The Challenging แม่ฆาตกร vs แม่เหยื่อ บทสรุปคดีพิสูจน์ ‘รักแท้จากคนเป็นแม่’ ใครจะแน่กว่ากัน!?

363
The Challenging

คดีดราม่าจากอเมริกา เมื่อคุณแม่ท่านหนึ่งพบว่าลูกชายมีความลับอันดำมืด คือการเป็นอาชญากรโรคจิต ที่ชอบล่อลวงเด็กผู้ชายแปลกหน้ามา ‘ข่มขืน’ คาบ้าน มาอย่างยาวนาน แต่ด้วยสัญชาตญาณความเป็นแม่ ที่อยากจะปกป้องลูก ทำให้เธอเลือกที่จะไม่แจ้งตำรวจ พร้อมช่วยปิดบังทุกอย่าง และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของความสูญเสียครั้งใหญ่ ของ ‘แม่’ อีกหลายคน

โดยหนึ่งใน ‘คุณแม่ผู้เคราะห์ร้าย’ ก็ได้ใช้สัญชาตญาณความเป็นแม่เข้าสู้เพื่อทวงคืนลูกชายด้วยเช่นกัน จึงเกิดเป็นเรื่องราวของคดีในวันนี้ ที่ทั้งชวนสับสน วุ่นวาย และเศร้าใจสุดๆ บทสรุปจะเป็นอย่างไร เชิญติดตามได้เลยครับ

รักแท้จากแม่ของ ‘ฆาตกร’

เริ่มที่ฝั่งของฆาตกร ‘ลุงกอร์ดอน’ อาชญากรข่มขืน ที่ชอบลักพาตัวเด็กผู้ชายมากระทำชำเราที่บ้านตัวเอง เขามักจะเลือกเหยื่อที่ไม่คุ้นหน้าคุ้นตา หรือไปลากมาจากที่ห่างไกล เพื่อที่จะทำให้เด็กจำทางไม่ได้ จะได้ไม่มีหลักฐานชี้ตัวคนร้าย แต่ดันมีอยู่ครั้งหนึ่งที่ ‘แซนดอล์ฟ’ หลานชายของเขา ดันไปรู้เข้า ก็เลยถูกกักขังข่มขู่ให้กลัว ไม่กล้าเอาเรื่องนี้ไปบอกใคร

Advertisements

พฤติกรรมชั่วร้ายของกอร์ดอน ก็ดำเนินต่อไป จนกระทั่งเขาไปลักพาตัว ‘วอลเตอร์’ เด็กผู้ชายที่คุ้นหน้าคุ้นตากับตัวเขา เพราะชอบมาเดินเล่นกับแม่ในห้างที่ กอร์ดอน ทำงานอยู่เป็นประจำ โดยในช่วงนั้น ‘ซาราห์’ (แม่ของกอร์ดอน) ได้มาเยี่ยมพอดี ก็เลยเจอวอลเตอร์อยู่ที่บ้าน ทำให้ความแตก

กอร์ดอน รับสารภาพถึงความชั่วร้ายของเขาทั้งหมด ซาราห์ จึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ดุด่าสารพัด แต่ก็เท่านั้น เพราะแทนที่เธอจะไปแจ้งตำรวจ หรือพาไปหาจิตแพทย์ เธอเลือกที่จะเก็บเรื่องนี้ไว้ ไม่บอกใครเพราะกลัวว่าลูกจะต้องรับโทษ

หลังจากที่นายกอร์ดอน ถูกจับได้ แทนที่เขาจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นคนที่ดีขึ้น แต่เปล่าเลย เขาเปลี่ยนจริง แต่เปลี่ยนไปในทางที่เลวยิ่งกว่าเดิม จากข่มขืนเด็กผู้ชาย กลายเป็นอยาก ‘ฆ่า’ เด็กผู้ชายแทน

กอร์ดอน ยังคงก่อคดีอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่ง ‘แซนดอล์ฟ’ หลายชายของเขาเอง ได้แอบหนีไปแจ้งเบาะแสกับองค์กรนักสืบ จึงพบกับความสยองที่ว่า มีร่างของเด็กผู้ชายจำนวนมากถึง 17 ศพ ถูกฝังไว้ที่ฟาร์ม (บ้าน) ของนายกอร์ดอน

หลังจากถูกจับกุม กอร์ดอน รับสารภาพทุกข้อกล่าวหาว่าเขาทำอะไรลงไปบ้าง และได้รับโทษ ‘ประหารชีวิต’ ไปในวัยเพียง 23 ปี…

พักสักครู่ ถึงตรงนี้หลายคนอาจงงว่า ลุงอะไรอายุแค่ยี่สิบสาม?? คืออย่างนี้ครับ ความจริงนายกอร์ดอน ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของคุณซาราห์ แต่เป็นเด็กที่เกิดจากสามีของเธอ ที่ไปมีอะไรกับลูกสาวตัวเองจนท้อง และออกมาเป็นนายกอร์ดอน เลยได้คุณซาราห์ช่วยเลี้ยงไว้เป็นลูกของเธออีกคน

ถึงความจริง กอร์ดอน จะไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของตัวเอง และเป็นความผิดพลาดที่เลวร้ายในครอบครัว แต่เธอก็ยังคอยให้ความรักเสมือนว่าเป็นลูกในไส้คนหนึ่ง ถึงขั้นช่วยปกปิดความชั่วทั้งหมด เพราะกลัวลูกจะต้องรับโทษ

โดยหลังจากที่กอร์ดอนถูกตัดสินโทษประหารชีวิตไป ทางด้านคุณซาราห์ ก็ยอมรับเช่นกันว่ามีส่วนรู้เห็นในคดีนี้จริง และได้รับโทษ ‘จำคุกตลอดชีวิต’ ไปโดยปริยาย

คุณซาราห์ เล่าถึงสาเหตุและแรงจูงใจที่ทำให้กอร์ดอนกลายเป็นคนแบบนี้ เธอบอกว่าตั้งแต่เด็กๆ กอร์ดอน มักจะถูกล่วงละเมิดทางเพศจากคนในครอบครัวเสมอ ก็เลยทำให้จิตใจเขาบิดเบี้ยวไป

จากเหตุการณ์นี้ เราจะเห็นได้ว่าพื้นฐานครอบครัวมีสำคัญมาก บ้านที่มีปัญหา มักจะผลิตอาชญากรแบบนี้ออกมาเสมอ ในขณะที่คนเป็นแม่ รักลูกได้ แต่ควรรักให้ถูกเวลา ถ้าลูกทำผิด ก็ต้องว่าไปตามผิด ไม่ใช่คอยแต่จะปกป้องโดยไม่สนว่าลูกตัวเองทำอะไรเลวร้ายไว้บ้าง

Advertisements

รักแท้จากแม่ของ ‘เหยื่อ’

ทางฝั่งของเหยื่อกันบ้าง หลังจากที่ ‘วอลเตอร์’ หายตัวไปหลายวัน คุณแม่ (คริสติน) ก็ได้แจ้งไปยังตำรวจ และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องให้ช่วยออกตามหา ทำทุกวิถีทางเพื่อลูก ทุ่มเทหนักจนสื่อหลายสำนักให้ความสนใจ

หลายเดือนผ่านไป มีการรายงานเข้ามาว่าทางหน่วยสืบสวน ได้เจอเด็กคนหนึ่ง ที่อ้างว่าเป็น ‘วอลเตอร์’ เลยรีบติดต่อไปหา คริสติน แต่หลังจากได้พบหน้ากัน เธอก็ปฏิเสธทันทีว่า “นี่ไม่ใช่ลูกของฉัน

แม้ว่าคนเป็นแม่จะบอกว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของเธอ แต่ทางกรมตำรวจก็ยังยืนยันว่านี่แหละ ‘วอลเตอร์’ แต่เธอแค่จำไม่ได้เพราะเขาอาจโตขึ้นแล้ว (แหม ยังจะกล้าเถียงคนเป็นแม่อีก) เกิดการถกเถียงอยู่นาน ซึ่งภายหลังก็พบว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่วอลเตอร์ แต่ฝั่งตำรวจก็ไม่สนใจ พวกเขาต้องการจะปิดคดีนี้ให้เร็วที่สุด และไม่ยอมรับความผิดพลาด แต่เลือกที่จะปล่อยข่าวใส่ร้าย คริสติน ว่าเป็นคนวิกลจริต

แน่นอนว่าเมื่อคนที่กำลังเป็นที่สนใจจากสื่อ เจอข่าวเสียหายแบบนี้เข้าไป กระแสก็เลยตีกลับ ประชาชนหันไปเชื่อฝั่งตำรวจแทบจะทั้งหมด เพราะดูน่าเชื่อถือมากกว่า

คริสติน ถูกจับเข้าโรงพยาบาลบำบัดจิตของกรมตำรวจ ที่นั่นเธอถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายกาจ ตอนนี้เธอต้องเผชิญบาดแผลทั้งด้านร่างกายและจิตใจ เสียลูก โดนทรมาน ขาดอิสรภาพ ชีวิตของเธอดูเหมือนจะถึงทางตัน แต่ความจริงภายนอกโรงพยาบาลนั้น ยังมีคนอีกจำนวนหนึ่งที่พยายามเคลื่อนไหวเพื่อช่วยเธอ ซึ่งก็สำเร็จในที่สุด คริสติน ถูกปล่อยตัวออกจากโรงพยาบาล และเดินหน้าตามหาลูกต่ออย่างไม่ย่อท้อ

ภายหลังข่าวการจับกุมนาย ‘กอร์ดอน’ ซึ่งได้ทราบข้อมูลว่าหนึ่งในศพที่พบในฟาร์มแห่งนั้น น่าจะเป็น ‘วอลเตอร์’ ลูกชายของเธอ ซึ่งเขาอาจเป็นเหยื่อรายแรกในบรรดาเด็ก ๆ ผู้เคราะห์ร้าย เพราะตอนนั้นที่ กอร์ดอน ถูกแม่จับได้ เขากลัวว่าถ้าปล่อยเด็กคนนี้ไป เขาจะต้องซวยแน่ๆ ก็เลยตัดสินใจฆ่าทิ้ง

แม้ว่าข่าวนี้จะทำให้คุณคริสติน รู้สึกดีที่อาชญากรคนนี้ได้ถูกลงโทษแล้ว แต่อีกมุมหนึ่ง ใจของเธอก็แตกสลายไปด้วย เพราะได้รับรู้ว่าลูกของเธอคงตายไปแล้วจริงๆ

แต่ 5 ปีหลังจากนั้น ก็มีเด็กคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น และอ้างว่าเขาเป็นหนึ่งในเหยื่อที่โดน กอร์ดอน ลักพาตัวมา แต่หนีออกมาได้พร้อมกับเพื่อนอีกคนหนึ่ง ซึ่งก็คือ ‘วอลเตอร์’ แต่ตอนนั้นมันมืดมาก เลยพลัดหลงกัน และตอนนี้เขาอาจจะยังไม่ตาย แค่กำลังหลบซ่อนอยู่

ดังนั้นข้อมูลที่ว่ามีการพบศพของวอลเตอร์ในที่เกิดเหตุ น่าจะเป็นความผิดพลาด (อีกแล้ว!) จากข่าวนี้ทำให้คุณคริสติน ดีใจและรู้สึกมีความหวังที่จะตามหาลูกอีกครั้ง แต่เรื่องราวก็จบลงด้วยความเศร้า เพราะแม้ตลอดชีวิตเธอจะพยายามตามหาลูกแค่ไหน สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ เพราะเธอได้จากไปโดยที่ไม่ได้พบลูกชายของเธออีกเลย

ความเป็นแม่ของคุณ คริสติน ที่ต่อสู้ทุกวิถีทางเพื่อลูก ทั้งสู้คดี สู้กับอำนาจอยุติธรรมของตำรวจ และยังคงสู้จนวันสุดท้ายของชีวิต เป็นเรื่องราวความรักจากแม่ที่น่ายกย่อง จนถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ในชื่อว่า The Changeling แสดงโดย Angelina Jolie



The Challenging แม่ของฆาตกร vs แม่ของเหยื่อ | File Not Found EP.42

https://bit.ly/3yDKq2e


#missiontopluto
#missiontoplutopodcast
#filenotfoundpodcast

ติดตามความเคลื่อนไหวและเนื้อหาน่าสนใจอื่นๆ ได้ที่ https://missiontothemoon.co/

Advertisements