ENTERTAINMENT“Ed Gein” ฆาตกรจิตเวช ต้นแบบหนังเรื่อง “Psycho”, “The Silence of the Lambs”

“Ed Gein” ฆาตกรจิตเวช ต้นแบบหนังเรื่อง “Psycho”, “The Silence of the Lambs”

หนึ่งในฆาตกรที่เลื่องชื่อที่สุด โหดที่สุด สยองที่สุด

คนส่วนใหญ่มักรู้จัก “ฆาตกรเลื่องชื่อ” อย่าง Ted Bundy, John Wayne Gacy, Jack the Ripper ด้วยจำนวนเหยื่อที่เสียชีวิต ทำให้พวกเขาถูกมองว่าเป็นคนที่โหดเหี้ยม

แต่เมื่อเทียบกับ Ed Gein ที่สังหารเหยื่อไปสองคน อาจฟังดูไม่เลวร้ายเท่า แต่เมื่อเราดู “วิธีการฆ่า และความคิดที่ผิดปกติ” จะทำให้เราเข้าใจว่าทำไมฆาตกรคนนี้ถึง “ไม่ธรรมดา”

Harold Schechter ผู้เขียนหนังสือ “Deviant : The Shocking True Story of Ed Gein, the Original Psycho” กล่าวว่า “Ed Gein เป็นคนที่ไม่เหมือนใคร” แต่จะไม่เหมือนใครอย่างไร และอะไรทำให้ฆาตกรสองศพ ถูกพูดถึงในวงกว้าง มาทำความรู้จักกับ “Ed Gein” กัน

Artboard 2

ใครคือ “Ed Gein” ?

Edward Theodore Gein เกิด ณ รัฐวิสคอนซินในปีค.ศ.1906 พ่อมีนิสัยติดเหล้า และมีแม่ที่คลั่งไคล้ศาสนา เขาใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในฟาร์มของครอบครัวในเพลนฟิลด์ หลังจากนั้น คนในครอบครัวของเขาก็ค่อยๆ ล้มหายตายจาก พ่อของเขาเสียชีวิตในปีค.ศ.1940 และการเสียชีวิตอย่างลึกลับของพี่ชายในปีค.ศ.1944 หลังจากนั้นไม่นาน แม่ของเขาก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา

ในปีค.ศ.1957 ตำรวจท้องที่ไปที่ฟาร์มเพื่อสอบถาม Gein เกี่ยวกับการหายตัวไปของเจ้าของร้าน Bernice Worden ในโรงเก็บของ เจ้าหน้าที่พบศพของเธอถูกตัดหัวและถูกฆ่าในบ้านไร่ของ Gein พวกเขาค้นพบส่วนต่างๆ ของร่างกายอื่นๆ อีกหลายร้อยส่วน ซึ่งถูกวางเกลื่อนไปทั่วห้องอีกด้วย

และที่น่าตกใจไปกว่านั้น บนผนังมีใบหน้าของผู้หญิงเก้าคนแขวนอยู่ พวกเขาเจอแผ่นมาสก์และที่รองนั่งเก้าอี้ซึ่งทำจากผิวหนังมนุษย์ กะโหลกมนุษย์ถูกดัดแปลงกลายเป็นชามใส่อาหาร หัวของเจ้าของร้าน Worden และหัวของเหยื่ออีกรายคือหญิงสาวที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย “Mary Hogan” ต่างถูกใส่ไว้ในถุง อีกทั้งหัวใจและอวัยวะอื่นๆ ยังถูกวางอยู่ในห้องครัวและมุมต่างๆ ของบ้าน

ไม่นานนัก Gein สารภาพกับตำรวจว่า นอกจากจะฆ่า Worden แล้ว เขายังเดินทางไปที่สุสานในท้องถิ่นหลายสิบครั้ง เพื่อขโมยและทำลายศพ

Artboard 3

คำสารภาพของฆาตกร “นักปล้นศพ”

หลังจากที่ตำรวจพบกับความจริงอันน่าสะพรึง ทำให้เขาถูกจับกุมตัว และในที่สุด เขายอมรับว่าได้สังหารนาง Worden ด้วยปืนไรเฟิลลำกล้อง .22 แล้วลากออกไปที่รถของเขาและนำศพไปไว้ในบ้าน รวมถึงยังได้ยอมรับว่าเมื่อสามปีก่อน ตนได้สังหาร “Mary Hogan” เจ้าของโรงแรมเพลนฟิลด์ซึ่งหายตัวไปอย่างลึกลับ

ความน่ากลัวของ Gein ยังไม่จบเท่านี้ เพราะสิ่งที่น่ากลัวสุดๆ ของเขาคือการขุดศพขึ้นมาแล้วนำมาชำแหละ ทำเป็นเครื่องใช้ในบ้าน เป็นของสะสม และของตกแต่ง

ระหว่างปีค.ศ.1947 ถึงค.ศ.1952 เขาได้ไปสุสานท้องถิ่นมากถึง 40 แห่ง เพื่อขุดศพที่เพิ่งฝังไว้ และมากกว่า 30 ครั้ง เขาออกมาในสภาพงุนงงหลังก่อเหตุ เขากลบหลุมศพไว้อย่างเรียบร้อย และกลับบ้านมือเปล่า และจำนวนที่ถูกขุด มี 9 หลุมศพที่ถูกขุดออกไป และนำกลับบ้าน

Schechter กล่าวว่า “Gein ขุดศพของหญิงวัยกลางคนเหล่านี้ขึ้นมา มีหลักฐานว่าในตอนแรกเขาพยายามจะเอาร่างของแม่ออกมา แต่เนื่องจากดินในส่วนนั้นของวิสคอนซินมีทรายมาก หลุมศพจำนวนมากจึงถูกปูด้วยวัสดุบุผิวคอนกรีต ทำให้เขาไม่สามารถขุดศพขึ้นมาได้ แต่เขาจะขุดศพผู้หญิงคนอื่น ๆ นำศพกลับบ้าน ผ่า ชำแหละพวกเธอ และสร้างวัตถุแปลกประหลาดขึ้นมา”

Advertisements
Advertisements
Artboard 4

ต้นเหตุของอาการทางจิต

แม่ของเขา “ออกัสตา” สตรีผู้คลั่งศาสนา มุ่งมั่นที่จะเลี้ยงดูเด็กชายตามหลักศีลธรรมอย่างเข้มงวด เธอได้ปลูกฝังคำสอนของพระคัมภีร์ไบเบิลให้กับลูกชายทุกวัน คอยเตือนลูกชายซ้ำแล้วซ้ำเล่าถึงการผิดศีลธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการร่วมรัก

ออกัสตาเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่ง เธอเชื่อว่ามุมมองของเธอที่มีต่อโลกนั้นเป็นความจริงและถูกต้อง

จอร์จ ชายผู้อ่อนแอและติดสุรา ก็ไม่ได้สนใจวิธีการเลี้ยงลูกของภรรยา ออกัสตาดูหมิ่นเขาและเห็นว่าเขาไม่สามารถอุ้มชูหรือดูแลครอบครัวได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการดูแลลูกๆ เธอจึงมีหน้าที่เลี้ยงดูลูก และต้องหาเงินเพื่อเลี้ยงดูทั้งครอบครัวอีกด้วย

แม้ว่าออกัสตาจะพยายามอย่างขยันทำมาหากิน อบรมเลี้ยงดูลูกอย่างเคร่งครัด เพื่อหวังให้ลูกมีชีวิตในกรอบที่เธอวางไว้ แต่แล้ว เธอก็ไม่สามารถทำให้ทุกอย่างเป็นอย่างที่ใจหวัง

ชีวิตในโรงเรียนของ Gein ไม่ค่อยสดใสนัก เนื่องจากนิสัยของเขาเหมือนผู้หญิงและขี้อายเกินไป ทำให้เพื่อนไม่ชอบ และไม่อยากคบหาด้วย เมื่อใดที่เขาพยายามเข้าหาเพื่อน แม่ก็จะดุด่า กีดกันเขาออกจากสังคมเพื่อนในโรงเรียน

ไม่ว่าลูกชายจะเชื่อฟังเธอมากเท่าใด ดูเหมือนความคาดหวังที่เธอมีต่อลูกยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เธอรู้สึกไม่พอใจ และมักจะทำร้ายพวกเขาด้วยวาจา เธอมีความคิดฝังหัวว่า ลูกชายถูกกำหนดให้ล้มเหลวเหมือนพ่อ จึงทำให้เธอคอยบงการ ปูทางให้ลูกชายไม่เดินตามรอยผู้เป็นพ่อ

หลังจากแม่เสียชีวิต ที่พึ่งหนึ่งเดียว ซึ่งคอยช่วยเหลือ และผู้บงการได้ตายจากเขาไปแล้ว ทำให้ Gein ต้องใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว เขาจึงใช้เวลาว่างส่วนใหญ่ในการอ่านนิตยสารและหนังสือกายวิภาคศาสตร์ ห้องที่เขาอาศัยอยู่เต็มไปด้วยวารสารเกี่ยวกับพวกนาซี นักล่าเฮดฮันเตอร์ และเรืออับปางในทะเลใต้ จากการอ่านของเขา เอ็ดดี้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนการย่อศีรษะ ขุดศพจากหลุมศพ และกายวิภาคของร่างกายมนุษย์

จากข่าวการตายของหญิงสาวละแวกใกล้เคียง ความสนใจต่อกายวิภาคศาสตร์ และอยากรู้ว่า “ความรู้สึกของการเป็นผู้หญิงเป็นอย่างไร” เมื่อปัจจัยเหล่านี้บวกรวมกัน ทำให้เขาตัดสินใจขุดหลุมศพ และชำแหละชิ้นส่วนต่างๆ ของศพมาสวม

นักจิตวิทยาและจิตแพทย์ที่สัมภาษณ์เขาอ้างว่าเขาเป็นโรคจิตเภทและเป็น “โรคจิตทางเพศ” สภาพของเขาเกิดจากความสัมพันธ์ที่ไม่ดีระหว่างแม่กับตัวเขา รวมถึงการเลี้ยงดูในวัยเด็กของเขา เห็นได้ชัดว่า Gein ได้รับความทุกข์ทรมานจากความรู้สึกที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับผู้หญิง ความดึงดูดใจทางเพศตามธรรมชาติที่แม่พยายามห้าม ปลูกฝังว่าเป็นเรื่องผิดศีลธรรม สิ่งเหล่านี้ทำให้เขาเกิดความรู้สึกเกลียดชังผู้หญิง และในที่สุดก็พัฒนาจนกลายเป็นโรคจิตเภท

Artboard 11

ต้นแบบที่นำไปสู่หนังฆาตกรรมชื่อดัง

ความพยายามของ Gein ในการฟื้นคืนชีพแม่ที่เสียชีวิตนั้น ถูกนำไปสร้างเป็นพล็อตใน “Psycho” อีกทั้งความชอบของเขาในการทำหน้ากากจากผิวหนังมนุษย์ ยังถูกใส่เข้าไปในตัวละคร Leatherface ในภาพยนตร์เรื่อง “Texas Chainsaw Massacre”

นอกจากนี้ในนวนิยายของ Thomas Harris เรื่อง “The Silence of the Lambs” และภาพยนตร์แนวฆาตกรต่อเนื่องนามว่า “Buffalo Bill” ผู้ซึ่งฆ่าผู้หญิงตามพิธีกรรมเพื่อสร้างชุดหนัง ก็ล้วนถูกดัดแปลงมาจาก Gein ทั้งสิ้น

Schechter กล่าวว่า “มีหลายองค์ประกอบในคดีฆาตกรรมของ Gein ได้ปลุกเรื่องราวมนุษย์กินเนื้อและอสูรในวัยเด็กอีกครั้ง” อีกทั้งเขายังเป็นต้นแบบที่ทำให้ Eric Powell เขียนนวนิยายกราฟิกเรื่อง “Did You Hear What Eddie Gein Done?” อีกด้วย

อ้างอิง:
https://bit.ly/3HEu3H8
https://bit.ly/3sB5J2y

#plutomysteryclub
#missiontoplutopodcast

Advertisements

LASTEST ARTICLES

LASTEST PODCAST

POPULAR ARTICLES

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่มีความจำเป็น (Strictly Necessary Cookies)
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานและเข้าชมเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถบล็อคการใช้งานคุกกี้ได้จากเบราว์เซอร์ที่ใช้งาน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบกับการใช้งานเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราะห์และวัดผลการทำงาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า