ขายยา หรือ เป็นแร็ปเปอร์

2588
มีเวลาไม่เยอะอยากอ่านสั้นๆ
  • บรูคลิน ปี 1986 มีเด็กอายุ 15 คนนึงชื่อ ชอว์น คาร์เตอร์ วันๆเขามีกิจกรรมหลักอยู่สองอย่างคือเขียนเพลงแร็พกับขายยา ถึงจุดหนึ่งเขาจะต้องเลือกว่าจะเดินเส้นทางไหน เขาตัดสินใจเลือกที่จะเป็นแร็ปเปอร์ และเขาก็ประสบความสำเร็จอย่างมาก

ผมเชื่ออยู่อย่างหนึ่งครับว่าการที่คนเราจะประสบความสำเร็จอะไรได้เร็ว หนึ่งในปัจจัยที่สำคัญมากๆ คือการหางานที่เหมาะสมกับตัวเองให้เจอ เวลามีน้องๆมาถามว่าเขาควรจะเลือกงานอะไรดี ผมจะเล่าเรื่องนี้ให้ฟังครับ มันอาจจะดูเอ็กซ์ตรีมไปหน่อย แต่ผมว่ามันเป็นเรื่องที่สอนเราได้ดีมาก

สองทางเลือกในชีวิตของ ชอว์น

บรูคลิน นิวยอร์ก ปี ค.ศ. 1986 สมัยนั้นมันไม่ได้ดูศิวิไลซ์เหมือนสมัยนี้หรอกครับ เป็นโซนที่ค่อนข้างน่ากลัวทีเดียว มีคนขายยาและคนเล่นยาเต็มถนน และอัตราการเกิดอาญชญากรรมก็สูงลิ่ว มีเด็กอายุ 15 คนนึงชื่อ ชอว์น คาร์เตอร์ (Shawn Carter) ซึ่งชีวิตเขาวันๆมีกิจกรรมหลักอยู่สองอย่างคือการเขียนเนื้อเพลงแร็พซึ่งกำลังเป็นอะไรที่ฮิตสุดๆ และอีกอย่างคือขายยาอยู่ตามมุมๆตึกและซอกบันไดของ Marcy housing project

เมื่อ ชอว์น มองไปถึงอนาคตของเขาจากจุดที่เขายืนอยุ่ก็พบว่าเขามีทางเลือกอยู่แค่สองทางเท่านั้นคือไม่เป็นคนขายยาไปเลย ก็หาทางเข้าสู่วงการเพลงแรป เรื่องอื่นดูจะยากเพราะเขาเองไม่ได้ทักษะอะไรมากไปกว่านี้ เรามาลองพิจารณาทางเลือกที่หนึ่งดู การเป็นพ่อค้ายาจริงๆแล้วดูเหมือนง่ายแต่ก็ไม่ง่าย เพราะนอกจากจะต้องสู้รบกับตำรวจแล้ว ในวงการพ่อค้ายาเองก็ยังมีการเฉือดเฉือน ฆ่ากัน มีสงครามย่อยๆตลอดเวลา แต่ข้อดีของการเป็นพ่อค้ายาเต็มตัวคือ ความต้องการยาของตลาดสูงมาก ซึ่งแน่นอนรายได้ต้องดี ภาษีไม่ต้องเสีย และเอาเข้าจริงๆแล้วในยุคที่เขาเติบโตมา พ่อค้ายาได้รับความเคารพ ยำเกรง และเกรงกลัวมากทีเดียว

Advertisements

ทางเลือกที่สองของการเป็นนักร้องเพลงแรปที่ดังนั้นก็ไม่ใช่ง่ายๆ เช่นกัน เพราะมีคนอยากเป็นเยอะเยอะเต็มไปหมด ถ้าไม่เก่งจริง ไม่มีคนปั้นดีจริง แถมอาจจะต้องบวกกับดวงที่ดีด้วย จึงเป็นเรื่องที่ยากที่จะดังได้ แต่ถ้าดังขึ้นมาก็ต้องเรียกว่ารวยไม่รู้เรื่องเลยทีเดียว เมื่อมองทางเลือกเทียบกับงานสายเพลงแร็พแล้ว การเป็นพ่อค้ายาดูจะเป็นทางเลือกที่ง่ายกว่า หาเงินได้เร็วกว่า

ชอว์น ต้องการประสบความสำเร็จในอาชีพ แต่เขาเลือกที่จะไม่กลายเป็นพ่อค้ายาชื่อดัง ซึ่งจริงๆก็ดีแล้วแหละเพราะพ่อค้ายาชื่อดัง ส่วนใหญ่ชีวิตจจะจบไม่สวยสักคน เขาเลือกอีกเส้นทางนึง แล้วหันหน้าเข้าสู่วงการเพลง ซึ่งแน่นอนมันไม่ง่าย เขาพยายามเลือดตามแทบกระเด็น และเขาก็มาได้ไกลสุดๆ

ชอว์น โครี คาร์เตอร์ (Shawn Corey Carter) ผู้เคยเป็นเด็กขายยามาก่อนวันนี้เรารู้จักเขาในนาม Jay-Z นักธุรกิจและเจ้าพ่อเพลงแร็ปผู้มีทรัพย์สินกว่า 550 ล้านเหรียญสหรัฐ 


เมื่อมีคนไปถามเขาว่า คิดว่ามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?

เขาตอบว่า การมาถึงจุดสูงสุดของวงการเพลงแบบที่เขาเป็นนี่มันเป็นยิ่งกว่าความฝัน แน่นอนว่ามันมีโชคเข้ามาอยู่ด้วย แต่เขาเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนมีความสามารถระดับอัจฉริยะ ซ่อนอยู่ในตัว เรื่องการที่มีการถูกกำหนดอยู่ตั้งแต่เกิดว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลวนั้นไม่มีอยู่จริงหรอก คุณต้องตามหาสิ่งที่คุณรักและเก่ง และทำมันให้สุดๆก็แค่นั้นเอง

คริส กิลเลโบว์ (Chris Guillebeau) ได้วิเคาระห์เรื่องความสำเร็จของ Jay Z ไว้ได้อย่างน่าสนใจ ว่าการเลือกอาชีพด้านดนตรีของ Jay-Z แทนที่จะไปเป็นพ่อค้ายานั้นมันมากกว่าทางเลือกที่เกี่ยวข้องกับความถูกต้องด้านศีลธรรม แต่มันเป็นความถูกต้องด้านการเลือกอาชีพด้วย เพราะการเลือกอาชีพที่ถูกต้องนั้นต้องประกอบไปด้วย

  1. การทำสิ่งที่คุณรัก
  2. การทำสิ่งที่สามารถให้เงินคุณได้
  3. การทำสิ่งที่คุณมีความสามารถพอที่จะทำมันได้ดี (กว่าคนทั่วๆไป)

ซึ่ง Jay-Z ทำแบบนั้นเป๊ะๆเลย และวิธีการนี้เราก็สามารถนำไปใช้ในการเลือกงานของเราได้เช่นกัน เมื่อชีวิตถึงจุดที่จะต้องเลือกโดยเฉพาะเรื่องงานตัวกรองสามอย่างนี้ดีมากครับอย่างแรกลองพิจารณาก่อนว่าคุณมีความสุข ความรักกับสิ่งที่ทำไหม เพราะคนเราใช้เวลาในชีวิตส่วนมากไปในการทำงาน และชีวิตเราสั้นเกินกว่าจะทำอะไรที่เราไม่รักและไม่มีความสุข 

Advertisements

อย่างที่สองคือคุณต้องเลือกงานที่สามารถทำรายได้มากเพียงพอที่จะเลี้ยงดูครอบครัว และดูแลไลฟ์สไตล์ ของคุณได้ เพราะเรากำลังพูดเรื่องงานที่เป็นอาชีพไม่ใช่งานอดิเรก ข้อนี้จึงมีความสำคัญไม่แพ้กัน


สุดท้ายคือการเลือกงานที่คุณมีความสามารถในการทำได้ดีมากกว่าคนอื่น หรือมีแนวโน้มที่จะพัฒนาความสามารถนั้นไปได้ไกลกว่าคนอื่น เพราะนั่นคือการได้ใช้ศักยภาพเฉพาะตัวของคุณอย่างเต็มที่ และเชื่อผมเถอะว่าศักยภาพของแต่ละคนมีแตกต่างกันออกไปจริง หน้าที่ของคุณคือหามันให้เจอ

ถ้าคุณเลือกงานที่มีความสุข เงินดี แต่ไม่ใช่งานที่คุณสามารถทำได้ดีกว่าคนอื่น คุณจะพลาดโอกาสในการแสดงศักยภาพสูงสุดของคุณไป

ถ้าหากคุณเลือกงานที่มีความสุข และคุณก็ทำได้ดีกว่าคนอื่นด้วย แต่เงินไม่ดี คุณจะตกอยู่ในสภาพศิลปินไส้แห้ง 

ถ้าหากคุณเลือกงานที่เงินดี และคุณสามารถทำได้ดีกว่าคนอื่น แต่คุณไม่มีความสุขกับมัน คุณจะกลายเป็นคนสำเร็จที่เคว้งคว้าง และกลวงเปล่าอยู่ภายใน

งานที่ดีจึงต้องมาพร้อมกันทั้งสามอย่างคือ มีความสุข เงินดี และคุณมีความสามารถคู่ควรกับมันด้วย

การหางานในฝันจึงไม่ใช่เพียงแค่การหางานที่คุณสามารถทำได้ แต่เป็นหางานที่คุณ”ควร”ทำต่างหาก เพราะนั่นอาจจะเป็นวิธีเดียวที่จะไปถึงความฝันที่แท้จริงของคุณได้ 

เหมือนเพลง Empire State of Mind ของ Jay Z ว่าไว้ว่า

กรุงนิวยอร์ก ป่าคอนกรีต ที่ความฝันถูกสร้างขึ้นมา ไม่มีอะไรที่คุณทำไม่ได้ในนิวยอร์กนี้ ถนนหนทางจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนมีชีวิตใหม่ ดวงไฟดวงใหญ่จะเป็นแรงบันดาลใจให้คุณ ฟังเสียงของกรุงนิวยอร์กนี้ดู นิวยอร์ก นิวยอร์กเพลง Empire State of Mind - Jay Z
Advertisements

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่