Eco Friendly ถือว่าเป็นหนึ่งเทรนด์ที่กำลังมาแรงในยุค New Normal เราทุกคนต่างเห็นและรับรู้ถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับโลกนี้ดี ทั้งภาวะโลกร้อนที่ส่งผลให้น้ำแข็งขั้วโลกละลาย การเกิดไฟป่าที่ลุกลามกินพื้นที่บริเวณกว้าง หรือที่ใกล้ตัวคนไทยมากที่สุดคือ ผลกระทบทางอากาศจากฝุ่น P.M 2.5
จากผลกระทบที่เกิดขึ้นเหล่านี้ ส่งผลให้เกิดเป็นการเรียกร้องจากกลุ่มคนทั่วโลกให้หันมาสนใจและรับผิดชอบต่อการกระทำ รวมไปถึงเรียกร้องให้ภาคธุรกิจและรัฐบาลจำเป็นต้องปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิตให้ส่ง
ผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด
แต่เมื่อเกิดวิกฤต Covid-19 ขึ้นมา เทรนด์การรักษ์โลกก็หยุดชะงักชั่วคราว เพราะเราต้องเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินชีวิตกันใหม่ ร้านเครื่องดื่มต้องกลับมาใช้แก้วพลาสติกเหมือนเดิม เราสั่งอาหารผ่านเดลิเวอรี่ หรือการสั่งซื้อของออนไลน์ สิ่งเหล่านี้้ล้วนเป็นการสร้างขยะจำนวนเยอะขึ้นแบบมหาศาล
ถ้าลองย้อนกลับมา… มีวิธีไหนบ้าง? ที่เราจะสามารถใช้ชีวิตแบบ New Normal ควบคู่กับการรักษ์โลกไปพร้อมๆ กัน
IKEA 365+ คืออะไร?
IKEA แบรนด์เฟอร์นิเจอร์ของตกแต่งบ้านที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ถือว่าเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ให้ความสนใจเรื่องความยั่งยืนของโลกเป็นอย่างมาก ทาง IKEA จึงได้จัดทำแพลตฟอร์มการจัดเก็บอาหาร โดยใช้ชื่อว่า IKEA 365+ เพื่อจะสำรวจถึงประเด็นการเก็บอาหารในแต่ละวันของคน และผลสำรวจที่ได้จะถูกนำมาใช้คิดค้นโซลูชั่นในการคิดค้นผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์กับความยั่งยืนของโลก
ประเด็นที่น่าสนใจจากผลสำรวจของแพลตฟอร์ม IKEA 365+
– ความยุ่งยากภายในครัว
พื้นที่ครัวที่มีขนาดเล็กเกินไป ไม่เพียงพอต่อการเก็บอาหารทำให้หลายคนจะมองว่าการทำอาหารเป็นเรื่องที่ยุ่งยากหรือมีบางครั้งก็ลืมไปว่าเก็บอาหารไว้ที่ไหน ส่งผลให้เกิดขยะจากอาหารเหลือทิ้งจำนวนมาก
-จะเลือกสุขภาพหรือเลือกความยั่งยืน
คนส่วนใหญ่มักจะเลือกผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานได้ยาวนาน ซึ่งทำจากวัสดุที่ดีต่อสุขภาพ วัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้ แต่บางครั้งเรามักจะสับสนกับลำดับความสำคัญระหว่างสุขภาพกับความยั่งยืน ทั้งๆ ที่เป็นสิ่งที่ควรมาคู่กัน
– สิ่งที่ซุกซ่อนจะสูญเปล่า
มีงานวิจัยบ่งชี้ว่า สิ่งที่เราเห็นในตู้เย็นอันดับแรก เรามักจะเลือกรับประทานก่อน แต่สิ่งที่เราไม่เห็นจะถูกทิ้งไว้จนสุดท้ายกลายเป็นขยะ ดังนั้นเราควรเลือกใส่ภาชนะใสเพื่อเป็นการลดขยะอาหาร
– อาหารเย็นของวันนี้คือ อาหารกลางวันของพรุ่งนี้
อาหารที่กินไม่หมดสามารถเก็บไว้รับประทานวันต่อไปได้ โดยจะประหยัดทั้งต้นทุนและเวลาไปในตัว
– ภาชนะควรมีประสิทธิภาพและมีฟังก์ชันที่หลากหลาย
IKEA มีทางเลือกใหม่ๆ ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลือกภาชนะบรรจุภัณฑ์จากวัสดุที่หลากหลาย รวมถึงฟังก์ชันการใช้งานที่ช่วยจัดเก็บอาหารได้ตรงตามความต้องการมากขึ้น
ทาง IKEA จึงมีไอเดียการจัดเก็บอาหารดีๆ มานำเสนอ
1. การจัดเก็บอาการ
การจัดเก็บของสดหรือวัตถุดิบต่างๆ นั้น มีเป้าหมายเพื่อลดปริมาณอาหารเหลือทิ้ง โดยเราสามารถแบ่งประเภทอาหารได้ดังนี้
การจัดเก็บอาหารแบบปิด: เป็นการจัดเก็บอาหารภายในครัว ได้แก่ ลิ้นชักและตู้ในครัวที่มีพื้นที่จำกัด โดยการเลือกใช้ภาชนะบรรจุของแห้งที่มีฝาแบบใส เพื่อให้เห็นเครื่องปรุงหรือวัตถุดิบชัดเจน ทาง IKEA ก็ออกผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบโจทย์คนชอบทำอาหารโดยเฉพาะ อย่างเช่น กล่องเก็บอาหารพร้อมฝาปิด 3 ชิ้น รุ่น IKEA365+ ที่มีความจุมากถึง 180 มล.
การจัดเก็บอาหารแบบเปิด: เป็นการจัดเก็บอาหารบนเคาน์เตอร์ หรือชั้นวางในห้องครัว ควรใช้ภาชนะที่เป็นกล่องพลาสติกใส, ขวดโหล หรือที่สามารถแขวนผนังได้ การจัดสรรพื้นที่โดยการแบ่งช่องภายในตู้เย็นหรือลิ้นชัก ก็จะช่วยเพิ่มพื้นที่การเก็บของได้มากขึ้น
2. ขั้นตอนการเตรียมอาหาร
หลายคนมักมองว่าการทำอาหารเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก ต้องเตรียมวัตถุดิบเยอะ ใช้ภาชนะหลายใบ คนส่วนใหญ่เลยใช้วิธีสั่งซื้อกินแทนแต่ถ้าเราเปลี่ยนวิธีการจัดสรรพื้นที่การเตรียมอาหารใหม่ โดยการใช้ภาชนะใบเดียวจะช่วยให้ลดความยุ่งยากในการเตรียมอาหาร แถมยังประหยัดทั้งเงินและเวลาในการทำความสะอาดด้วย
3. Food on the go
จากผลสำรวจที่ IKEA 365+ ได้ทำออกมา นำไปสู่การคิดค้นผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ความยั่งยืนของโลกมากยิ่งขึ้น อย่างเช่น เลือกใช้วัสดุที่มีอายุยาวนานยิ่งขึ้น เช่น พลาสติกรีไซเคิลปลอดสาร BPA (Bisphenol A) หรือ สารเคมีสังเคราะห์ที่เจือปนในการผลิตพลาสติก เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพของผู้ใช้ และเสริมสร้างความยั่งยืน
หรือ ภาชนะควรพกพาง่ายมีฟังก์ชันที่หลากหลาย ไม่กินพื้นที่ในกระเป๋า เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้ อย่างเช่น กล่องใส่อาหารพร้อมที่แบ่งช่อง รุ่น IKEA 365+ ราคา 159 บาท ที่มีความจุ 750 มล. ที่ทั้งประหยัดพื้นที่และบรรจุอาหารได้เยอะ หรือจะเป็นขวดน้ำรุ่น IKEA 365+ ราคา 99 บาท ที่มีความจุถึง 0.5 ลิตร
สุดท้ายนี้ การรักษาสิ่งแวดล้อมโลก ไม่ได้เป็นเพียงหน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง ไม่ได้เป็นเพียงหน้าที่ของเรา ภาคธุรกิจ หรือภาครัฐ แต่เป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคนที่อาศัยอยู่บนโลก ที่ต้องร่วมมือกันในการเปลี่ยนแปลงและรักษาโลกใบนี้ไว้ โดยเราสามารถเริ่มได้ง่ายๆ จากห้องครัวที่บ้านเราเอง การมองเห็นคุณค่าและให้ความสำคัญกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ อย่างอาหารที่เรารับประทานกันอยู่ทุกวันนี้ โดยการนำวิธีที่แนะนำด้านบนไปปรับประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันแบบ ECO Lifestyle เพื่อไม่ให้ “อาหาร” กลายเป็น “ขยะอาหาร” และส่งผลกระทบต่อโลกต่อไป
เหมือนกับที่ Jane Goodall นักวิทยาศาสตร์ทางด้านสิ่งแวดล้อมและสัตว์เคยกล่าวไว้ว่า
The greatest danger to our future is apathy. – Jane Goodall
อันตรายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเราในอนาคต คือ การไม่แยแสต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
