หลังจาก Marvel Studios ประสบความสำเร็จเป็นพลุแตกจากการสร้าง “จักรวาลภาพยตร์”
ทำให้แฟรนไชส์เรื่องอื่นๆ ต้องเข็นตัวเอง นำเอาวัตถุดิบที่มี มาสร้างภาคต่อเพื่อเรียกกระแสจากแฟนๆ
เช่นเดียวกับ “The Martrix Resurrections” ภาคต่อของแฟรนไชส์ The Matrix สุดยอดหนังไซไฟระดับท็อปโลก
แต่ถ้าให้บอกตามตรง การมาของภาค 4 ที่สานต่อเรื่องราวจากไตรภาคที่ห่างกันถึง 18 ปี กลับทำออกมาได้อย่าง “ครึ่งๆ กลางๆ” จะว่าดีก็ไม่แน่ จะว่าแย่ก็ไม่เชิง
วันนี้เราเลยชวนหนึ่งในผู้ที่อยู่วงการเบื้องหลังงานโปรดักชันของเมืองไทย มาคุยกันว่าเหตุผลอะไร ทำไม The Matrix ภาคนี้ถึงไม่ต้องมีก็ได้
//คำเตือน! เนื้อหาต่อไปนี้มีสปอยล์//
.
.
.
.
.
เนื้อหาจะพูดถึงช่วงเวลาหลังจากเหตุการณ์ในภาค 3 ที่ นีโอ หรือผู้ปลดปล่อย ได้ปลดแอกมนุษยชาติ ให้หลุดพ้นการควบคุมของจักรกล แต่กลับกลายเป็นว่าโลกนั้น “ขาดแคลนพลังงาน” จากเดิมที่มีมนุษย์เป็นแหล่งเชื้อเพลิง จนเกิดสงครามและความวุ่นวาย ทางออกคือการนำตัว นีโอ กลับสู่โลก The Matrix ในฐานะ “แหล่งพลังงานหล่อเลี้ยงโลก”
อ่านถึงตรงนี้ คอนเซปต์อาจจะฟังดูน่าสนใจ แต่เอาเข้าจริงเรื่องราวก็ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านี้แล้ว จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ตอนเราดูตัวอย่างแล้วเรา “เดาไม่ถูก” ว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งฟังเหมือนจะดูดี แต่หนังเรื่องก็นี้ไม่ได้มีอะไรเลยนอกจากพยายามอธิบายว่า The Matrix กลับมาทำไม
กลายเป็นว่าตลอดทั้งเรื่อง เนื้อหาก็วนอยู่กับที่ ไม่ได้ทำให้โลกของ The Matrix ขยับไปไหน ซึ่งหากมองอีกมุมหนึ่ง The Martrix Resurrections ก็เป็นเหมือนภาคปูพื้นฐานเรื่องราวต่างๆ ที่จะสามารถเกิดขึ้นในอนาคต ถ้าหากแฟรนไชส์นี้อยากจะเดินตามรอยความสำเร็จของ Marvel
The Matrix Resurrections จึงดู “ดรอป” ลงกว่าภาคก่อนๆ ทั้งเนื้อหา ฉากต่อสู้ และอื่นๆ ที่ทำออกมาอยู่ในระดับไม่ได้แย่ แต่ก็เทียบกับภาคก่อนไม่ได้ บทสรุปของเรื่องราวในภาคนี้จึงกลายเป็นสิ่งที่ “ไม่ต้องมีก็ได้” แถมตั้งแต่โปรโมตจนถึงเข้าฉาย ก็ยังโดนกระแส Spider-Man No Way Home กลบมิดจนไม่เหลือพื้นที่ให้แฟนๆ พูดถึงเลย
สามารถฟังเวอร์ชันเต็มแบบ “สับเละ” ทั้งเรื่องได้ที่ : https://bit.ly/3qn0tyn
#missiontopluto
#missiontoplutopodcast
#showtimepodcast
#thematrixresurrections
ดูเนื้อหาอื่นๆ ของ Show Time ได้ที่ https://missiontothemoon.co/category/podcast/show-time/
