ที่มาของ The Seven Geases ตำนานเทพโบราณและคำสาปทั้ง 7
ในวันหนึ่ง “ลอร์ดราลิบาร์ วูซ” (Lord Ralibar Vooz) ผู้พิพากษาและลูกพี่ลูกน้องของราชาแห่งคอมโมเรียม ได้พาผู้ติดตามจำนวน 26 คน พร้อมอาวุธครบมือออกเดินทางไปยังแถบเขาวอร์มิธาเดธ (Mouth Voormithadreth) ภูเขาไฟลูกใหญ่ที่สงบแล้วในไฮเปอร์บอร์เรีย (Hyperboria) เพื่อไปล่า “วอร์มี” (Voormi)
ราลิบาร์ วูซ ปีนขึ้นไปบนเขาวอร์มิธาเดธและข้ามหน้าผาที่มีลักษณะตั้งฉากสูงชันเป็นหินราบเรียบด้วยฮุคและเชือก เมื่อเขาปีนมาเกือบจะถึงบนยอดเขานั้น ก็เหลือบเห็นควันสีประหลาดกำลังม้วนตัวลอยขึ้นสู่ฟ้า และด้วยความสงสัย เขาจึงทิ้งบรรดาผู้ติดตามที่กำลังปีนตามขึ้นมาไว้เบื้องหลัง และตัดสินใจเดินไปสำรวจที่มาของควันประหลาดนั้นผู้เดียว
เมื่อเข้าใกล้เรื่อยๆ เขาก็พบกับ “หลุม” ที่มีกระท่อมที่สร้างขึ้นอย่างลวกๆ จากหินบริเวณนั้น โดยหน้ากระท่อมมีกองไฟประหลาดที่ทอแสง “สีน้ำเงิน เขียว และขาว” ที่ก่อให้เกิดควันประหลาดลอยขึ้นด้านบน และเขายังพบกับชายชราร่างผอมคนหนึ่งกับชุดเก่าๆ ที่ห่อหุ้มร่างกาย ที่กำลังร่ายมนตร์คาถา ซึ่งชายชราผู้นี้มีนามว่า “เอซดากอร์” (Ezdagor)
เมื่อชายชราเห็นราลิบาร์ วูซ ก็โกรธเป็นอย่างมาก เพราะการปรากฏตัวของเขานั้นขัดขวางพิธีกรรมที่กำลังดำเนินอยู่ จึงมีการต่อปากต่อคำกัน และเอซดากอร์ก็ได้สาปให้ราลิบาร์ วูซ ต้องไปเป็นเหยื่อบูชายัญให้กับ “เทพซาธอกกวา” (Tsathoggua) และได้เสกนกตัวหนึ่งชื่อ “ราฟทอนทิส” (Raphtontis) เพื่อนำทางไปยังรังของเทพ
ราฟทอนทิสก็พา ราลิบาร์ วูซ ฝ่าพวกวอร์มิสเข้าไปในถ้ำประหลาด เพื่อไปหาเทพซาธอกกวา แต่ตอนที่ไปถึงนั้นซาธอกกวากลับเพิ่งกินเสร็จ และไม่อยากกินราลิบาร์ วูซ จึงสาปส่งเขาต่อให้กับ “เทพแอทลัชนาชา” (Atlachnacha)
หลังจากนั้นราฟทอนทิสก็พาราลิบาร์ วูซ ไปยังปากหุบเหวลึก ที่กว้างเกินกว่าจะมองเห็นปลายสุดด้วยตา และเมื่อเขาได้พบเทพแอทลัชนาชาที่กำลังยุ่งและวุ่นวายกับการสร้างสะพานใยอยู่ ซึ่งเทพตนนั้นรู้สึกเหนื่อยเกินกว่าจะแกะร่างราลิบาร์ วูซ ออกจากชุดเกราะ จึงสาปเขาส่งต่อไปให้ “พ่อมดฮาออน-ดอร์” (Haon-dor)
ราฟทอนทิสจึงพาราลิบาร์ วูซ ไปยัง “ตำหนักพันเสา” (Thousand-Coloumned Palace) ที่ตั้งอยู่ในโถงใต้พิภพอันแปลกประหลาดและเงียบสงบ ซึ่งภายในโถงถูกปกคลุมด้วยหมอกประหลาดและรูปสลักของตัวประหลาดที่มีหัวจำนวนมาก และแต่ละโถงได้รับแสงสว่างจากตะเกียงประหลาด ที่ให้ความรู้สึกชั่วร้ายผิดไปจากไฟทั่วไป
หลังจากเดินผ่านหลายๆ ห้อง เขาก็มาถึงยังห้องโถงที่มีบัลลังก์ประหลาดตั้งสูงขึ้นไปด้วยเสาห้าตน ไม่มีบันไดเพื่อใช้ปีนป่ายขึ้นไป ซึ่งทางเดียวที่จะขึ้นไปก็คือ “บิน” และบนบัลลังก์นี้ก็ปรากฏร่างของพ่อมดฮาออน-ดอร์ที่ซ่อนอยู่ในความมืด
ราลิบาร์ วูซ เอ่ยว่าแอทลัชนาชาส่งเขามา แต่พ่อมดตนนั้นก็เงียบไปพักใหญ่ และอยู่ๆ ก็มีใบหน้าของอสูรกายไร้รูปอันชั่วร้ายจำนวนมาก โผล่ขึ้นมาเต็มผนังและพื้นรายล้อมเขาไว้ แต่พ่อมดก็ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะใช้ประโยชน์จากราลิบาร์ วูซอย่างไร ครั้นจะให้เป็นอาหารของอสูรรับใช้ก็คงทำให้อิ่มได้ไม่กี่ตัว พ่อมดจึงสาปส่งต่อให้พันธมิตรซึ่งก็คือ “เหล่ามนุษย์งู” (Serpent-people)
การเดินทางยังคงดำเนินต่อไป เมื่อลงลึกไปใต้ตำหนักของฮาออน-ดอร์ ก็พบกับโถงขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยเสียงขู่ฟ่อๆ ซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่ของมนุษย์งูที่กำลังทำงานกันอย่างวุ่นวาย ไม่ว่าจะเป็นการหลอมหินภูเขาไฟให้เป็นขวดแก้วหรือการทดลองเคมี ทำให้ไม่มีตัวไหนรับรู้ถึงการมาของราลิบาร์ วูซ
เขาจึงตามทักมนุษย์งูอยู่หลายตัว จนในที่สุดก็มีมนุษย์งูตัวหนึ่งสนใจและส่งผลให้ตัวอื่นๆ พากันมารายล้อม ทันใดนั้นวงสนทนาก็เริ่มขึ้น แต่สุดท้ายมนุษย์งูก็แยกย้ายกันไปทำงานต่อ และทิ้งท้ายก่อนจะสาปส่งต่อให้เผ่าพันธุ์ลึกลับที่เรียกว่า “The Archetype” ว่า “ศึกษามนุษย์จนกระจ่างหมดแล้ว และตอนนี้ก็กำลังวุ่นวายอยู่กับการทดลองพิษรุนแรง ซึ่งร่างกายของมนุษย์ทนต่อพิษนี้ได้น้อย จึงไม่มีประโยชน์ที่จะเอามาทดลอง รวมถึงร่างกายของมนุษย์ก็ไม่ถูกสุขลักษณะพอที่จะกิน เพราะตอนนี้มนุษย์งูสามารถสังเคราะห์อาหารกินเองได้”
ราฟทอนทิสพาราลิบาร์ วูซเดินทางลึกลงไปอีก โดยบรรยกาศเริ่มอุ่นขึ้นและเต็มไปด้วยพืชพันธุ์ดึกดำบรรพ์ ทันใดนั้นเขาก็ถูกอสูรกายกบที่มีโครงร่างคล้ายทีเร็กซ์ไล่ล่า แต่ก็รอดมาได้ เพราะเกราะที่สวมใส่อยู่ จึงทำให้อสูรกายกบกลืนเขาลงไปไม่ได้ ในที่สุดราฟทอนทิสและราลิบาร์ วูซ ก็มาถึงยังจุดหมาย
Archetype เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ที่มีร่างกายเกือบจะกลม ลอยบนฟ้า และมีโครงร่างคล้ายมนุษย์เล็กน้อย ซึ่งพวกมันกล่าวว่าพวกมันเองเป็นต้นแบบของมนุษย์ รวมถึงรูปร่างของมนุษย์นั้นน่ารังเกียจและขัดตามากๆ จึงสาปส่งให้ “เทพแอบฮอท” (Abhoth)
หลังจากนั้นทั้งสองก็เดินทางต่อ ซึ่งระหว่างทางก็เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตประหลาดและน่าน่ากลัว สูดลมหายใจก็เจอแต่กลิ่นน่าขยะแขยง แต่เขาก็ต้องต่อสู้เพื่อเดินทางต่อไป เมื่อราฟทอนทิสบินมาหยุดที่บริเวณของบ่อที่แลดูคล้ายกับโคลนสีเทาๆ เปื้อนไปด้วยเครื่องในสิ่งมีชีวิตอันน่าขยะแขยง และรอบๆ บ่อก็มีสิ่งมีชีวิตที่ดูชั่วร้ายและน่าขยะแขยงที่สุดที่ราลิบาร์ วูซเคยเห็น ค่อยๆ คืบคลานออกมา ซึ่งก็คือ “เทพแอบฮอท”
แต่เทพตนนั้นกล่าวว่า ราลิบาร์ วูซ เป็นสิ่งที่แปลกแยกเกินไป และกลัวว่ากินไปแล้วจะไม่ดีต่อระบบย่อยอาหาร จึงสาปส่งให้เดินทางต่อไปยัง “ดินแดนต่างโลก” (The Outer World) โดยราฟทอนทิสรู้ว่าไม่มีทางที่ราลิบาร์ วูซจะไปยังจดหมายต่อไปได้โดยไม่พัก มันจึงพาเขาไปพักผ่อนยังสถานที่แห่งหนึ่งในแดนใต้พิภพ ทำให้เขาได้กินดื่มอย่างเต็มอิ่มก่อนออกเดินทางไปสู่พื้นพิภพ
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เดินทางต่อด้วยทางลัด แต่ทว่าระหว่างกำลังข้ามสะพานใยแห่งหนึ่งของแอทลัชนาชาอยู่นั้น บรรดาลูกหลานแอบฮอทตนหนึ่งที่ตามพวกเขามาก็เริ่มขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนใยรับน้ำหนักไม่ไหว ทำให้ราลิบาร์ วูซร่วงลงไปสู่หุบเหวอันมืดมิดที่ไม่มีผู้ใดรู้ว่าลึกลงไปข้างใต้นั้นคืออะไร
ฟังเรื่องเล่าแบบเต็มๆ ได้ที่ : https://bit.ly/3Clm1mC
#MissionToPlutoPodcast
#TimeToPlayPodcast
#HPLovecraft