พบกับเรื่องราว “คดีฆาตกรรมสยองจากประเทศญี่ปุ่น” ระดับโหดเต็มหลอด ในโปรเจกต์ File Not Found x ซากุระเที่ยงคืน ในเรื่องราวปริศนาซึ่งเกิดขึ้นในห้องพักสุดหรู ที่ขึ้นชื่อระบบรักษาความปลอดภัยเข้าขั้นยอดเยี่ยม
แต่ทว่ากลับเกิดเหตุพิศวง เมื่อมีหญิงสาวรายหนึ่งหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย และเมื่อสืบค้นหลักฐานจากกล้องวงจรปิด กลับไม่พบสิ่งใด ไม่มีคนเข้า ไม่มีใครออก ราวกับเธอหายตัวไปกับอากาศ
“ปริศนาคนหายในฤดูใบไม้ผลิ”
ปีค.ศ. 2008 ณ คอนโดหรูแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น จู่ๆ เกิดคดีสยอง เมื่อหญิงสาวเจ้าของห้องพักวัย 23 ปี ได้หายตัวไปอย่างลึกลับ กลายเป็นที่เล่าขานถึงปริศนาที่เกิดขึ้น เพราะคอนโดดังกล่าวขึ้นชื่อเรื่อง “การรักษาความปลอดภัย” แต่ทำไมถึงเกิดเหตุพิศวงแบบนี้ขึ้นมาได้
หลังเกิดเหตุ ได้มีการพยายามตรวจสอบ “กล้องวงจรปิด” ทุกตัวของตึกอย่างละเอียด แต่กลับไม่พบอะไรผิดปกติ ไม่มีผู้ต้องสงสัย ไม่มีบุคคลภายนอกแอบเข้ามาภายในอาคาร และไม่พบว่าหญิงสาวดังกล่าว ก้าวออกมาจากห้องแม้แต่ครั้งเดียว!
เมื่อไม่พบคนนอกเข้า และไม่มีคนในออก ดังนั้นความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวก็คือ “เธอยังคงอยู่ในคอนโดนี้ ที่ไหนสักแห่ง”
เช่นเดียวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ พวกเขาได้ซักถามข้อมูลจากลูกบ้านคอนโดทุกห้อง แต่สุดท้าย ก็ไม่ได้ความคืบหน้าอะไร ราวกับว่า หญิงสาวคนนี้ ได้หายตัวไปในอากาศ อย่างไร้ร่องรอย
“ทาคาโนริ โฮชิชิมะ”
ระยะเวลาเดือนกว่าๆ หลังจากที่หญิงสาวคนนี้หายตัวไป ก็ได้มีการจับกุมนายทาคาโนริ วัย 34 ปี ซึ่งพักอยู่ที่ชั้นเดียวกันกับหญิงสาวที่หายตัวไป ในข้อหา “บุกรุกสถานที่และลักทรัพย์”
เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงพุ่งเป้าความสงสัยไปที่ตัวนายทาคาโนริ ว่าอาจมีความเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของหญิงสาวราวนี้
ปูมหลังของเขา คือชายหนุ่มผู้มีปมด้อยเป็นแผลในใจ ที่คอยทำร้ายจิตใจเขาเรื่อยมา ด้วย “แผลเป็นขนาดใหญ่ที่ขา” ทำให้เขาไม่กล้าออกเดตกับหญิงสาวแม้แต่คนเดียว
ทัศนคติของเขาเริ่มผิดเพี้ยนไปจนน่าขนลุก เมื่อเขาคิดว่าถ้าลักพาตัวผู้หญิงมาข่มขืนหลายๆ วัน พวกเธอจะหันกลับมารักเขาเอง และเขาไม่สนใจที่จะร่วมรักกับหญิงสาวไร้แขนขา
นั่นหมายความว่า ถ้าหญิงสาวที่เขาลักพาตัวมาไม่รับรักเขากลับ เขาจะจัดการ “ตัดแขนขาเธอ” จนหมดโอกาสมีความรักกับชายอื่น แล้วหันมารักเขาในที่สุด
ซึ่งจากการสอบสวน พบว่านายทาคาโนริ มีอาการประหม่า ตอบคำถามวกไปวนมา จนในที่สุด วันที่ 13 มิถุนา ค.ศ. 2008 นายทาคาโนริ ก็ “รับสารภาพ”
เขาเล่าว่า เขาได้พบเจอกับหญิงสาวที่หายตัวไปอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากพักอยู่ที่เดียวกัน จึงได้รู้ว่าเธอคนนี้ อาศัยอยู่คนเดียว เลยเฝ้ามองและติดตาม ตลอดมา จนได้รู้กิจวัตรประจำวันราวกับเป็น “สตอล์กเกอร์” เนื่องจาก “ตกหลุมรักอย่างจัง”
แต่แทนที่จะเข้าไปทำความรู้จัก สานความสัมพันธ์ ตามปกติเหมือนคนทั่วไป เขากลับรู้สึกว่า “อยากจับมาเป็นทาสบำเรอส่วนตัว”
คำสารภาพ “รัก ลาก ฆ่า สับ”
18 เมษายน ปี 2008 ทาคาโนริได้ลงมือตามแผนที่วางไว้ เขารอจนเหยื่อเดินทางกลับที่พัก
ในขณะที่เธอกำลังไขประตูเข้าห้อง เขาก็ลงมือทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรง ข่มขู่ และลากตัวเธอหลบกล้องวงจรปิด จนไปถึงห้องพักของตัวเอง
หลายวันผ่านไป พี่สาวของเหยื่อได้เดินทางมาหาที่ห้องเพราะไม่สามารถติดต่อกับเธอได้ และพบว่าประตูไม่ได้ล็อก แถมยังเจอข้าวของหล่นกระจัดกระจายเต็มไปหมด ซึ่งผิดปกติจนต้องแจ้งตำรวจเข้ามาตรวจสอบ
หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน โดยไล่สอบปากคำผู้พักอาศัยไปทีละห้อง จนมาถึงห้องของนายทาคาโนริ ซึ่งเขาแอบอยู่ในห้องน้ำ พร้อมใช้มีดข่มขู่เหยื่อไม่ให้ร้องขอความช่วยเหลือ
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจผ่านไปแล้ว นายทาคาโนริได้จับเหยื่อมัดแขนมัดขา และแอบออกจากห้องไปทางหนีไฟเพื่อสร้างหลักฐานว่า “เขาเพิ่งกลับเข้ามาในคอนโด”
เขากลับมาพร้อมพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น และหลอกถามจนรู้ว่า “จะมีการลงมือตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง” ทำให้เขากลัวที่จะถูกจับได้ จึงคิดแผนหนีความผิดสุดสยอง โดยที่เหยื่อไม่รู้เลยว่ากำลังจะพบกับเรื่องเลวร้ายขนาดไหน
นายทาคาโนริ พุ่งตรงไปใช้มีด “ปาดคอเหยื่อสาวอย่างเลือดเย็น” จากนั้นก็ อุ้มร่างของเธอเข้าไปในห้องน้ำเพื่อทำการชำแหละร่าง
******เนื้อหาถัดจากนี้มีความรุนแรง โปรดใช้วิจารณญาณ ห้ามผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีอ่านตามลำพัง******
อันดับแรก นายทาคาโนริ ได้แล่เนื้อส่วน “แขนและขา” ด้วยมีดทำครัว จากนั้น “สับจนละเอียด” แล้วนำไปทิ้งลงชักโครก ถัดมา เขาสับกระดูกเหยื่อเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วนำไปแช่ไว้ในตู้เย็น
จากนั้นเขาลงมือจัดการ “ส่วนลำตัว” ด้วยการกรีดช่องท้องเป็นแนวยาว แล้วควักเอาเครื่องในมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วทิ้งลงในชักโครก
ส่วนศีรษะ เขาตัดผมของเหยื่อออก แล้ว “ถลกหนังศีรษะ” ทั้งส่วนใบหน้า หู จมูก และควักดวงตาออกจากเบ้า สับเป็นชิ้นๆ จากนั้นก็ทิ้งลงชักโครกตามเดิม
สำหรับ “กระโหลก” เขาใช้มีดอีโต้เฉาะกลางหัว จากนั้นก็แหวกเอาสมองของเธอมาสับทิ้งชักโครก ส่วนกระโหลก เขาก็สับเป็นชิ้นๆ แล้วเอาไปใส่กล่องแช่ตู้เย็น
ในขณะที่ชิ้นส่วนที่สับไม่ได้ เขาก็ทยอยเอาออกไปทิ้งถังขยะด้านนอกที่พักวันละนิด เรียกว่า นายทาคาโนริ ลงมือทำลายร่างของเหยื่อไปจนหมดสิ้น
ทุกอย่างเหมือนจะเป็นไปตามแผนอย่างราบรื่น แต่เวรกรรมย่อมตามทัน เขาดันถูกจับได้เพราะ “ของที่ระลึก” จากเหยื่อ ที่เขาขโมยมาไว้ในห้อง
คดีของ นายทาคาโนริ ในตอนแรกศาลตัดสินลงโทษ ” จำคุกตลอดชีวิต” แต่ในปี 2015 มีข่าวลือว่า นายทาคาโนริ พยายามฆ่าตัวตายในคุกโดยการใช้ตะเกียบแทงที่ท้องตัวเอง แต่ไม่สำเร็จ
ทุกวันนี้ นายทาคาโนริ ก็ยังคงอยู่ในคุกชดใช้ความผิดของตัวเองต่อไป
#plutomysteryclub
#missiontoplutopodcast
#filenotfoundpodcast
