- 3 วัฒนธรรมองค์กรที่เป็นพิษ
- ความกดดันที่ถูกครอบไว้ : จากการทำตามๆ กันมา หรือ จากวัฒนธรรมองค์กรที่มีอยู่ก่อนหน้า
- การแข่งขันในองค์กรที่สูงเกินไป : การแข่งขันบ้างเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้ามากเกินไปมันอาจจะกลายเป็นพิษได้
- ความกดดันจากชั่วโมงการทำงานที่มากเกินไป : ความรู้สึกกดดันที่จะต้องทำงาน แม้ว่าจะไม่ใช่เวลางาน หรือเป็นเวลาที่ควรจะต้องกลับบ้านได้แล้ว แต่ต้องทำเพราะรู้สึกกดดัน
- วัฒนธรรมองค์กรที่เป็นพิษสามารถแก้ไขได้
- เริ่มจากตัวคุณเองก่อน > ฟื้นฟูความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง > หาแนวร่วมเพื่อเปลี่ยนแปลง
บทความนี้ผมอ่านมาจาก Harvard Business Review ชื่อบทความว่า Keep Your Company’s Toxic Culture from Infecting Your Team ครับ
ถ้าว่ากันถึง “Toxic Culture” หรือ “วัฒนธรรมองค์กรที่เป็นพิษ” หลายอันถ้าหากเรามองเผินๆ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ดีนะครับ แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย ผมเลยขอหยิบวัฒนธรรมองค์กรที่เป็นพิษ 3 ข้อสำคัญจากบทความนี้ พร้อมแนวทางแก้ไขเบื้องต้นมาสรุปให้อ่านกันครับ
วัฒนธรรมองค์กรที่เป็นพิษ
Pressure to cover : ความกดดันที่ถูกครอบไว้
ในหลายบริษัทเราถูกกดดันว่าจะต้องทำตามคนส่วนใหญ่ อันนี้เป็นเรื่องที่อันตรายสำหรับยุคธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงเร็ว เช่น วัฒนธรรมที่เราไม่กล้าเถียงผู้อาวุโสกว่า ชัดเจนเลยว่ามีความเสี่ยงต่อการเจริญเติบโตขององค์กร หรือ ประเภทที่ว่าคนนั่งหัวโต๊ะฟันธงทุกอย่าง นั้นหมายความว่าองค์กรก็จะไม่ได้รับข้อเสนอแนะ หรือความคิดใหม่ๆ จากคนอื่นๆ เพราะทุกคนก็ไม่รู้ว่าจะพูดไปทำไม
Hyper-competitiveness : การแข่งขันในองค์กรที่สูงเกินไป
การแข่งขันบ้างเป็นสิ่งที่ดี แต่การแข่งขันที่เรียกได้ว่าไม่สนอะไรเลย มันจะนำไปสู่การแข่งขันเชิงทำลายล้าง
Pressure to overwork : ความกดดันจากชั่วโมงการทำงานที่มากเกินไป
ความรู้สึกกดดันที่จะต้องทำงาน แม้ว่าจะไม่ใช่เวลางาน หรือเป็นเวลาที่ควรจะต้องกลับบ้านได้แล้ว แต่เลือกที่จะต้องทำเพราะมันเป็นความกดดันจากสิ่งรอบๆ ข้าง ดูเผินๆ ก็เหมือนจะเป็นเรื่องดีนะการทำงานเยอะ แต่การทำแบบนี้ทำให้เกิดความเสี่ยงในการ “burnout” ฉะนั้นบางครั้งชั่วโมงการทำงานที่ลากยาวมากๆ บางทีมันก็ไม่ได้ช่วยให้ Productivity มากขึ้นหรอกครับ
จริงๆ แล้วเราสามารถทำอะไรเพื่อแก้ไขวัฒนธรรมเหล่านี้ได้บ้าง
เรื่องของวัฒนธรรมองค์กรเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญมากหรือจะเรียกว่าเป็นแก่นขององค์กรเลยก็ว่าได้ แต่คนจำนวนมากเลือกที่จะบ่นแล้วก็ไม่ได้ทำอะไรเพื่อเปลี่ยนแปลง เพราะรู้สึกว่ามันใหญ่เกินกว่าที่เราจะทำได้ แต่จริงๆ แล้วเราสามารถทำได้ครับ
Start with yourself : เริ่มจากตัวคุณก่อน
ในบทความเขาเปรียบเทียบเหมือนกับเวลาเราไปขึ้นเครื่องบินครับ ถ้าคุณเดินทางไปกับเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุคุณจะต้องใส่หน้ากากออกซิเจนให้ตัวเองก่อน จากนั้นถึงค่อยใส่ให้กับคนอื่น เหมือนกันกับเรื่องของวัฒนธรรมองค์กร ถ้าเราอยู่ในวัฒนธรรมองค์กรที่เป็นพิษ เราก็ควรเริ่มปรับที่ตัวเองก่อน
Repair relationships : ฟื้นฟูความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง
เริ่มจากตัวเราเองก่อน ลองถามตัวเองดู เช่น ฉันทำอะไรที่มันไม่ดีกับเพื่อนร่วมงานบ้างหรือเปล่าในช่วงเวลาครึ่งปีที่ผ่านมา หรือ จริงๆ แล้วเราเป็นคนที่สร้างปัญหาให้กับทีม, โปรเจกต์, คน, องค์กรบ้างหรือเปล่า ถ้าคำตอบคือใช่หรือมีส่วนเราก็ควรไปขอโทษคนที่เราเคยทำผิดด้วย ในขณะเดียวกันหลายๆครั้ง อีกฝ่ายก็รู้สึกเหมือนกับว่าเขาทำผิดด้วย ก็จะเกิดการขอโทษซึ่งกันและกัน ในที่สุดแล้วก็จะทำให้ความสัมพันธ์ของคุณกับคนรอบข้างนั้นดีขึ้น
Form a coalition : หาแนวร่วม
เรื่องวัฒนธรรมองค์กรเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าอยากจะแก้ต้องหาแนวร่วมครับ ไม่ว่าจะเพื่อนที่ทำงาน เจ้านายของคุณ หรือใครก็แล้วแต่ที่คุณจะหาได้ ค่อยๆ สร้างมาตรฐานใหม่ในการทำงานร่วมกัน ซึ่งอันนี้ค่อนข้างยาก แต่เป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องทำ เช่น ถ้ามีปัญหาห้ามโทษกัน แต่ให้เริ่มที่การหาทางแก้ปัญหาก่อน
เรื่องของวัฒนธรรมองค์กรเป็นเรื่องที่สำคัญ และการที่คุณมีวัฒนธรรมองค์กรที่เป็นพิษนั้นก็เปรียบเหมือนกับมีมะเร็งร้ายที่คอยกัดกร่อนองค์กรของคุณ