ถ้าเราชอบเก็บคำพูดของคนอื่นมาคิดมาก งั้นก็ลองไตร่ตรองดูก่อนว่าสิ่งที่คนอื่นพูดนั้นจริงแค่ไหน ถ้ามันเป็นเรื่องที่เราทำผิดพลาดจริง ก็คิดเสียว่าเป็นโอกาสอันดีที่เราจะนำสิ่งนั้นมาพัฒนาตัวเองต่อไป แต่ถ้าคำพูดนั้นไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรก็ให้ปล่อยมันไป แล้วคิดเสียว่าคนนั้นเขายังรู้จักเราไม่ดีพอ
[ ] ถ้าชอบผัดวันประกันพรุ่ง งั้นก็กำหนดเวลาที่เฉพาะเจาะจงในการทำสิ่งนั้นเป็นประจำทุกวัน เช่น กำหนดว่าจะอ่านหนังสือเวลา 20.00-21.00 น. ของทุกวัน หรือกำหนดว่าจะลองออกไปหาประสบการณ์ใหม่ๆ ข้างนอกทุกวันเสาร์

ไม่ว่าใครก็สามารถพัฒนาตัวเองได้ เพียงแค่เราต้องรู้ความต้องการของตัวเอง ตั้งเป้าหมาย และเดินตามสิ่งที่ตั้งไว้ไปจนสุดทาง



เตรียมพบกับงาน Mission To The Moon Forum 2023
ที่จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้คุณพัฒนาทักษะชีวิตและการทำงานในวันนี้ให้ดีกว่าเดิม

หากใครมีความปรารถนาที่จะพัฒนาทักษะชีวิตและการทำงานให้ดีขึ้น แต่ไม่รู้ว่าควรเริ่มจากตรงไหน เตรียมพบกับ Mission To The Moon Forum 2023 งานสัมมนาที่รวมกลุ่มคนรัก “การพัฒนาตัวเอง” โดยงานนี้มีเป้าหมายเพื่อช่วยให้ทุกคนตามการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้ทัน ทั้งในเรื่องเทรนด์ของโลกการทำงาน การพัฒนาตัวเอง รวมถึงการพัฒนาทักษะการทำงาน

ภายในงานนี้ ทุกคนจะได้รับความรู้และประสบการณ์จากวิทยากรชื่อดัง รวมถึงมีโอกาสได้เข้าร่วมเวิร์กชอป เพื่อเตรียมพร้อมพัฒนาตัวเองให้ตามทันโลกไปพร้อมๆ กัน

ไม่ว่าคุณจะเป็นคนทำงานทั่วไป ผู้นำ หรือผู้บริหาร ที่มีความมุ่งหวังที่จะพัฒนาตัวเอง พัฒนาศักยภาพของคนในทีม หรือยกระดับการทำงานของคนในองค์กร Mission To The Moon Forum 2023 นี้อาจจะเป็นงานที่มอบคำตอบที่ตัวคุณกำลังตามหาอยู่ก็เป็นได้

FB Forum OpeningPost


แปลและเรียบเรียง
– Own your personal development: self-improvement goals that motivate : Maggie Wooll, BetterUp – http://bit.ly/3ZdoIz6
– WOOP: 4 simple steps to help you achieve your goals : HPRC – http://bit.ly/3EpKnvO

#selfdevelopment
#goal
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast

Advertisements

LASTEST ARTICLES

LASTEST PODCAST

Mission To The Moon
Mission To The Moon
พื้นที่ที่สร้างขึ้นเพื่อแบ่งบันเรื่องราวเกี่ยวกับการทำธุรกิจ การตลาด แรงบันดาลใจ และข้อคิดในการใช้ชีวิต

POPULAR ARTICLES

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่มีความจำเป็น (Strictly Necessary Cookies)
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานและเข้าชมเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถบล็อคการใช้งานคุกกี้ได้จากเบราว์เซอร์ที่ใช้งาน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบกับการใช้งานเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราะห์และวัดผลการทำงาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า