“Batman” คงเป็นภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ที่เราหลายคนรู้จักกันดี แต่ใครจะไปรู้ว่าส่วนหนึ่งของ Batman ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Lovecraft โดยในเรื่อง “Batman: The Doom that Came to Gotham” ซึ่งเป็นเรื่องราวในอีกจักรวาลหนึ่งที่ไม่ใช่จักรวาลหลักของ Batman ก็มีอสุรกายจาก Lovecraft มาโผล่ด้วยเช่นกัน
โดยเรื่องราวนี้เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 1920 ณ แอนตาร์กติกาอันหนาวเย็น โดยเรืออาร์โก (Argo) ซึ่งมีคณะสำรวจที่ประกอบไปด้วยบรูซ เวย์น, ดิก เกรย์สัน, เจสัน ทอดด์ และทิม เดรก หรือในจักรวาลหลักก็คือ Batman, Robin (Nightwing ในภายหลัง), Red Hood และ Red Robin ตามลำดับ ได้ล่องมาที่นี่เพื่อค้นหาคณะสำรวจของ ศ.คอบเบิลพ็อต ที่ได้หายสาบสูญไป แต่พวกเขากลับพบว่าคณะสำรวจเกือบทั้งหมดได้เสียชีวิตลง หลงเหลือแค่ ศ.คอบเบิลพ็อตที่เสียสติและกลายไปเป็นหนึ่งในฝูงเพนกวินไปแล้ว จะมีก็เพียงแค่ชายนามว่า เกรนดอน (Grendon) เท่านั้นที่รอดชีวิตมาได้
ทีมสำรวจของอาร์โกพบว่าเกรนดอน กำลังพยายามที่จะกะเทาะน้ำแข็งภายในถ้ำ ที่ถูกใช้เพื่อคุมขังอสุรกายต่างโลกตนหนึ่งเอาไว้ โดยลูกเรือตัดสินใจที่จะนำเกรนดอนที่กำลังเสียสติกับการกะเทาะน้ำแข็งกลับไปขังไว้ในเรือ ก่อนที่บรูซจะใช้ระเบิดทำลายถ้ำที่ขังอสุรกายตนนั้นเอาไว้ เพื่อเป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม
แต่แล้วบรูซและคณะก็พบความจริงที่น่าประหลาดประการหนึ่งเกี่ยวกับเกรนดอน เขากลับกลายเป็นชายที่ตายแล้ว มีกายเย็นเฉียบเหมือนน้ำแข็ง เมื่อเดินทางออกจากแอนตาร์กติกา เริ่มเจอกับอุณหภูมิที่อุ่นขึ้น พวกเขาจึงได้เลือกที่จะเก็บเกรนดอนเอาไว้ในตู้แช่แข็ง และเดินทางกลับก็อตแธม
เมื่อกลับมายังคฤหาสน์ พวกเขาก็ต้องประหลาดใจที่ได้พบเจอกับร่างไร้วิญญาณของชายคนหนึ่งภายในห้องโถง โดยชายผู้นี้ก็คือ ดร.แลงสตรอม (Langstrom หรือ Man-bat ในจักรวาลหลัก) และนอกจากนี้ ยังมีชายอีกคนหนึ่งที่เรียกตัวเองว่า บลัด (Blood) ปรากฏตัวขึ้น โดยชายผู้นี้ได้เตือนกับบรูซเกี่ยวกับเรื่องแย่ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเขาและก็อตแธม ก่อนที่เขาจะกลายร่างเป็นอสุรกายเพลิง (หรือ Etrigan ในจักรวาลหลัก)และจากไป
ในวันเดียวกันกับที่บรูซกลับมา ข่าวของเขาก็แพร่ไปทั่วเมือง บรูซและคณะได้รับคำเชิญจากโอลิเวอร์ ควีน (Oliver Queen หรือ Green Arrow ในจักรวาลหลัก) มหาเศรษฐีคนดังคนหนึ่งของก็อตแธมที่อยากให้พวกเขาไปเยี่ยมที่คฤหาสน์ ที่นั่นเองที่ควีนก็ได้เล่าเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงที่ได้เกิดขึ้นในก็อตแธมระหว่างที่พวกเขาไม่อยู่ให้ฟัง โดยในตอนนั้นฮาร์วีย์ เดนท์ (Harvey Dent) กำลังลงสมัครเป็นนายกเทศมนตรี ส่วนจิม กอร์ดอน (Jim Gordon) ก็ได้เลื่อนขึ้นเป็นบอสใหญ่ของกรมตำรวจ และก็เป็นควีนนี่เองที่ทำให้บรูซได้รู้จักว่าเคิร์ก แลงสตรอมเป็นใคร และที่อยู่ของเขาอยู่ที่ไหน
หลังจากนั้นบรูซในชุดแบทแมน จึงได้แวะไปยังที่บ้านของแลงสตรอม และก็ได้พบโน้ตที่ได้เอ่ยถึงตำราประหลาดที่เรียกว่า “The Testament of Ghul” ซึ่งอยู่ในการครอบครองของศาสตราจารย์แมนเฟิร์ด (Prof.Manfurd)
ทว่าเมื่อไปถึงยังบ้านของแมนเฟิร์ด เขาก็พบกับผู้หญิงคนหนึ่งที่มาชิงตัดหน้าฆ่าศาสตราจารย์และชิงหนังสือไปเสียก่อน ในตอนนั้นแบทแมนก็พยายามไล่ตาม แต่กลับถูกขัดขวางโดยจินน์ อสุรกายที่ถูกอัญเชิญมา แบทแมนเกือบจะไม่รอดแต่บรูซก็ได้รับความช่วยเหลือโดยบลัด จึงรอดพ้นมาได้ แต่เมื่อไล่ล่าตามผู้หญิงลึกลับไป แบทแมนก็ถูกเล่นงานโดยอสุรกายที่คล้ายกับกิ้งก่ากึ่งดีพวัน (Killer Croc) และถูกลักพาตัวไป
ในเวลาเดียวกัน ที่ท่าเรือก็อตแธม กลับเกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น เรืออาร์โกจู่ๆ ก็ถูกปกคลุมไว้ด้วยน้ำแข็ง หลังจากนั้น เจสันก็ปรากฏตัวขึ้นและรีบตรงขึ้นเรือไปเพราะเป็นห่วงดิก แต่เมื่อเขาขึ้นไปบนเรือก็พบว่าดิกเสียชีวิตแล้วจากการถูกแช่แข็ง ส่วนเกรนดอนก็กลายเป็นอิสระ แต่ก่อนที่เจสันจะมีโอกาสได้ทำอะไร Killer Croc ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาสมทบและสังหารเจสันไปอีกคน ทำให้อสุรกายทั้งสองได้โอกาสหนีไปพร้อมกันหลังจากนั้น
ตัดกลับมาที่แบทแมนที่ฟื้นคืนสติขึ้น เขาก็พบว่าตัวเองอยู่ที่ใดสักแห่งในก็อตแธมใต้ทางระบายน้ำ กับหญิงสาวที่ได้แนะนำตัวว่าเธอคือ ทาเลีย อัล กูล (Talia al Ghul) เธอได้บอกเล่าว่าแท้จริงแล้ว The Testament of Ghul ก็คือตำราที่ถูกเขียนขึ้นโดยบิดาของเธอผู้ที่ค้นพบนครที่ไร้นาม ทว่าพ่อของเธอได้ตายจากไปเพราะถูกสิ่งลี้ลับสังหารด้วยการฉีกกระชากร่างกลางตลาด ตำราฉบับนั้นจึงได้ถูกส่งต่อมาถึงมือของเธอ และทำให้เธอสามารถที่จะควบคุมพวกจินน์ได้และมีชีพอันเป็นอมตะ
แต่แล้วในช่วงเวลาหนึ่งเธอก็เลือกที่จะเข้าจำศีลในสุสาน ซึ่งในตอนนี้เอง ตำราได้ถูกพวกโจรปล้นสุสานขโมยมา เธอจึงได้ออกไล่ล่าค้นหาตำรา จนกระทั่งมาถึงยังก็อตแธม
ด้วยตำราเล่มนั้น ทาเลียก็สามารถที่จะปลุกพ่อของเธอกลับขึ้นมาได้ในที่สุด เมื่ออัล กูลฟื้นขึ้นมา จึงเจรจากับแบทแมนว่าอยากให้เขามาเป็นสมุน แต่แบทแมนกลับปฏิเสธ ต่อจากนั้นอัล กูลจึงได้เสกก็อตแธมให้มีพวกสัตว์เลื้อยคลานและกิ้งก่าออกอาละวาดไปทั่วเมือง
แบทแมนเกือบที่จะเอาชีวิตไม่รอด แต่เขาก็สามารถที่จะหนีมาได้จนกระทั่งมาถึงยังโบสถ์อันเป็นสถานที่เขาเคยได้วิ่งมาหลบฆาตกรที่ฆ่าพ่อกับแม่ของเขาตอนที่ยังเด็ก ในตอนนี้เอง เรื่องเล่าได้ย้อนไปถึงเหตุการณ์ในครานั้นที่บรูซได้พบเจอกับผีที่ผูกคอตายและฝูงค้างคาวที่ได้มอบนิมิตให้กับบรูซในวัยเด็กว่า เขาจะเป็นผู้ที่ได้เผชิญหน้ากับภัยต่างโลกและเป็นผู้หยุดยั้งมัน
เมื่อย้อนกลับมาที่พ่อหมออัล กูล ในตอนนี้เองที่เราได้รู้ว่าเกรนดอน ชายผู้ตัวเย็นดั่งน้ำแข็งในตอนต้น มีชื่อเต็มว่า ออร์กุส เกรนดอน (August Grendon) และในร่างของเขา มีกุญแจถูกฝังเอาไว้โดยเทพจากต่างโลก และเมื่อร่างของเกรนดอนละลาย เราจึงได้รู้ว่ากุญแจที่ว่าคือพืชประหลาดที่ได้ก่อร่างสร้างตัวขึ้นเป็นหญิงสาว (Poison Ivy)
และก็เป็น Poison Ivy ตนนี้เองที่ได้แวะไปแสดงความยินดีกับฮาร์วี่ เดนซ์ที่เพิ่งจะชนะการเลือกตั้งถึงที่บ้าน และได้แอบแทงเขาด้วยหนามตอนที่จับมือกัน ต่อจากนั้นเธอจึงแวะไปหาโอลิเวอร์ ควีนที่ได้แต่งตัวเหมือนกับอัศวินยุคกลาง โดยควีนมีคันศรที่อาบไปด้วยเลือดนักบุญ เขาเชื่อว่าเขาคือผู้ถูกเลือกและมีหน้าที่ในการหยุดยั้งแผนชั่วของเทพจากต่างโลก แต่ควีนกลับถูกสังหารอย่างง่ายๆ โดย Poison Ivy โดยทิมที่อยู่กับควีนก็เกือบที่จะถูกสังหารไปด้วย แต่ในตอนนั้น แบทแมนกลับปรากฏตัวขึ้นมาได้ทันเวลา ช่วยทิมเอาไว้ได้ทันและทำการสังหาร Poison Ivy ด้วยไฟ
หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมด บรูซก็ได้นำร่างของดิกกับเจสันไปฝังที่สุสานโดยที่ยังสวมชุดแบทแมนอยู่ ที่สุสานนี้เองที่จิม กอร์ดอนได้ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับบาร์บารา กอร์ดอน (Barbara Gordon) ลูกสาวของเขาที่นั่งรถเข็น โดยบาร์บาราได้บอกให้บรูซไปพบกับตัวเองในภายหลังที่ศาลเก่าของเมืองก็อดแธม
ที่ศาลร้างนั้น บาร์บาร่าได้เรียกวิญญาณของ ศ.คอสบี้ เยคอบ แมนเฟิร์ด (Cosby Jacob Manfurd) มาเข้าร่าง ศาสตราจารย์ได้บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดอันเป็นจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ให้กับแบทแมนได้ฟัง
แมนเฟิร์ดได้เล่าว่าเมื่อครั้งอดีตในยุคสำรวจโลกใหม่ มีชายสี่คนก็คือตัวเขา, โทมัส เวย์น, เฮนรี่ ควีน และบาร์ดลีย์ แลงสตรอมได้เดินทางมาถึงยังดินแดนรกร้างของโลกใหม่ และร่วมกันก่อร่างสร้างอาณานิคมขึ้นด้วยกัน ทั้งสี่ได้พบเจอกับชายหน้าตาน่าเกลียดที่ชื่อ ลุควิก พรินน์ (Lugwig Prinn) ที่อ้างว่าตัวว่าเป็นวอร์ล็อกและต้องการให้ชายทั้งสี่มาเป็นสมุน เพื่อแลกเปลี่ยนกับลาภยศเงินทอง
ในเวลาต่อมา พรินน์ก็ได้เผยความลับให้กับชายทั้งสี่ได้รู้ว่าข้างใต้อาณานิคมของพวกเขามีซากโบราณของพวกมนุษย์กิ้งก่าซุกซ่อนอยู่ และที่นั่นเอง พรินน์ได้ทำพิธีกรรมประหลาดและขอให้ชายทั้งสี่เข้าร่วมด้วย แต่พรินน์ก็ถูกชายทั้งสี่หักหลัง โดยทั้งสี่ได้ทำร้ายพรินน์จนปางตายก่อนที่จะปล่อยทิ้งเขาเอาไว้ข้างใต้นั้น
และก็เป็นเพราะผลพวงจากพิธีกรรมประหลาด ก็อตแธมได้ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ส่วนทั้งสี่ก็กลายเป็นอมตะไม่แก่ไม่เฒ่าและอยู่ต่อมาเรื่อยๆ จนพวกเขาหลายคนเลือกที่จะมีชีวิตอยู่ต่อด้วยการปลอมตัวตนเป็นลูกหลานของตัวเอง สุดท้ายแล้วบางคนก็เบื่อจนฆ่าตัวตายไป หรือไม่ก็เสียสติไปและฆ่ากันเอง ส่วนพรินน์ที่อยู่ข้างใต้ก็อยู่รอดได้ด้วยการกินเห็ดราประหลาด และกลายร่างเป็น Killer Croc
แมนเฟิร์ดยังเล่าอีกว่า เป็นหน้าที่ของแบทแมนที่เป็นลูกของโทมัส เวย์น ที่สามารถจะทำให้เรื่องทุกอย่างจบลง
แบทแมนจึงบุกลงไปยังใต้ก็อตแธม สังหารพรินน์ และพบเจอกับฮาร์วีย์ที่ร่างกายซีกหนึ่งได้กลายเป็นสิ่งที่น่าขยะแขยง ร่างกายส่วนหนึ่งของฮาร์วีย์ได้กลายเป็นประตูมิติ ที่แบทแมนสามารถจะใช้เพื่อไล่ล่าตามพ่อลูกอัล กูลไป
ประตูมิติได้นำพาแบทแมนไปสู่แท่นบูชาที่เบื้องล่างคืออสุรกายจากต่างโลกนามว่า Iog-Sotha, The Lurker on the Threshold แบทแมนได้สังหารสมุนของราธ อัล กูลด้วยคันศร ทาเลียถูก Iog-Sotha สังหาร จากนั้นแบทแมนกับราธ อัล กูลก็ได้สู้กัน สุดท้ายแล้วแบทแมนก็ชนะโดยใช้คันศรที่ปักติดอยู่บนตำรา The Testament ฟาดใส่อัล กูล
ในขณะเดียวกัน Iog-Sotha ก็ได้ตื่นขึ้น และกำลังจะอาละวาด แต่ในตอนนี้เองที่ Etrigan ได้รับอำนาจของตัวเองคืนมาและใช้เพลิงนรกในการต่อสู้กับ Iog-Sotha ซึ่งเพลิงที่เกิดจากการต่อสู้ก็ได้หลุดออกมาจากประตูมิติและได้ทำลายก็อตแธมจนมอดไหม้
สุดท้ายแล้วเรื่องราวทั้งหมดก็ได้จบลงตรงที่ก็อตแธมได้ถูกสร้างขึ้นใหม่ ทิมได้กลายเป็นผู้ดูแลทรัพย์สินตระกูลเวย์น ส่วนแบทแมนในร่างมนุษย์ค้างคาวก็ได้คอยพิทักษ์ก็อตแธมอยู่อย่างเงียบ ๆ และไม่ปรากฏตัวให้กับใครได้เห็นอีกเลย
ไปรับฟัง ศึกของ Batman และอสูรจาก Lovecraft สองจักรวาลที่วนมาบรรจบกัน | Time To Play EP.100 ในรูปแบบเสียงได้ที่: https://youtu.be/pwWS4z8Qa74
#missiontopluto
#missiontoplutopodcast
#timetoplay
#lovecraft
#batman