“แฮร์รี่ พอตเตอร์” โลกเวทมนตร์ในความทรงจำ ที่เติบโตไปพร้อมกับเรา

2982
1920-HarryPotter


*สามารถเปิดฟังโดยปิดหน้าจอมือถือได้ 

เด็กชายที่มีแผลเป็นรูปสายฟ้าบนหน้าผาก…นามว่า “แฮร์รี่ พอตเตอร์” (Harry Potter)

หากพูดถึงชื่อนี้ เชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จักหนังเวทมนตร์ชื่อดังแห่งยุค ที่มีความยาวกันถึง 8 ภาคเลยทีเดียว และบอกได้เลยว่าเรื่องราวของโลกพ่อมดแม่มดอันน่าหลงใหล ที่เต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจ ความน่าค้นหา มิตรภาพ และความอบอุ่นที่ถูกฉายผ่านตัวละครต่างๆ ทำให้หนังเรื่องนี้ได้กลายเป็น “หนังในดวงใจ” ตลอดกาลของใครหลายคนเลยทีเดียว

และเมื่อปลายปีที่แล้ว เพิ่งครบรอบ 20 ปีของวันฉายแฮร์รี่ พอตเตอร์ภาคแรก (Harry Potter and the Sorcerer’s Stone) ทาง HBO GO จึงรวบรวมเหล่านักแสดง รวมถึงทีมผู้สร้างภาพยนตร์ เพื่อสร้างรายการพิเศษให้กับแฟนๆ ได้หวนคืนสู่ความอบอุ่นในกองถ่าย และโมเมนต์สุดประทับใจ

เชื่อว่าหลายคนก็คงคิดเหมือนกันว่า “แฮร์รี่ พอตเตอร์” เป็นเรื่องหนึ่งที่ทุกครั้งที่เราย้อนกลับไปดูหรืออ่านหนังสือ ไม่ว่าเราจะอ่านซ้ำกี่ครั้ง จะดูกี่ครั้งก็ยังสนุก รู้สึกอบอุ่นหัวใจจนอยากเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องนี้จริงๆ แต่ทุกคนเคยสงสัยไหมว่า ไม่ว่าจะเป็นเกม ภาพยนตร์หรือหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ใช้เวทมนตร์อะไรที่ดึงดูดให้เราหลงรักโลกเวทมนตร์และพ่อมดคนนี้กันนะ ลองมาหาคำตอบในบทความนี้กันเถอะ

รู้สึกได้หนีออกจากโลกแห่งความจริงผ่านการดู “แฮร์รี่ พอตเตอร์” (Harry Potter)

หากเราพอจะจำความรู้สึกที่ได้ดูแฮร์รี่ พอตเตอร์ ภาคแรกได้ ความรู้สึกนั้นคงเป็นความรู้สึกที่ “ว้าว” ไม่น้อย ทั้งตรอกไดแอกกอนที่ดูน่าตื่นตาตื่นใจ ทั้งฮอกวอตส์ที่ดูใหญ่โตมโหฬาร ทั้งหมวกคัดสรรที่ทำให้เราลุ้นไปกับตัวละคร และทั้งบันไดเลื่อนได้ที่ทำให้เราอยากลองที่จะเดินขึ้นไปบ้าง ทั้งหมดทั้งมวลนี้ดูเป็นสิ่งที่เกินจริงและแตกต่างไปจากโลกแห่งความจริงเลยใช่ไหมล่ะ?

บางคนมองว่า โลกเวทย์ทมนตร์เป็นเรื่องเพ้อฝันสำหรับเด็กน้อยเท่านั้น แต่รู้ไหมว่าสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนกลับชอบแฮร์รี่ พอตเตอร์ จนกลายเป็นเฝ้ารอทุกภาค ก็เพราะความมหัศจรรย์เหล่านี้นี่แหละ

มีหลากหลายคนที่เบื่อกับชีวิตในโลกจริง ท้อแท้กับชีวิตการทำงานหรือการเรียน แต่พอได้ดูหนังที่มีเนื้อเรื่อง มีส่วนประกอบต่างๆ ที่เกินความจริงเหล่านี้ ก็ทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนกับได้หลุดออกไปจากโลกแห่งความจริงที่มีแต่ความเหนื่อยหน่าย

พอได้มาดูหนังแนวนี้ ก็ทำให้พวกเขาได้ปล่อยให้สมองจินตนาการตามเนื้อเรื่อง ไม่ต้องหาเหตุผลที่สิ่งต่างๆ เกิดขึ้นให้มากมาย ซึ่งนี่ก็อาจเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้หมวดแฟนตาซี เป็นหมวดที่สามารถเข้าถึงได้เกือบทุกคน ไม่ว่าพวกเขาจะแค่อ่านหนังสือ หรือสนใจในภาพยนตร์เพียงอย่างเดียว หรือไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ ทำอาชีพอะไรก็ตาม

และเมื่อพวกเขานึกถึงภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์ สิ่งที่พาให้เราตื่นตาตื่นใจคงไม่ใช่แค่เนื้อเรื่องที่น่าสนใจเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีองค์ประกอบต่างๆ ที่ไม่มีอยู่จริงบนโลกเรา ซึ่งบางครั้งทำให้เราอดเปรียบเทียบโลกที่เราอยู่กับโลกแฟนตาซีไม่ได้ เช่น

“เวทมนตร์” ที่เราจำได้ไม่ลืม ไม่ว่าจะเป็น “วิงการ์เดียม เลวิโอซ่า (Wingardium Leviosa)” คาถาไว้ใช้ยกของให้ลอยขึ้นได้ หรือแม้แต่คาถา “ริดิคูลัส (Riddikulus)” ที่สามารถเปลี่ยนสิ่งที่เรากลัวกลายเป็นสิ่งตลก ซึ่งหากเราสามารถใช้ได้ในชีวิตจริง การแก้ปัญหาหรือเอาชนะตัวเองผ่านการก้าวข้ามความกลัวอาจจะง่ายขึ้นเยอะ ต่างจากโลกแห่งความจริงที่เราต้องก้าวข้ามผ่านอะไรต่างๆ อย่างยากลำบาก จนบางทีก็นึกคิดอยากจะมีเวทมนตร์เหมือนแฮร์รี่บ้าง

Advertisements

โลกพ่อมดแม่มดที่สมจริง จนทำให้รู้สึกว่าเวทมนตร์ไม่ไกลตัวเรา

“จริงๆ แล้วโลกเวทมนตร์อาจมีจริง แต่เราแค่เป็นมักเกิ้ล” เป็นประโยคที่ได้เห็นผ่านตาบนไทม์ไลน์ทวิตเตอร์ จนทำให้ฉุกคิดได้ว่า แฮร์รี่ก็เป็นหนังอีกเรื่องหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในการที่ทำให้คนอิน และยังจินตนการถึงจนถึงทุกวันนี้
.
ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเรื่องที่มีการเชื่อมโยงเข้ากับโลกที่เราอยู่จริง เด็กชายธรรมดาๆ ที่อยู่กับลุงป้าในเมืองทางใต้ของลอนดอน หรือจะเป็นเส้นทางเข้าสู่โลกเวทมนตร์โดยใช้ชานชาลาที่ 9¾ ที่อยู่ในสถานที่ King’s Cross ในลอนดอน หรือจะเป็นทางเข้ากระทรวงเวทมนตร์โดยใช้ตู้โทรศัพท์สีแดง และที่สำคัญคือตึกภาคีนกฟินิกซ์ที่ซ่อนอยู่ในตึกในลอนดอน

ส่วนประกอบทั้งหมดทั้งมวลนี้ต่างเชื่อมโยงกับโลกจริงของเราได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้หลายคนต่างมีความรู้สึกว่าหรือจริงๆ แล้ว โลกเวทมนตร์ไม่ได้เป็นโลกที่แตกแยกไปจากโลกที่เราอยู่นัก มันเป็นเรื่องใกล้ตัว หรืออยู่แค่ปลายจมูกเราเอง จนบางคนก็แอบคิดว่าหรือจริงๆ แล้วพ่อมดแม่มดนั้นแฝงตัวอยู่ในหมู่มักเกิ้ลอย่างพวกเรา

ถึงแม้ว่าในใจเราจะรู้ดีว่ามันเป็นแค่เรื่องราวที่แต่งขึ้นมา แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าความเชื่อมโยงต่างๆ ในเรื่อง กลับเสริมสร้างจินตนาการของเราไม่น้อย ที่ไม่ว่าเราจะเติบโตมาแค่ไหน บางทีเราก็แอบจินตนาการว่าโลกเวทมนตร์นั้นอาจจะมีจริง

นอกจากนี้ แฮร์รี่ พอตเตอร์ยังแฝงความเป็นจริงของมนุษย์ไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวความรัก มิตรภาพ ความเสียสละ รวมถึงคติต่างๆ ที่กลายมาเป็นบทเรียนให้ชีวิต ซึ่งเด็กเรียนรู้ได้ ผู้ใหญ่ใช้ก็ดี

ตัวอย่างประโยคดังๆ ที่แฝงความหมายลึกซึ้ง เช่น “Do not pity the dead, Harry. Pity the living, and, above all those who live without love. (อย่าสงสารคนที่ตายไปแล้วเลย, แฮร์รี่ สงสารคนที่มีชีวิตอยู่ดีกว่า โดยเฉพาะคนที่มีชีวิตอยู่เแต่ปราศจากความรัก)” เพราะเมื่อเราโตขึ้น เราจึงรู้ว่า สิ่งที่ทำให้ชีวิตเรามีความสุขได้ก็มาจากความรักของคนรอบข้างรวมถึงของตัวเราเองด้วย

เพราะความคุ้นเคยหรือความเป็นไปได้ที่โลกแห่งเวทมนตร์นี้จะมีอยู่จริง ทำให้เรารู้สึกอยากหนีจากโลกแห่งความเป็นจริงนี้ หรือพาครอบครัว เพื่อน คนรักไปพักผ่อน สนุกสนาน ใช้ชีวิตอยู่ที่โลกแฟนตาซีแม้เพียงชั่วคราวก็ยังดี

Harry Potter เติบโต เฉกเช่นเดียวกับ “ตัวเรา”

คงไม่เป็นที่น่าสงสัยทำไม แฮร์รี่ พอตเตอร์ถึงเป็นเรื่องในความทรงจำวัยเด็กของใครหลายคน ลองคิดดูว่าแฮร์รี่ พอตเตอร์ มีทั้งหมด 8 ภาค ใช้เวลาถึง 10 ปีในการฉายภาพยนตร์ตั้งแต่ภาคแรกจนถึงภาคสุดท้าย ซึ่งเท่ากับว่าเป็นช่วงเวลา 10 ปีที่คนดูวัยเด็กจะเติบโตเป็นวัยรุ่น หรือจากวัยรุ่นคนหนึ่งเติบโตเป็นผู้ใหญ่ จึงไม่แปลกที่เราจะรู้สึกผูกพันธ์กับตัวละครหรือเรื่องราวอย่างลึกซึ้ง

มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เราได้เห็นในช่วงเวลา 10 ปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเติบโตของตัวละคร จากเด็กตัวเล็กๆ จนทุกวันนี้ทุกคนเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว หรือไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ของเหล่าแก๊งเพื่อน ที่ไม่ใช่แค่ แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่ แต่รวมถึงตัวละครตัวอื่นๆ อย่างแฮกริด มัลฟอย หรือแม้แต่สเนป ที่เราได้เห็นตั้งแต่การพบเจอกันครั้งแรก จนมาถึงตอนที่บางคนต้องจากลาไปในระหว่างทาง

ทำให้ในระหว่าง 10 ปีนี้ การที่เราได้เห็นตัวละครเปลี่ยนไปตามกาลเวลา เนื้อเรื่องเดินหน้าอย่างเข้มข้นมากขึ้น จากตอนแรกที่อาจจะเริ่มจากการผจญภัยของพ่อมดตัวเล็กๆ จนหลังๆ มีเรื่องของการไขปริศนา การสูญเสีย การเสียสละ และการต่อสู้เข้ามา ทำให้ “ความผูกพัน” ของเรากับเรื่องนี้ค่อยๆ พัฒนามากขึ้นไปเช่นเดียวกัน

ทำให้แฮร์รี่ พอตเตอร์จึงกลายเป็นเหมือน “เซฟโซน” แหล่งความสุขในวัยเยาว์ที่ทำให้เรารู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ได้ดู หรือทำให้เรารู้สึกราวกลับไปเป็นเด็กอายุ 11 อีกครั้งนั่นเอง ทำให้แม้เราจะเติบโตมากขึ้นแค่ไหน แต่ในใจลึกๆ เราก็ยังคงรอจดหมายเรียกไปเรียนที่โรงเรียนฮอกวอตส์อยู่

ไม่ใช่แค่เราคนทั่วไปที่หลงรักในมนตร์เสน่ห์ของโลกพ่อมดแม่มดนี้ หลายๆ ผู้มีชื่อเสียง ดาราฮอลลีวูดอย่าง Jennifer Lawrence ที่ได้ให้สัมภาษณ์เมื่อปลายปีที่แล้วว่า เธอเป็นแฟนตัวยงของแฮร์รี่พอตเตอร์ เธอจำได้ทุกคาถาในนั้นและวางแผนจะอ่านแฮร์รี่พอตเตอร์ซ้ำอีกรอบหลังเธออ่านจบมาสามสี่ครั้งแล้วก็ตาม

เพราะชีวิตเราเจอเรื่องโหดร้ายมามาก แถมเจอปัญหาใหม่ๆ ทุกวัน ทำให้พื้นที่ความสุขและจินตนาการก็เริ่มหดแคบลง แฮร์รี่ พอตเตอร์ที่เราเคยอ่านในวันเด็กก็เลยกลายเป็นพื้นที่อบอุ่นของเราที่คอยปลอบประโลมและเยียวยาจิตใจด้วยความบันเทิง

ผลงานของเจเคได้สร้างสรรค์โลกใหม่ให้วัยเด็กของหลายคน และต่อให้เราเติบโต ก็ยังคงนึกถึงการเดินทางไปฮอกวอตส์ทุกครั้งที่เดินผ่านชานชาลารถไฟ หรือคิดเล่นๆ ในหัวว่า ถ้าวันไหนลืมกุญแจบ้าน ก็แค่ท่องคาถา “อะโฮโมร่า” เพื่อปลดล็อกประตู หรือเดินทางได้สะดวก รวดเร็วในพริบตาผ่านเตาผิงที่บ้าน นี่คงทำให้ชีวิตเรามีสีสันและง่ายขึ้นอยู่ไม่น้อยเลย


อ้างอิง:
https://bit.ly/3mY1fkM
https://bit.ly/3HEUQmq
https://bit.ly/33azdeN
https://bit.ly/3HMTCpf
https://bit.ly/3q2Tf3D

Advertisements

#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
#inspiration

 

 

Advertisements

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่