ในเวลาที่โลกต้องเผชิญภัยธรรมชาติ เราคงไม่ต้องการอะไรไปมากกว่า “วิธีเยียวยา แก้ปัญหา และป้องกันอย่างยั่งยืน” ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นหน้าที่ของรัฐ ที่ต้องช่วยประชาชนในประเทศ
แต่ถ้าเกิดว่าแม้แต่รัฐก็ยังช่วยไม่ได้ล่ะ!!?
ย้อนกลับไปในภาพยนตร์ “2012 วันสิ้นโลก” ที่เข้าฉายเมื่อปี ค.ศ. 2009 ซึ่งในสมัยนั้นเรายังอยู่ในวัยประถม ก็ได้แต่ตื่นเต้นไปกับความอลังการของฉากโลกแตก
แต่หารู้ไม่ว่าพอเราโตมา มันดันเกิดเหตุการณ์คล้ายๆ กันในชีวิต แล้วชวนให้คิดถึงประเด็นของ “อำนาจรัฐ ศาสนา และความศรัทธา” ที่ชี้ว่าเมื่อมนุษย์สิ้นหวัง สุดท้ายแล้วก็ต้องหันไปหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์
*Spoiler Alert! ยังไม่ได้ดูอย่าเพิ่งอ่าน*
.
.
.
“2012 วันสิ้นโลก” คือภาพยนตร์ภัยพิบัติ ที่สร้างจากความเชื่อตามปฏิทินชาวมายันที่ว่ากันว่า โลกจะแตกในวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2012 ซึ่งในหนังใช้เหตุการณ์โลกร้อนมาชูประเด็น ความร้อนทำให้เปลือกโลกปริออก และเกิดสึนามิขนาดยักษ์ที่จะกวาดล้างทุกชีวิตจนสูญพันธ์ุ
ในเรื่องเอาเข้าจริงๆ ด้านนักวิทย์ฯ ก็รู้อยู่แล้วล่วงหน้า 2 ปีว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่แทบทุกรัฐก็เลือกปกปิด และให้สิทธิคนรวย-คนดังเท่านั้น ที่จะรอดชีวิตด้วยการซื้อตั๋วขึ้นเรือดำน้ำขนาดยักษ์ที่มีชื่อว่า “โนอาห์”
เมื่อคนธรรมดาโดนรัฐ (ผู้มีหน้าที่ปกป้องดูแล) ตัดหาง ลอยแพ ก็เลยต้องพึ่งพาตัวเอง แล้วเลือกระหว่างหนีตายสุดชีวิต หรือก้มหน้ารอความตาย ในหลายประเทศ มีคนจำนวนมาก ที่พอรู้ว่าโดนรัฐทิ้ง ไม่รู้จะทำยังไง เลยรวมตัวกัน “สวดมนต์ภาวนา” วิงวอนฟากฟ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยความศรัทธา แต่สุดท้ายก็ไม่รอด
ยกเว้นกลุ่มที่ได้ขึ้นเรือโนอาห์ที่มนุษย์สร้างขึ้น ที่กลายเป็นผู้รอดชีวิตกลุ่มแรกในยุคหลังการล่มสลายของอารยธรรมมนุษย์
จึงเกิดคำถามขึ้นมาว่า รัฐไม่มีทางเลือก หรือเลือกที่จะนิ่งเฉยกันแน่?
ถ้าบอกว่าการประกาศว่า “โลกกำลังจะแตก” จะเป็นการสร้างความตื่นกลัว แต่ในเมื่อมันจะเกิดขึ้นแน่ๆ อย่างน้อยการบอกล่วงหน้าให้พวกเขาได้เตรียมตัว ก็อาจจะดีกว่าการปกปิดไว้จนวินาทีสุดท้ายหรือเปล่า
และสุดท้ายนี้ถ้าคนมีอำนาจ มีศักยภาพในการที่จะช่วยมนุษย์ด้วยกัน แต่เลือกที่จะไม่ช่วย สวดมนต์ให้ตายก็เท่านั้น สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยอะไรไม่ได้ อย่างที่เห็นกันในภาพยนตร์นั่นแหละ ทางที่ดีควรจะหาทางจัดการ ป้องกัน ด้วยความใส่ใจ ไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างนั้นต่างหาก
#missiontopluto
#missiontoplutopodcast
#society #2012
ติดตามความเคลื่อนไหวและเนื้อหาน่าสนใจอื่นๆ ได้ที่ https://missiontothemoon.co/category/entertainment/