ในโลกของการทำงาน เราแทบไม่สามารถที่จะทำงานให้สำเร็จลุล่วงได้ด้วยตัวคนเดียวเลย ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นจากการประสานงาน การพูดคุย และการระดมสมองร่วมกันทั้งสิ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้เราเรียกว่า “ทีมเวิร์ก”
ถ้าสังเกตในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราน่าจะได้ยินเรื่องการสร้างออฟฟิศในรูปแบบ Open Space หรือ การทำให้ออฟฟิศมีพื้นที่ให้คนมาเจอกันมากขึ้น สิ่งต่างๆ เหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เป็นการส่งเสริมให้คนทำงานเชื่อมต่อกันมากขึ้น เกิดการปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้น และเมื่อเกิดทีมเวิร์กที่ดี จะเอื้อให้เกิดการโยนไอเดียมากขึ้น มีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น ทำให้ผู้คนสื่อสารกันมากขึ้น
แต่นั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะการมีทีมเวิร์กที่ดีสามารถช่วยเพิ่มและสร้างอะไรมากมายให้กับการทำงาน โดยเราสามารถแบ่งข้อดีของการสร้างทีมเวิร์กที่ดี 3 อย่าง ดังต่อไปนี้
- ช่วยให้คนทำงาน(คุณ)เติบโต
การทำงานเป็นทีม ทำให้เราสามารถที่จะเรียนรู้จากข้อผิดพลาดของคนอื่น ในขณะเดียวกันเราจะได้รับ Feedback ที่เป็นทั้งจุดแข็ง และจุดอ่อนของเราจากคนอื่นๆ ในทีมเช่นกัน ทำให้เราสามารถนำไปพัฒนาและปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นได้ ในขณะเดียวกันการทำงานเป็นทีมก็จะทำให้เราเห็นมุมมอง หรือพบกับแนวคิด มุมมองการทำงานใหม่ๆ ที่น่าสนใจจากคนในทีมได้เช่นกัน - ทำให้เกิดนวัตกรรม
ด้วยประสบการณ์ มุมมอง ความคิดเห็น และไอเดียที่แตกต่างกันของแต่ละคนในทีม เมื่อถูกนำมาผสม มารวมเข้าด้วยกัน จะทำให้เกิด New Solution เกิดหนทางใหม่ๆ ในการแก้ไขปัญหา เกิดนวัตกรรมซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นมากสำหรับบริษัทในยุคนี้ เพราะในยุคนี้เราไม่ได้แข่งขันกันที่ ราคา คุณภาพ หรือเรื่องของการชนะใจลูกค้าเพียงเท่านั้น แต่เรากำลังอยู่ในยุคที่การทำธุรกิจนั้นต้องแข่งขันกันตรงที่มีการพัฒนา Innovation อย่างต่อเนื่อง - ประสิทธิภาพการทำงานที่มากขึ้น
ทีมเวิร์กที่ดี สามารถส่งผลโดยรวมกับองค์กรในหลายแง่มุม ตั้งแต่การสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าที่มากขึ้น Output ในการทำงานที่สูงขึ้น เกิดการร่วมมือกันมากขึ้น เรื่องนี้เราจะสามารถเห็นและรู้สึกได้ทันที เมื่อเรามีทีมที่เป็นทีมเวิร์กที่ดี และเราก็จะเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีเช่นกัน ถ้าหากทีมกำลังแย่
การเรียนรู้เรื่องทีมเวิร์กตั้งแต่เด็ก
ถ้ามองกันจริงๆ ในเมื่อทีมเวิร์กเป็นสิ่งที่สำคัญมากขนาดนี้ การปลูกฝังให้เด็กๆ ได้เรียนรู้เรื่อง “ทีมเวิร์ก” จึงเป็นสิ่งจำเป็น เพราะหลายอย่างที่อยู่ในระบบการทำงานนั้น มักจะถูกออกแบบให้เราทำอะไรต่างๆ ในฐานะผู้เล่นแบบ “Team Player” ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของความสำเร็จ
เด็กๆ สามารถเข้าใจคำว่า “ทีมเวิร์ก” ได้ดีมากขึ้นจากการเล่น “กีฬา” ที่เป็นทีม อย่างในโฆษณาไมโล เราพบเห็นว่าการเล่าเรื่องทีมเวิร์กผ่านกีฬาฟุตบอล บาสเก็ตบอล หรือวอลเล่ย์บอล ซึ่งเป็นกีฬาที่คนไทยต่างคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วในวิชาพละตามโรงเรียน ที่ทุกคนคงเคยผ่านประสบการณ์มาในวัยเด็ก
การเล่นกีฬาเป็นทีมนอกจากจะสามารถพัฒนาทักษะในเรื่องของร่างกายและจิตใจ แต่ในอีกมุมหนึ่ง สิ่งที่เรียนรู้จากการเล่นกีฬาเป็นทีม เด็กจะได้ผลลัพธ์ที่สามารถนำไปต่อยอดในการทำงานในอนาคตได้ ซึ่งหากเรานำมาวิเคราะห์ถึงกระบวนการที่เกิดขึ้นจากการเรียนรู้ในสนามแข่งขัน เราจะสามารถถอดบทเรียนได้ 4 ข้อ ดังต่อไปนี้
- Togetherness: พร้อมจะก้าวไปด้วยกันกับทีมเสมอไม่ว่าเราจะแพ้หรือชนะ
- Sharing: เกิดการแบ่งปันวิธีการ แชร์ความรู้ซึ่งกันและกันระหว่างคนในทีม สร้างเป้าหมายร่วมกัน และฝึกฝนเพื่อไปสู่เป้าหมายด้วยกัน
- Energy to helping each other: ได้เรียนรู้ที่จะช่วยเหลือกันและกัน มีน้ำใจนักกีฬา
- Respect of yourself and others: เคารพตัวเองและผู้อื่น ได้รู้จักตัวเองมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ได้เรียนรู้จากคนอื่นไปพร้อมๆ กัน
บทเรียนจากความพ่ายแพ้สำคัญไม่แพ้กัน
ขึ้นชื่อว่าเป็นเกมกีฬาย่อมมีผลแพ้ชนะ และคนที่ชนะวันนี้ อาจมีวันที่ล้มบ้างและแพ้บ้างในวันข้างหน้า อีกบทเรียนที่อยากจะฝากไว้ให้คิด คือ “การแพ้ให้เป็น” เพราะในวันข้างหน้าเมื่อครั้งที่ลูกๆ ของเราเติบโตเป็นผู้ใหญ่เข้าสู่วัยทำงาน ทำสิ่งต่างๆ ต้องผจญโลกด้วยตัวเอง หลายครั้งเราต้องยอมรับว่า ไม่ใช่ทุกอย่างจะเป็นอย่างที่เราคิดเสมอไป ความล้มเหลว ความผิดพลาด ความผิดหวัง เกิดขึ้นได้เสมอ คำว่าแพ้ให้เป็นในที่นี้ไม่ได้หมายถึง แพ้แล้วล้มเลิก
แต่เราต้องรู้จักแพ้อย่างมีศาสตร์และศิลป์ เราต้องเรียนรู้ว่าเราแพ้เพราะอะไร และในทางกลับกันคนที่เขาชนะเรา เขาชนะเพราะอะไร หรืออาจเพราะเขาเรียนรู้มากกว่า ซ้อมกีฬาเยอะกว่า หรือมีปัจจัยอื่นใดที่ทำให้เขาทำมันได้ดีกว่า ยินดีกับเขา และเรียนรู้จากเขา ในขณะเดียวกันเมื่อล้มเหลว ก็ต้องเรียนรู้วิธีที่จะลุกขึ้นมาสู้กับมันอีกครั้ง
สุดท้ายสำหรับใครที่เป็นพ่อ เป็นแม่ หรือเป็นคนที่ต้องดูแลเด็กๆ การสอนให้เขาได้รู้จักคำว่า “ทีมเวิร์ก” และสอนให้เขา “แพ้ให้เป็น” นั้นเป็นเรื่องที่เราในฐานะผู้ปกปรองจะต้องคอยชี้แนะ คอยแนะนำเขา และให้เขาได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่สนุกและง่ายที่สุดนั้นคือผ่านการเล่น “เกมกีฬา”
ดังนั้น ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับพ่อแม่ทุกคนที่ต้องสนับสนุนให้ลูกๆ เล่นกีฬาอย่างมี “ทีมเวิร์ก” ตั้งแต่เด็ก เพื่อช่วยให้ลูกๆ ได้เรียนรู้อะไรมากมาย นอกจากความแข็งแรงของร่างกาย ยังส่งเสริมพัฒนาการทางจิตใจและสังคม เตรียมพร้อมสำหรับการใช้ชีวิต อยู่ร่วมในสังคม รวมถึงอุปสรรคในการทำงานที่ต้องเผชิญ เหมือนกับความเชื่อของของแบรนด์ไมโลที่กล่าวไว้ว่า “กีฬาคือครูชีวิต”
เหมือนที่ครั้งหนึ่ง นักกีฬาบาสเกตบอลแห่งยุคอย่าง “LeBron James” ได้เผยถึงแนวคิดที่เขายึดถือและปฎิบัติ จนประสบความสำเร็จในอาชีพ โดยเขากล่าวไว้ว่า…
“เราต้องคิดถึงทีมเวิร์กก่อน เพราะเมื่อทีมประสบความสำเร็จ เราเองก็จะประสบความสำเร็จไปด้วย”