ย้อนรอย 18 ปีแห่งปริศนาของคดีฆ่ายกครัว และการตามล่าฆาตกรฉายา “The Boogeyman”

1002
The Boogeyman

เรื่องราวของ “จอห์น เฮเลน แพทริเซีย จูเนียร์ และเฟเดอริก” สมาชิกทั้ง 5 ในบ้านคฤหาสน์เวสต์ฟิลด์ สถานที่เกิดเหตุเรื่องราวคดีฆ่ายกครัวสุดสยอง ที่ได้เขย่าขวัญผู้คนไปทั่วทั้งอเมริกา ซึ่งมาพร้อมกับปริศนาของฆาตกรฉายา “The Boogeyman”

ในบ้านแสนสุขสันต์ ทำไมถึงเกิดเหตุสยองขวัญแบบนี้ แล้วใครกันที่เป็นคนลงมือ?

Advertisements
18 ปี คดีฆ่ายกครัว 02

ครอบครัวสุขสันต์ ที่คฤหาสน์เวสต์ฟิลด์

จอห์น เกิดมาในบ้านที่เรียกได้ว่า “เคร่งศาสนา”  ทุกๆ วันเขาจะถูกพร่ำสอนให้ศรัทธาในพระเจ้า มีโลกส่วนตัวสูงจนเดาทางยาก และต่อมาได้พบรักกับ “เฮเลน” สาวม่ายลูกติด ที่ต้องการฝากอนาคตไว้กับ จอห์น ที่เพียบพร้อมทั้งการงาน หน้าตา และฐานะการเงิน

แต่รักครั้งนี้ ก็ใช่ว่าจะไร้อุปสรรค เพราะคุณแม่ดูจะไม่ชอบใจในตัว “เฮเลน” เท่าไร และคอยแทรกแซงให้พวกเขาเลิกกันเสมอ แต่สุดท้ายความรักก็ชนะทุกอย่าง!
ทั้งคู่ได้แต่งงานกัน แม้จะคบกันได้แค่ 1 ปีกว่า

และน่าเศร้าที่งานแต่งนี้ เกิดขึ้นเพราะ “คำโกหก” โดยเฮเลนได้หลอกว่ากำลังท้องลูกของจอห์น เพื่อจับเขาแต่งงาน แล้วฝากอนาคตของตัวเองและลูกเอาไว้ให้ได้

หลังจากแต่งงาน ในที่สุดเฮเลนก็ได้ให้กำเนิดทายาทของจอห์น แบ่งเป็นหญิง 1 ชาย 2 นามว่า “แพทริเซีย, จอห์น จูเนียร์ และเฟเดอริก” ทำให้ชีวิตของพวกเขาสมบูรณ์แบบขึ้นมาอีกขั้น

ชีวิตของจอห์นหลังจากนั้น สวยหรูราวกับเทพนิยาย มีครอบครัว การงานดี มีเงินใช้ และที่สำคัญ ได้พาครอบครัวไปอยู่ด้วยกันในคฤหาสน์สุดหรู ที่เมืองเวสต์ฟิลด์

แม้ชีวิตของจอห์นจะดูดี มีความสุข แต่แปลกที่มันดันสวนทางกับเฮเลน ที่กลายเป็นคนติดเหล้า อารมณ์แปรปรวน ซึ่งแน่นอนว่าจอห์นไม่พอใจ แถมลึกๆ เขาก็ไม่โอเคที่เฮเลนมักจะเพิกเฉยต่อ “ศาสนา” อยู่แล้วด้วย

เขาเลยรู้สึกโดดเดี่ยว แม้จะมีภรรยาอยู่ข้างกาย และมันยิ่งเลวร้ายขึ้นไปอีก เมื่อจอห์นได้รู้ความจริงว่า เฮเลน เป็นโรคซิฟิลิส ที่ติดเชื้อมาจากสามีคนแรก แต่กลับปกปิดเขามาโดยตลอด ซึ่งมันคือจุดเริ่มต้นของความเลวร้าย ที่จะทำลายทุกอย่าง…

ย้อนรอย 18 ปีแห่งปริศนาคดีฆ่ายกครัว 03

จุดเริ่มต้น ที่ทำลายทุกอย่าง

เวลาต่อมา เฮเลนเริ่มเกิดภาวะ “สมองเสื่อม” และต้องใช้เงินรักษาจำนวนมหาศาล ในขณะที่ชีวิตของจอห์น ก็ตกต่ำลงราวกับถูกฉุดลงนรก

จอห์น ถูกไล่ออกจากงาน ด้วยเหตุผลที่ดูไม่สมเหตุสมผล จนน่าประหลาด ทำให้เขาต้องแบกรับรายจ่ายมากมาย ทั้งค่ากิน ค่าบ้าน กลายเป็นหนี้ก้อนโตหลายล้านดอลลาร์

ปกติถ้าเราเจอมรสุมชีวิตแบบนี้ ที่พึ่งสุดท้ายที่เรามีก็คงหนีไม่พ้น “ครอบครัว” แต่จอห์น เลือกที่จะไม่ทำแบบนั้น เขาจงใจปกปิดทุกเรื่อง ไม่เคยมีใครรู้ถึงปัญหาร้อยพัน ที่เป็นเหมือนกับมะเร็งที่กำลังกัดกินชีวิตของทุกคนในครอบครัว

ทุกวัน จอห์นจะอ้างว่าออกไปทำงาน แต่ความจริงคือเขาแค่ไปนั่งคนเดียวที่สถานีรถไฟ เพื่ออ่านหนังสือพิมพ์แทบทั้งวัน แถมอาการของเฮเลน ก็ทรุดหนักลงเรื่อยๆ เท่านั้นไม่พอ ตัวเขายังมีปัญหาทะเลาะกับลูกสาวอีก เรียกได้ว่าชีวิตพังไม่เหลือชิ้นดี

จอห์นเริ่มหมกมุ่นในเรื่องของการรบ อาชญากรรม และอาวุธ ทำให้เขาเริ่มมีความคิด ที่อยากจะ “จัดการปัญหา” ไม่ว่าจะการเงิน โรคร้าย ความสัมพันธ์ในครอบครัว ด้วยตัวเขาเอง

วันที่ 5 พฤศจิกายน ขณะที่กำลังนั่งรับประทานมื้อเย็น จู่ๆ จอห์นก็ถามว่า “ถ้าทุกคนจะต้องตาย อยากให้พ่อทำการฝังหรือเผาศพดีล่ะ?”

แน่นอนว่าสมาชิกในบ้านทุกคนต่างช็อกกับคำถามนี้ และเริ่มสัมผัสได้ถึง “ลางไม่ดี” ที่อาจเกิดขึ้นเพราะคนเป็นพ่ออย่าง จอห์น

18 ปี คดีฆ่ายกครัว 04

การฆ่ายกครัว กับเหตุผลของคนเป็นพ่อ

วันที่ 9 พฤศจิกายน หรือ 4 วันหลังจากที่ได้ถาม “คำถามสุดสยอง”
ในช่วงสาย ที่เด็กๆ ไปโรงเรียนกันหมด จอห์นได้เดินไปหา “ภรรยาและแม่ของตัวเอง” ที่ห้องนั่งเล่น แล้วชักปืนยิงเฮเลนจากทางด้านหลัง โดยที่เธอยังไม่ทันตั้งตัว จากนั้นก็เดินไปยิงแม่ที่เบ้าตาซ้าย จนทั้งคู่เสียชีวิต

ต่อมาราวๆ เที่ยงวัน แพทริเซีย (ลูกสาวคนโต) และเฟเดอริก (ลูกชายคนเล็ก) ก็กลับมาที่บ้าน แต่ไม่ทันไร ก็ถูกพ่อของตัวเองสังหารด้วยการ “ยิงเข้าที่ศีรษะ” โดยไม่ทันตั้งตัว

ส่วน จอห์นจูเนียร์ (ลูกชายคนเล็ก) เป็นคนสุดท้ายที่ยังมีชีวิตอยู่ เพราะมีแข่งฟุตบอลในช่วงบ่ายพอดี แต่ปีศาจในคราบคนเป็นพ่อ ก็ไม่เหลือความรักไว้ปรานีใครอีกต่อไป จอห์นได้ขับรถไปดูลูกชายแข่ง พาไปหาอะไรกิน ทำเหมือนทุกอย่างปกติดี

Advertisements

แต่พอถึงบ้าน จอห์นก็ควักปืนยิงหัวลูกชายคนเล็กทันที โชคร้ายที่น้องยังไม่ตาย จึงนอนชักดิ้นชักงอด้วยความเจ็บปวด คนเป็นพ่อจึงยิงซ้ำไปอีกสิบนัดเพื่อแน่ใจว่าตายจริง

จอห์น ได้จัดการกับศพของคนในบ้าน และเขียนจดหมายสารภาพกับบาทหลวงคนสนิทว่า “แม่ผมอยู่ที่ห้องใต้หลังคา ผมย้ายไม่ไหว เธอตัวหนักเกิน” และยังเขียนต่ออีกว่า “ผมขอโทษทุกคนด้วยที่ผมทำแบบนี้ ผมปกป้องพวกเขาไว้ไม่ได้ ผมไม่อยากให้ทุกคนต้องลำบาก”

แล้วเขาก็ได้หลบหนีออกไปในที่สุด..

ย้อนรอย 18 ปีแห่งปริศนาคดีฆ่ายกครัว 05

The Boogeyman of Westfield

หลังจากที่จอห์นได้หนีไปแล้ว มีเพื่อนบ้านได้สังเกตความผิดปกติ แล้วแจ้งตำรวจให้เข้ามาลองตรวจสอบดู ทำให้พบกับความสยองของบรรยากาศภายในบ้านร้างที่ดูสงบนิ่ง แต่กลับมีเสียงเพลงดังจากวิทยุ

เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้สำรวจบ้านอย่างระมัดระวัง จนกระทั่งเดินผ่านห้องกินข้าว แล้วไปพบกับ “คราบสีดำบางอย่าง” ที่เปื้อนบริเวณผนัง พร้อมได้กลิ่นเหม็นเน่ารุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

จากนั้นก็ได้พบรอยเลือดบนพื้น ลักษณะเหมือนถูกลากไปยังห้องเต้นรำของบ้าน ที่เมื่อตามไปแล้วก็พบกับ “ศพทั้ง 4” ของเหล่าสมาชิกในบ้านหลังนี้

สภาพศพที่เจ้าหน้าที่ได้พบก็คือ ลูกๆ ทั้ง 3 คน ถูกวางนอนเรียงเป็นระนาบเดียวกัน ในขณะที่ศพของเฮเลน ถูกลากมานอนขวางไว้บริเวณศีรษะของลูก ลักษณะคล้ายกับถูกนำมาประกอบพิธีกรรมอะไรบางอย่าง

เจ้าหน้าที่สำรวจบ้านจนเจอครบทุกอย่าง ทั้งศพ และจดหมาย ยกเว้นตัวของ “จอห์น” ที่ต่อมากลายเป็นคดีสะเทือนขวัญที่ดังที่สุดในรัฐนิวเจอร์ซีย์

ทุกฝ่ายระดมกำลังค้นหา ประกาศจับพร้อมค่าหัว แต่ผ่านไปหลายเดือน จากเดือนเป็นปี ก็ยังไม่มีข่าวการจับกุมนายจอห์น ดูเหมือนกับว่า จอห์นได้หายตัวไปจากโลกใบนี้แล้ว จนตัวเขาได้รับฉายาว่า “The Boogeyman of Westfield” ปีศาจในจินตนาการที่ออกมาเล่นงานผู้คนแล้วหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

18 ปี คดีฆ่ายกครัว 06

“เราจะอยู่ด้วยกันอีกครั้ง..บนสวรรค์”

หลังจากนั้นไม่นาน บ้านคฤหาสน์เวสต์ฟิลด์ สถานที่เกิดเหตุฆ่ายกครัวสุดสยอง ก็เกิดเพลิงไหม้โดยไม่รู้สาเหตุ เหลือแต่ซากที่ไม่สามารถใช้งานอะไรได้แล้ว หลายคนหมดหวังที่จะตามหาตัว “The Boogeyman” คนนี้

แต่อีกราว 10 ปีต่อมา ได้มีรายการ “บุคคลที่อเมริกาต้องการตัวมากที่สุด” ซึ่งนำเสนอเรื่องราวของ “จอห์น” หรือ “The Boogeyman” โดยใช้เทคนิคคาดเดาใบหน้า เผื่อมีคนแจ้งเบาะแสเข้ามา

จนได้เบาะแสของชายที่ชื่อ  “โรเบิร์ต คลาร์ก” ที่ต่อมาได้พบว่าเขาคือ จอห์น The Boogeyman ผู้โด่งดังในอดีตจริงๆ!

จอห์น ถูกจับข้อหาฆาตกรรมห้าศพในวันที่ 1 มิถุนายน ปี 1989 และต้องโทษ “จำคุกตลอดชีวิต” รอดพ้นจากการประหาร เพราะเงื่อนไขด้านสภาพจิตใจที่ไม่ปกติในอดีต

ในระหว่างจำคุก ได้มีนักข่าวถามถึงเหตุผลว่า ทำไมถึงไม่ฆ่าตัวตายตามครอบครัวไป โดยเขาก็ให้คำตอบไว้ว่า

“การที่ผมฆ่าพวกเขา พวกเขาจะได้ขึ้นสวรรค์ และถ้าผมฆ่าตัวตายมันจะกลายเป็นบาปที่ส่งผมลงนรก ดังนั้นผมจึงไม่ทำ เพราะอยากไปอยู่กับพวกเขาแบบพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้ง”

ค้นหาคำตอบได้ในรายการ File Not Found EP.74 The Boogeyman of Westfield ผมขอส่งพวกเขาขึ้นสวรรค์



#missiontopluto
#missiontoplutopodcast
#filenotfoundpodcast

ดูเนื้อหาอื่นๆ ของ File Not Found ได้ที่ https://missiontothemoon.co/category/podcast/file-not-found/

Advertisements