BUSINESSของแพงขึ้น แต่จ่ายเงินเท่าเดิม!?เข้าใจ ‘Shrinkflation’ ปรากฏการณ์ที่มาพร้อมเงินเฟ้อ

ของแพงขึ้น แต่จ่ายเงินเท่าเดิม!?เข้าใจ ‘Shrinkflation’ ปรากฏการณ์ที่มาพร้อมเงินเฟ้อ

เคยสังเกตตัวเองไหม พฤติกรรมการซื้อของคุณเป็นแบบไหน
นอกจากชื่อแบรนด์ พรีเซนเตอร์ หีบห่อบรรจุภัณฑ์
อีกหนึ่งปัจจัยซึ่งเชื่อว่าเกือบทุกคนให้ความสนใจเป็นอันดับแรกก็คือ ‘ราคา’

“อันไหนถูกสุด หยิบอันนั้น!”
สาเหตุที่ต้องเลือกราคาถูกที่สุด ก็เพื่อให้เงินที่จ่ายออกไปน้อยที่สุด และสามารถสร้าง ‘ความคุ้มค่า’ ได้มากที่สุดนั่นเอง ยิ่งกับยุคเงินเฟ้อที่ราคาสินค้าแพงขึ้นเรื่อยๆ ก็ไม่แปลกที่เราต้องประหยัดกันมากขึ้น เป็นเรื่องที่ใครๆ ก็น่าจะรู้อยู่แล้ว

แต่การให้ความสนใจเฉพาะ ‘ป้ายราคา’ อาจไม่พอ เราควรดูที่ ‘ปริมาณ’ ด้วย เพราะผู้ผลิตอาจแอบลดขนาดสินค้าโดยที่เราไม่รู้ตัว!

หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่เคยคิดสงสัยในใจว่า “ขนมชิ้นนี้ เมื่อก่อนเคยใหญ่กว่านี้”
แต่ไม่เคยพิสูจน์ว่าสรุปแล้วบริษัทผู้ผลิตแอบลดขนาดจริงหรือเปล่า

วันนี้เราอยากพาทุกคนไปรู้จักกับคำว่า ‘Shrinkflation’ หรือเทคนิคการลดปริมาณ เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มกำไรให้กับแบรนด์ กับดักที่ทำให้เราซื้อของแพงขึ้น ในราคาเท่าเดิม

ความจริงเทคนิค ‘Shrinkflation’ ถูกใช้มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะกับสินค้าประเภทของใช้ทั่วไป อาหาร และเครื่องดื่ม เพียงแต่ผู้บริโภคอย่างเราที่มีพฤติกรรมชอบดูเฉพาะ ‘ป้ายราคา’ ไม่เคยสังเกตว่าราคาเท่าเดิมก็จริง แต่ ‘ปริมาณ’ ลดลง

หลายคนอาจสงสัยต่อว่าแทนที่จะลดปริมาณ ทำไมไม่ขึ้นราคาไปเลย?
ในเชิงการตลาด การจะ ‘ขึ้นราคา’ นั้นอาจส่งผลเสียต่อแบรนด์มากกว่าการแอบลดปริมาณเงียบๆ โดยไม่ให้ผู้บริโภครู้

‘ราคา’ คือหนึ่งปัจจัยของส่วนผสมการตลาด (4P) ที่มีผลอย่างมากต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค เมื่อไรก็ตามที่เราเห็นสินค้าชนิดเดียวกัน ในราคาที่ถูกกว่า จะถูกดึงดูดเข้าหาโดยอัตโนมัติ

หากแบรนด์เลือกที่จะ ‘ขึ้นราคา’ เพื่อแก้ปัญหาต้นทุนสูงขึ้น อาจเสียลูกค้าให้กับคู่แข่งที่ยังคงตรึงราคาต่ำกว่าไว้ได้

ดังนั้นโจทย์ก็คือเมื่อต้นทุนในการผลิตสูงขึ้น
บริษัทจะ “ลดต้นทุนอย่างไรโดยไม่ต้องขึ้นราคา และกระทบต่อคุณภาพน้อยที่สุด” ซึ่งคำตอบก็คือเทคนิค ‘Shrinkflation’ หรือการแอบลดปริมาณ เปลี่ยนแปลงรายละเอียดสินค้า โดยที่ผู้บริโภคไม่ได้สังเกต แถมยังสามารถคงราคาเดิมไว้และไม่เสียฐานลูกค้าให้แบรนด์อื่นด้วย

ฟังดูเป็นกลยุทธ์ที่บริษัทผู้ผลิตประสบความสำเร็จทุกทาง ไม่ว่าจะในแง่ของการตลาด หรือเศรษฐศาสตร์ อย่างไรก็ตาม เมื่อใดที่แบรนด์ทำการปรับเปลี่ยนแต่ไม่รอบคอบมากพอ จนผู้บริโภค ‘จับได้’ และรู้สึกว่ากำลังถูกเอาเปรียบ ความเสียหายที่ตามมาก็รุนแรงไม่น้อยเลยทีเดียว

กรณีศึกษาในปี 2014 เมื่อแบรนด์ Toblerone ลดขนาดสินค้าลง 25% (จาก 400 กรัม เหลือเพียง 360 กรัม) และปรับให้สินค้ามีระยะห่างของบาร์สามเหลี่ยมที่ถ่างมากขึ้น จนรูปร่างผิดสังเกตจากแบบเดิมเกินไป

ผลที่ตามมา คือ เกิดคำถามจากผู้บริโภคกลับไปยังแบรนด์ว่าการเลือกใช้วิธี ‘แอบลดปริมาณ’ ดูไม่จริงใจต่อผู้บริโภค แทนที่จะขึ้นราคาหรือลดความยาว แล้วทำให้หน้าตาเหมือนเดิม กลับเลือกที่จะหลอกสายตาลูกค้า ยาวเท่าเดิมแต่ลดความถี่ของบาร์สามเหลี่ยมให้น้อยลง
ซึ่งสุดท้ายแบรนด์ก็ต้องออกมาชี้แจง และดำเนินการปรับปรุงตามความต้องการของลูกค้า

แม้ว่าเทคนิค ‘Shrinkflation’ จะไม่ได้ผิดกฎหมาย และดูจะเป็นวิธีที่ดีในการลดค่าใช้จ่ายให้กับบริษัท แต่การนำมาใช้ก็จำเป็นที่จะต้องดำเนินการอย่าง ‘จริงใจ’ เพื่อรักษาความน่าเชื่อถือของแบรนด์ และความรู้สึกของลูกค้าด้วย

ในขณะที่ผู้บริโภคเองก็ควรตระหนักถึง ‘ราคาต่อหน่วย’ (Unit Price) รวมถึงปริมาณสินค้าที่ซื้อเป็นประจำ มากกว่าสนใจราคาบนฉลากเพียงอย่างเดียว โดยเฉพาะปัจจุบันที่ราคาต้นทุนวัตถุดิบแพงขึ้นเรื่อยๆ ค่าครองชีพสวนทางกับรายรับ
การดูแต่ป้ายราคาคงไม่พอ เพราะเราไม่รู้เลยว่าผู้ผลิตจะแอบลดขนาดสินค้าต่างๆ เมื่อไรบ้าง


แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม :
https://bbc.in/3KRjK4g
https://bbc.in/3vwMg4O
https://bbc.in/3KRH2Hh
https://bit.ly/3xADBB0
https://bit.ly/3KNLAya
https://bit.ly/37u7HLz


#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
#business
#financial

Advertisements
Advertisements

LASTEST ARTICLES

LASTEST PODCAST

Pannawit Thavarawuth
Pannawit Thavarawuth
นักหิวข้าวมันไก่ ที่ชอบเรื่องสนุก ๆ และเชื่อในคำว่า "Now or Never"

POPULAR ARTICLES

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่มีความจำเป็น (Strictly Necessary Cookies)
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานและเข้าชมเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถบล็อคการใช้งานคุกกี้ได้จากเบราว์เซอร์ที่ใช้งาน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบกับการใช้งานเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราะห์และวัดผลการทำงาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า