ตำนานเล่าขานของกษัตริย์อาเธอร์และอัศวินโต๊ะกลม ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในมหากาพย์ที่ชูคุณสมบัติของอัศวินได้อย่างยอดเยี่ยม
จุดเริ่มต้นของการผจญภัยดำเนินผ่านตัวละคร เซอร์กาเวน หลานชายของกษัตริย์อาเธอร์ ผู้รับคำท้าจาก ‘อัศวินร่างเขียว’ ที่ได้ยื่นเงื่อนไข “ผู้ใดที่สามารถบั่นคอเขาได้ ผู้นั้นจะมีอำนาจวาสนา” การรับคำท้าของเซอร์กาเวน จึงไม่เพียงเป็นการรักษาศักดิ์ศรีและเกียรติยศในฐานะอัศวินและหลานของกษัตริย์ แต่ยังเป็นบททดสอบที่ทำให้เขาได้พิสูจน์ตนเองว่าคู่ควรกับตำแหน่งอัศวินและเหมาะสมที่จะเป็นกษัตริย์ที่พร้อมด้วยศีลธรรมและคุณธรรมแห่งการปกครองหรือไม่
เซอร์กาเวน จากคนที่ไม่เอาไหนกลายเป็น ‘อัศวินที่มีเกียรติ’ จากต้นเรื่องจนถึงท้ายสุด เราได้เห็นการเติบโตและการพัฒนาของตัวละคร และมีการสะท้อนถึงความเป็นมนุษย์ได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นรัก โลภ โกรธ หลง และความกลัว ความเป็นมนุษย์ ‘ดิบๆ’ ที่ถูกเกลาจากหลากหลายสถานการณ์ที่ยากลำบากระหว่างทาง จนกลายเป็นมนุษย์ที่มีจิตใจที่ดีงาม สิ่งนี้ทำให้เราฉุกคิดได้ว่า บางที “ความสำเร็จของการเติบโต” อาจอยู่ระหว่างทางมากกว่าปลายทาง
สุดท้ายแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้เราเห็นว่า ประสบการณ์การผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเซอร์กาเวน ทำให้เขาตระหนักและเข้าใจถึงสัจธรรมของชีวิต เข้าใจคุณค่าของสัจจะวาจา ศักดิ์ศรี ชีวิต และเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้องในฐานะ “อัศวิน” เรียกได้ว่า The Green Knight ไม่เพียงเป็นภาพยนตร์ที่ให้ข้อคิดเกี่ยวกับสัจจะ คุณค่าที่แท้จริงของการเป็นอัศวิน แต่ยังเป็นการโยนคำถามให้เราได้ขบคิดกันว่าอะไรคือสิ่งที่เรายึดถือเพื่อดำรงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีและคุณธรรม
#missiontopluto
#missiontoplutopodcast
#showtime
ดูเนื้อหาอื่นๆ ของ Show Time ได้ที่ https://missiontothemoon.co/category/podcast/show-time/
