NEWSTrendsGen Z เผชิญกับการล่วงละเมิดทางเพศในที่ทำงานน้อยลงเพราะเทรนด์ #MeToo ?

Gen Z เผชิญกับการล่วงละเมิดทางเพศในที่ทำงานน้อยลงเพราะเทรนด์ #MeToo ?

ปัจจุบันหลายๆ คนอาจคุ้นเคยกับการเคลื่อนไหว #MeToo ที่ต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศกันดี เป็นการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 2006 โดย ทารานา เบิร์ก นักเคลื่อนไหวแนวคิดสตรีนิยมผิวดำที่พยายามต่อสู้กับความรุนแรงทางเพศในชุมชนของเธอ

อย่างไรก็ตาม #MeToo ได้กลายมาเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในปี 2017 เพราะคดีล่วงละเมิดทางเพศและข่มขืนของฮาร์วีย์ ไวน์สตีน โปรดิวเซอร์ชาวอเมริกันที่มีชื่อเสียงในแวดวงฮอลลีวูด นับจากนั้นผู้หญิงทั่วโลกได้ใช้แฮชแท็ก #MeToo ในการบอกเล่าเรื่องราวของตนเองบนโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะเรื่องการถูกละล่วงละเมิดทางเพศในที่ทำงาน

การเคลื่อนไหวนี้ทำให้หลายๆ คนตระหนักรู้ต่อปัญหาที่เกิดขึ้น และทำให้ผู้หญิงหลายๆ คนกล้าที่จะลุกขึ้นต่อสู้เพื่อความถูกต้อง จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงตามมามากมาย

บริษัทใหญ่หลายแห่งได้ใส่ประเด็นนี้ลงในหลักสูตรฝึกอบรมภาคบังคับสำหรับพนักงาน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้น งานวิจัยยังพบอีกว่าจำนวนของ CEO ที่ถูกไล่ออกเพิ่มขึ้น เพราะประเด็นคุกคามทางเพศ

ในขณะเดียวกัน จำนวนพนักงานที่กล้าออกมาพูดเรื่องนี้ก็เพิ่มขึ้นจากในอดีตด้วย การสำรวจในอังกฤษและเวลส์ พบว่า 7 จาก 10 ในผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า พวกเขาเชื่อว่าการเคลื่อนไหว #MeToo ทำให้คนออกมาเปิดเผยเรื่องการถูกคุกคามทางเพศมากขึ้น

ในด้านกฎหมาย หลายๆ ประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ และสเปน ก็มีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายให้เข้มงวดต่อการคุกคามทางเพศมากกว่าเดิม เช่น บริษัทในเกาหลีถูกบังคับให้สืบสวนเมื่อมีการร้องเรียนเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศ ไม่ว่าจะเกิดในบริษัทหรือนอกบริษัท เป็นต้น

สำหรับตัวพนักงานเองก็มีการรวมกลุ่มสนับสนุน (Support Group) เพื่อคอยให้กำลังใจและสร้างพลังให้แก่ผู้หญิงด้วยกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่งานวิจัยเห็นว่าสามารถลดการล่วงละเมิดทางเพศในที่ทำงานได้จริง

เจเนอเรชัน Z ที่เติบโตมาพร้อมการเคลื่อนไหวก็ตระหนักถึงปัญหานี้ดี ผลสำรวจพบว่าชาวเจน Z สนับสนุน #MeToo กันมากยิ่งกว่ามิลเลนเนียลและเจนอื่นๆ แต่การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้หมายความว่าสภาพแวดล้อมในการทำงานนั้น “ดึขึ้น” สำหรับทุกๆ คน โดยเฉพาะเจน Z ที่เพิ่งจะเริ่มชีวิตการทำงานไม่นานมานี้หรือไม่?

ท่ามกลางความเปลี่ยงแปลงที่กล่าวมา ในความเป็นจริงนั้นยังเกิดปัญหาเหล่านี้อยู่อย่างแพร่หลาย หลายผลสำรวจพบว่าหญิง 2 ใน 3 และผู้ชาย 1 ใน 3 พบว่าพวกเขาต้องเผชิญกับการล่วงละเมิดทางเพศในที่ทำงานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

ตัวเลขนี้อาจสูงกว่าในความเป็นจริง เพราะกว่า 25% ของคนอายุ 18-30 ระบุว่า พวกเขากลัวว่าจะตกงานหากต้องร้องเรียนเรื่องที่ตนโดนกระทำ และงานวิจัยจากหลายมหาวิทยาลัยในสหรัฐยังพบอีกว่า พนักงานส่วนใหญ่มักจะลังเลเรื่องการร้องเรียน หากฝ่ายตรงข้ามเป็นพนักงานฝ่ายชายที่มีตำแหน่งสูงกว่า เป็นเรื่องที่เราทุกคนต้องตระหนักว่าแม้จะมีการเคลื่อนไหวเช่น #MeToo แต่ปัญหาอาจจะยังไม่หายไปไหน เพราะโดยเฉลี่ยแล้วในตำแหน่ง Management อันดับอาวุโสขึ้นไปนั้นมักจะเป็นพนักงานชายวัยกลางคน และยังมีอีกหลายๆ คนที่ไม่ได้ตระหนักถึงการขับเคลื่อนทางสังคมนี้

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์อาจดีขึ้นในอนาคต เพราะเจน Z ที่กำลังจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในที่ทำงานนั้นเป็นเจนที่ให้ความสำคัญเรื่องความโปร่งใส ความเท่าเทียม ความถูกต้อง และสุขภาพจิตที่ดีในที่ทำงานอย่างมาก นอกจากนั้นแล้วยังเป็นเจนที่จะไม่ยอมทนเมื่อถูกกระทำ จนถูกเรียกว่า “Generation Quit” หรือเจเนอเรชันแห่งการลาออก

อย่าลืมว่ากระแส #MeToo เพิ่งเป็นที่แพร่หลายราวๆ 6 ปี เท่านั้น ยังมีโอกาสที่สภาพแวดล้อมในการทำงานจะดีขึ้นในอนาคต เมื่อคนในสังคมตระหนักถึงปัญหาการคุกคามทางเพศในที่ทำงานมากขึ้น และเมื่อคนเจเนอเรชันใหม่ๆ ที่ใส่ใจเรื่องพวกนี้มากกว่าได้ขึ้นมามีบทบาทสำคัญในองค์กร


อ้างอิง
http://bit.ly/3J5O5wf

#trend
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast

Advertisements
Advertisements

LASTEST ARTICLES

LASTEST PODCAST

Mission To The Moon
Mission To The Moon
พื้นที่ที่สร้างขึ้นเพื่อแบ่งบันเรื่องราวเกี่ยวกับการทำธุรกิจ การตลาด แรงบันดาลใจ และข้อคิดในการใช้ชีวิต

POPULAR ARTICLES

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่มีความจำเป็น (Strictly Necessary Cookies)
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานและเข้าชมเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถบล็อคการใช้งานคุกกี้ได้จากเบราว์เซอร์ที่ใช้งาน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบกับการใช้งานเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราะห์และวัดผลการทำงาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า