ENTERTAINMENTย้อนรอยคดี ‘จูดิธ บาร์ซี’ นักแสดงเด็กดาวรุ่ง อนาคตดับ เพราะพ่อ ‘น้อยใจ’

ย้อนรอยคดี ‘จูดิธ บาร์ซี’ นักแสดงเด็กดาวรุ่ง อนาคตดับ เพราะพ่อ ‘น้อยใจ’

“จูดิธ บาร์ซี” ชื่อนี้อาจจะคุ้นหูใครหลายๆ คน เพราะเธอเป็นหนังแสดงเด็กของฮอลลีวูดที่ผ่านงานแสดงมามากมาย เป็นเด็กสาวที่มีหน้าตาน่ารักสดใส โดยที่บางคนอาจจะคุ้นหน้าเธอจากภาพยนตร์ดังอย่าง Jaws: The Revenge เรียกได้ว่าซึ่งเส้นทางอาชีพนักแสดงของเธอนั้น สดใสเลยทีเดียว

เบื้องหน้านั้น เธอคือนักแสดงเด็กอนาคตไกล แต่เช่นเดียวกันกับวงการมายา ที่เบื้องหน้าย่อมสดใสกว่าเบื้องหลัง แต่ว่าเบื้องหลังชีวิตของ จูดิธ บาร์ซี นั้น มันช่างโหดร้าย และน่าเศร้า เกินกว่าที่ใครสักคนจะจินตนาการได้จริงๆ

จูดิธ บาร์ซี่ย์ มีชื่อเต็มว่า จูดิธ เอวา บาร์ซี (Judith Eva Barsi) เธอเกิดในวันที่ 6 มิถุนายน 1978 ที่ Los Angeles รัฐ California สหรัฐอเมริกา โดยเธอเติบโตขึ้นมาภายใต้การเลี้ยงดูของ คุณพ่อโจเซฟ (József Istvan Barsi) และคุณแม่มาเรีย (Maria Barsi) ที่เป็นผู้อพยพมาจากประเทศฮังการี

จูดิธเป็นเด็กที่มีหน้าตาน่ารัก มีบุคลิกที่สดใสมาตั้งแต่เด็ก ประกอบกับเธอเป็นคนที่ชอบการแสดงออกเป็นอย่างมาก และเมื่อเธอเติบโตมาในเมืองที่เป็นหัวใจวงการภาพยนตร์อย่าง Los Angeles แล้ว คุณแม่มาเรียก็เห็นโอกาสดีที่จะปั้นจูดิธ ให้มีหน้ามีตาในวงการบันเทิง.
และด้วยเหตุนั้นเอง จูดิธจึงได้เริ่มต้นเส้นทางสู่วงการบันเทิง โดยมีคุณแม่เป็นผู้หนุนหลัง และในที่สุด หลังจากพยายามมาระยะหนึ่ง ในวัยเพียง 5 ขวบ จูดิธ ได้รับโอกาสเข้าร่วมแสดงภาพยนตร์เรื่อง Fatal Vision โดยรับบท Kimberley MacDonald ลูกสาวที่ถูกคุณพ่อฆาตกรรมในหนัง และหลังจากทุกคนได้เห็นหน้าตาอันน่ารักสดใสของเธอ จูดิธก็มีผลงานต่างๆ ทยอยเข้ามามากมาย

โดยภาพยนตร์ที่สร้างชื่อเสียงให้เธอได้มากก็คือ หนังฉลามภาคต่ออย่าง Jaws: The Revenge และงานพากย์เสียงภาพยนตร์การ์ตูนชื่อดังอย่าง The Land Before Time และ All Dogs Go To Heaven เรียกได้ว่า จูดิธเป็นนักแสดงเด็กดาวรุ่งในฮอลลีวูดที่มีอนาคตเลยทีเดียว

แต่เรื่องราวของจูดิธนั้นก็ไม่ต่างจากเรื่องราวของวงการบันเทิงทั่วไป ที่ฉากหน้านั้นแตกต่างจากเบื้องหลังอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากในบ้านของเธอนั้น มีปีศาจร้ายอยู่ตัวหนึ่งภายใต้คราบของผู้เป็น “พ่อ”

ตลอดเวลาที่คุณแม่มาเรีย พาจูดิธออกไปทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการแสดง ออกรายการวาไรตี้ ทีวีโชว์ โฆษณาต่างๆ มีผู้คนรักใคร่มากมาย แต่ที่บ้านนั้นเธอกลับเป็นกระสอบทราย และสนามอารมณ์ของโจเซฟ ผู้เป็นพ่อ ไม่ว่าจะเป็นการตำหนิด่าทอ ไปจนถึงการทุบตีทำร้ายร่างกาย อยู่เป็นประจำ

เคยมีครั้งหนึ่ง ที่เพื่อนบ้านได้เล่าว่า เขาเห็นจูดิธกำลังเล่นว่าวอยู่บริเวณหน้าบ้านอย่างสนุกสนาน แต่ไม่นานโจเซฟก็เดินเข้ามาด่าทออย่างรุนแรง ฉีกว่าวออกเป็นชิ้นๆ ต่อหน้าต่อตา แถมยังทิ้งให้จูดิธนั่งตัวสั่นน้ำตาไหลด้วยความกลัวอยู่หน้าบ้านคนเดียว

ยิ่งนานวันเข้า ทั้งจูดิธและคุณแม่มาเรียก็โดนโจเซฟทำร้ายร่างกายหนักขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นต้องแจ้งตำรวจ แต่พอตำรวจมาถึงแทนที่จะจับกุมโจเซฟไป กลับเอาแต่พยายามไกล่เกลี่ย เพื่อให้ทั้งคู่สามารถปรับความเข้าใจกันได้แล้วจากไป

สำหรับสาเหตุที่ว่าทำไมโจเซฟถึงต้องลงมือภรรยาของลูกเขาขนาดนี้ นั่นก็เพราะว่า โจเซฟ อิจฉา อิจฉาลูกในไส้แท้ๆ ที่อายุเพียง 10 ขวบ เท่านั้น แต่สามารถหาเงินได้มากกว่าตัวเขาทั้งชีวิต แถมยังกลายเป็นเสาหลักทางด้านรายได้ให้กับครอบครัว โดยเธอทำเงินได้ราวๆ 120,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราวๆ 4,200,000 บาทต่อปีเลยทีเดียว ในขณะที่ตัวเขาที่วันๆ เอาแต่เมาเหล้าไม่มีงานทำ มันทำให้จิตใจของโจเซฟเต็มไปด้วยความอิจฉา และน้อยเนื้อต่ำใจที่ตัวเองเป็นพ่อแท้ๆ แต่กลับสู้อะไรลูกสาวไม่ได้เลย จนสุดท้าย ความอิจฉา และความน้อยเนื้อต่ำใจนั้นมันก็แปรเปลี่ยนเป็นความรุนแรงภายในครอบครัว

ด้วยเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ มันสั่งสมอยู่ในตัวจูดิธตั้งแต่เด็กๆ และส่งผลกระทบต่อจิตใจของจูดิธ จนกลายมาเป็นพฤติกรรมที่ก้าวร้าวของตัวเธอเองด้วย โดยหลายครั้ง ที่จูดิธถูกทำร้าย เธอจะระบายความโหม และเจ็บปวด ด้วยการนั่งถอนขนตาตัวเองไปจนถึงถอนหนวดของแมวที่เธอเลี้ยงไว้ แถมบางทีก็นั่งร้องไห้ขึ้นมาเฉยๆ จนคุณแม่มาเรียต้องพาไปพบจิตแพทย์ แต่อาการก็ไม่ได้ดีขึ้นมากเท่าไร

ซึ่งนั่นแหละ เป็นสัญญาณที่ทำให้คุณแม่มาเรียคิดได้ว่า เธอกับลูกไม่สามารถใช้ชีวิตกับผู้ชายคนนี้ได้อีกต่อไปแล้ว ทำให้ ในปี 1989 ตอนที่จูดิธอายุได้ 10 ปี มาเรียตัดสินใจวางแผนฟ้องหย่ากับโจเซฟ โดยเธอแจ้งความประสงค์กับทนายว่า เธอกับลูกจะไม่เป็นฝ่ายหนี แต่เป็นโจเซฟนั่นแหละ ที่ต้องเป็นฝ่ายออกไปจากชีวิตของพวกเธอ พวกเขาต้องการออกจากขุมนรกนี้เสียที โดยการขับไล่ปีศาจในคราบคุณพ่อออกไปจากบ้านไปซะ

แต่เมื่อโจเซฟรู้เรื่องการฟ้องหย่า เขาก็โกรธอย่างสุดขีด เขารับไม่ได้ และไม่ยอมที่จะให้ใครลุกขึ้นมาสู้กับเขาทั้งนั้น ซึ่งวันนั้น ในวันที่ 25 กรกฎาคม ปี 1989 โจเซฟ ก็ได้ทำอะไรบางอย่าง ที่ไม่มีใครคาดคิด

เขาได้ถือปืนเดินขึ้นไปที่ห้องนอนของจูดิธ ก่อนที่จะจ่อยิงเข้าไปที่ศีรษะเธอ จนเสียชีวิตคาห้องนอนในทันที และจากเสียงปืนดังสนั่นจนปลุกมาเรียให้ตื่นขึ้นมา เธอรีบวิ่งไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น และเมื่อเธอได้เจอกับโจเซฟ และร่างลูกสาวที่ไร้วิญญาณอยู่บนเตียง ทันใดนั้น โจเซฟหันปากกระบอกปืน ลั่นไกใส่เธอจนเสียชีวิตไปอีกคน

และสุดท้าย โจเซฟ ก็ได้ลั่นกระสุนนัดสุดท้ายเพื่อปลิดชีวิตตัวเองตามไปอีกคนอย่างน่าอนาถ
พอข่าวอันน่าเศร้านี้ถูกรายงานออกไป ก็ได้รับความสนใจจากผู้คนมากมาย ถูกสื่อหลากหลายหยิบไปประโคมแง่มุมต่างๆ อย่างหลากหลาย ทุกคนแทบไม่อยากจะเชื่อว่า ความจริงที่อยู่เบื้องหลังนักแสดงเด็กมากฝีมืออันเป็นที่รักของทุกคนคนนี้ จะต้องใช้ชีวิตที่ทุกข์ทรมานมากเพียงใด จนเป็นเหตุให้เส้นทางของนักแสดงเด็กอนาคตไกลของ จูดิธ บาร์ซี ก็จบลงอย่างน่าเศร้าแต่เพียงเท่านี้

สามารถรับฟัง File Not Found EP. 125 | อิจฉา อาฆาต กับลูกรัก แบบเต็มๆ ได้ที่: https://youtu.be/CmXKo8vHvgM


#missiontopluto
#missiontoplutopodcast
#filenotfoundpodcast

 

Advertisements
Advertisements

LASTEST ARTICLES

LASTEST PODCAST

Mission To The Moon
Mission To The Moon
พื้นที่ที่สร้างขึ้นเพื่อแบ่งบันเรื่องราวเกี่ยวกับการทำธุรกิจ การตลาด แรงบันดาลใจ และข้อคิดในการใช้ชีวิต

POPULAR ARTICLES

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่มีความจำเป็น (Strictly Necessary Cookies)
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานและเข้าชมเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถบล็อคการใช้งานคุกกี้ได้จากเบราว์เซอร์ที่ใช้งาน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบกับการใช้งานเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราะห์และวัดผลการทำงาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า