Mission To The Moon x SCB SME
“SME ต้องปรับตัวกับโลกดิจิทัลสิ”
“SME เอาเทคโนโลยีมาใช้สิ”
เชื่อว่าสองประโยคด้านบนนี้คงเป็นประโยคที่เจ้าของธุรกิจ SME หลายคนได้ยินบ่อยๆ ในช่วงเวลาที่ผ่านมา แต่ด้วยความที่ธุรกิจไม่ได้เป็นขนาดใหญ่มาก และไม่ได้มีทุนทรัพย์มากพอในการที่จะสร้างแพลตฟอร์มของตัวเองขึ้นมา ทำให้หลายธุรกิจไม่รู้ว่าจะต้องไปทางไหนเมื่อมีคนบอกให้ “ปรับธุรกิจสู่ดิจิทัล”
ในโลกธุรกิจที่เรากำลังมุ่งสู่ “ดิจิทัล” และ “เทคโนโลยี” เป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญ ที่ช่วยทำให้หลายๆ ธุรกิจนั้นสะดวก ง่าย ประหยัดเวลา แถมยังลดต้นทุน ด้วยระบบที่มีความเชื่อมต่อกันแบบไร้รอยต่อ การนำ Data หรือข้อมูลมาใช้นั้นก็ยิ่งช่วยให้ธุรกิจนั้นคาดการณ์ และทำการตัดสินใจได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น ทำให้เราจะเห็นได้ว่าในปัจจุบันองค์กรใหญ่ๆ หลายองค์กรก็มีแนวทางที่จะทำ Digital Transformation เพื่อปรับองค์กรสู่ดิจิทัลในระยะยาวกันทั้งนั้น
ซึ่งการปรับองค์กรสู่ดิจิทัลก็สามารถทำได้หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการใช้ Automation, การนำ Machine Learning หรือ AI เข้ามาใช้ หรือแม้แต่วิธีง่ายๆ อย่างการใช้ “แพลตฟอร์ม” ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับหลายๆ องค์กร ซึ่งในการเลือกใช้แพลตฟอร์ม SME ก็ต้องกลับมาดูเป้าหมาย ความต้องการ หรือว่า Pain Point ที่เกิดขึ้นด้วย เพื่อที่จะใช้แพลตฟอร์มให้ตอบโจทย์ธุรกิจมากที่สุด
ทำให้วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับ 6 แพลตฟอร์มภายใต้ SME PLUS+ ที่เป็นอีกหนึ่งโซลูชันสำหรับ SME ที่ช่วยให้ธุรกิจได้ทั้งความประหยัดและได้ทั้งความสะดวก ผ่าน “บริการ” และ “แพลตฟอร์ม” โดยทั้ง 6 โซลูชันครอบคลุมตั้งแต่เรื่องการเงินไปจนถึงเรื่องการเข้าถึงโอกาสใหม่ๆ ผ่านข้อมูล เดี๋ยวเราไปดูกันว่ามีอะไรบ้างและธุรกิจแบบไหนจะสามารถนำไปใช้
1. SCB Business Anywhere
เหมาะกับธุรกิจแบบไหน?
[ ] ธุรกิจที่มีการโอนเงินบ่อย ไม่ว่าจะเป็นการชำระเงินเดือนพนักงาน ค่าภาษี หรือเงินสมทบประกันสังคม
[ ] ธุรกิจที่มีการโอนเงินไปต่างประเทศ
[ ] ธุรกิจที่ต้องการระบบชำระเงินที่สะดวก ปลอดภัยและทำให้อัตโนมัติ
.
SCB Business Anywhere ก็เป็น Digital Banking Platform ที่ยกระดับบริการทางการเงินให้ครอบคลุมและสะดวกมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นบริการโอนเงินไปต่างประเทศที่ครอบคลุมมากถึง 18 สกุลเงิน, ระบบมีการแนะนำบริการโอนเงินและชำระเงินที่เหมาะกับรูปแบบธุรกรรมแบบอัตโนมัติ, สามารถตั้งวันที่ล่วงหน้าและทำหลายรายการในไฟล์เดียว และสามารถแสดงผลการทำรายการได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งแพลตฟอร์มนี้เรียกได้ว่าเหมาะกับแทบจะธุรกิจ เพราะไม่ว่าจะธุรกิจไหนก็ต้องมีการเข้าออกของเงินทั้งนั้น ทำให้ทั้งสะดวก รวดเร็ว และง่ายต่อการทำธุรกรรมทางการเงินมากยิ่งขึ้น
2. PayZave
เหมาะกับธุรกิจแบบไหน?
[ ] ธุรกิจที่มีการซื้อขายกับคู่ค้าบ่อย
[ ] ธุรกิจที่ต้องการความคล่องตัวทางการเงิน
หากใครซื้อขายบ่อย ต้องรู้จัก PayZave ไว้ เพราะ PayZave เป็นแพลตฟอร์มที่ทำให้ผู้ซื้อและผู้ขายสามารทำการตกลงเรื่องส่วนลดเงินสดได้อย่างง่ายและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น โดยผู้ขายสามารถที่จะรับเงินก่อนรอบบิลที่กำหนดไว้แลกกับการให้ส่วนลดกับผู้ซื้อ หรือจะเป็นการที่ผู้ซื้อจ่ายเงินก่อนรอบบิลเพื่อที่จะได้รับส่วนลดเงินสด เพื่อเป็นการช่วยลดต้นทุนของธุรกิจจากการซื้อ ให้ทั้งความสะดวกสบายและยังเป็นการสร้างแรงจูงใจให้กับทั้งผู้ซื้อและผู้ขายอีกด้วย
3. SCB Trade Portal
เหมาะกับธุรกิจแบบไหน?
[ ] ธุรกิจนำเข้าส่งออก
[ ] ธุรกิจที่ต้องการใช้ข้อมูลเชิงลึกด้านการนำเข้าส่งออก
[ ] ธุรกิจที่เจรจาติดต่อคู่ค้าต่างประเทศ
[ ] ธุรกิจที่หาคู่ค้าใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา
อย่างที่บอกไปด้านบนนี้ SCB Trade Portal เป็นแพลตฟอร์มที่เรียกได้ว่าใครที่ทำธุรกิจนำเข้าส่งออกไม่ควรพลาด เพราะรวบรวมข้อมูลเชิงลึกที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าส่งออกไว้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลประเทศ สถิตินำเข้าส่งออกของทุกประเทศที่อัปเดตทันเหตุการณ์ ข้อมูลผู้นำเข้าสินค้า ทริคและเทคนิคการทำธุรกิจระหว่างประเทศ รวมไปถึงข้อมูลของ Trade Show หรืองานแสดงสินค้าทั่วโลกที่กำลังถูกจัดขึ้นเพื่อให้ธุรกิจไม่พลาดโอกาสใหม่ๆ ทางการค้า นับว่าเป็นแหล่ง Data ชั้นดีที่ช่วยให้ธุรกิจหยิบไปต่อยอดได้จริง
และที่มาคู่กันคือ SCB Trade Club ที่เป็นบริการสุดเอ็กคลูซิฟของผู้ที่ได้รับการเชิญจาก SCB เท่านั้น (สำหรับประเทศไทย) โดยจะเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยให้ธุรกิจเจอกับคู่ค้าที่มีคุณภาพทั้งในและต่างประเทศที่ได้รับการรับรองแล้ว เพราะการเลือกคู่ค้าก็เป็นส่วนสำคัญของการทำธุรกิจเช่นกัน ดังนั้นการที่เรามีคู่ค้าที่ดูน่าเชื่อถือและน่าเชื่อมั่น ในทางหนึ่งก็จะช่วยสร้างความมั่นคงให้กับธุรกิจของเราไปด้วย
4. SCB FX Online
เหมาะกับธุรกิจแบบไหน?
[ ] ธุรกิจที่มีการโอนเงินต่างประเทศค่อนข้างบ่อย
[ ] ธุรกิจที่ต้องการลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทางการเงิน
ธุรกิจที่ชำระหรือโอนเงินต่างประเทศค่อนข้างบ่อยจะต้องเจอกับปัญหาหนึ่งร่วมกัน คือปัญหาด้าน “ความผันผวน” ของเรตเงิน แต่ SCB FX Online ตัวนี้จะมาแก้ปัญหานี้ให้กับชาว SME ทุกคน ผ่านการให้สามารถจองเรตเงินได้ ถ้าเรตลงมาต่ำธุรกิจสามารถที่จะจองไว้ได้ทันที โดยไม่มีค่าธรรมเนียม ลองคิดดูง่ายๆ ว่าถ้าเราจองเงินจำนวนไม่มากก็อาจจะไม่เห็นความแตกต่างมากเท่าไหร่ แต่ถ้าหากเราจองเรตเงินในจำนวนที่มากก็ทำให้ส่วนต่างที่เกิดขึ้นมากไปด้วย ซึ่งก็จะช่วยให้ธุรกิจประหยัดต้นทุนไปได้ค่อนข้างมาก เหมาะกับธุรกิจที่ทำธุรกรรมต่างประเทศอยู่เป็นประจำ
5. B2P (Blockchain Solution for Procure-to-Pay)
เหมาะกับธุรกิจแบบไหน?
[ ] ธุรกิจที่มีการซื้อขายกับคู่ค้าบ่อย
[ ] ธุรกิจที่ต้องการสภาพคล่องทางการเงิน
สำหรับแพลตฟอร์ม B2P (Blockchain Solution for Procure-to-Pay) จะค่อนข้างมีความคล้ายคลึงกับ PayZave แตกต่างกันที่ B2P จะเน้นไปใช้กับกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ โดยคู่ค้าของบริษัทเหล่านี้จะสามารถรับเงินได้ล่วงหน้าโดยไม่ต้องรอรอบบิลที่กำหนดไว้ แต่จะมีส่วนต่างเปอร์เซ็นต์ที่จะหักออกไปหากธุรกิจของเราต้องการรับเงินก่อน ทำให้คู่ค้านั้นสามารถได้เงินที่เร็วขึ้นและมีสภาพคล่องที่ดีขึ้นผ่านบริการ Invoice Financing โดยธุรกิจสามารถที่จะใช้งาน B2P ได้อย่างง่ายดายเพียงมีบัญชี SCB และสร้างอินวอยซ์ผ่านระบบ B2P ทั้งนี้ระบบนี้ยังคงเปิดให้ใช้งานเฉพาะกับคู่ค้าบางรายของ SCB เท่านั้น หาก SME ที่กำลังทำธุรกิจกับธุรกิจรายใหญ่ของทาง SCB อยู่ และสนใจแพลตฟอร์มตัวนี้ก็สามารถสอบถามผ่านทางคู่ค้าหรือสอบถามผ่านทาง SCB SME ได้เช่นกัน
6. Robinhood Travel
เหมาะกับธุรกิจแบบไหน?
[ ] ธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว
[ ] ธุรกิจต้องการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ
[ ] ธุรกิจที่ต้องการลดต้นทุน GP
[ ] ธุรกิจที่ต้องการสภาพคล่องทางการเงิน
เชื่อว่าหลายๆ คนคงรู้จัก Robinhood ในฐานะแอปฯ เดลิเวอรีกันอยู่แล้ว แต่จริงๆ แล้ว Robinhood มีอีกบริการหนึ่งที่หลายคนอาจจะไม่รู้จักกัน นั่นคือ Robinhood Travel ที่เป็นแพลตฟอร์มจองโรงแรมจองทัวร์ต่างๆ แต่ที่พิเศษก็คือ ถ้าธุรกิจไหนมาลงกับ Robinhood Travel จะไม่มีการหักค่า GP ทำให้เจ้าของกิจการได้เงินไปเต็มๆ และเมื่อลูกค้าเช็กเอาต์ เงินก็จะเข้าทันทีภายใน 1 ชั่วโมง ไม่ต้องรอระยะเวลานานตามรอบบิล ทำให้ธุรกิจสามารถเอาเงินไปหมุนต่อได้ทันที ทำให้ธุรกิจสายการท่องเที่ยวและการโรงแรมไม่ควรพลาดแพลตฟอร์มนี้
[ ] เลือกแพลตฟอร์มให้เหมาะกับธุรกิจ
หลังจากที่เราทำความรู้จักทั้ง 6 แพลตฟอร์มกันไปแล้ว อย่างที่เราได้พูดกันไปว่าเราต้องกลับมาดูการใช้งานและเป้าหมายของธุรกิจเราว่าเหมาะสมกับ
แพลตฟอร์มแบบไหน จากทั้งหมดนี้ไม่ได้แปลว่าธุรกิจจะต้องใช้ครบทั้ง 6 อย่างถึงจะสามารถ Go Digital ได้ แต่สามารถที่จะเลือกบางแพลตฟอร์มที่เหมาะกับการใช้งานของธุรกิจเราจริงๆ
ลองยกตัวอย่างธุรกิจส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ จากแพลตฟอร์มทั้ง 6 อย่างที่เราได้พูดถึงกันมา ธุรกิจประเภทนี้สามารถใช้แพลตฟอร์มได้ถึง 3 ตัวไปพร้อมๆ กัน โดยตัวแรกคือ SCB Business Anywhere ที่ให้ธุรกิจสามารถโอนเงินระหว่างบัญชีเงินฝากต่างประเทศได้ครอบคลุมกว่า 18 สกุลเงิน ทำให้เมื่อมีการซื้อขายก็สามารถที่จะทำธุรกรรมด้านการเงินได้แบบง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน
และสอง เมื่อพูดถึงสกุลเงินแล้ว เราก็จะไม่พูดถึงอัตราเงินไปไม่ได้ โดย SCB FX Online ก็จะช่วยให้ธุรกิจจองเรตอัตราเงินได้แบบทันที ทำให้ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศสามารถลดค่าใช้จ่ายตรงส่วนนี้ไปได้หากสามารถจองอัตราเงินที่ต่ำไว้ได้
และสุดท้ายที่ขาดไปไม่ได้คือ SCB Trade Portal ที่ให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงข้อมูลที่เปรียบเสมือนขุมทรัพย์สำหรับธุรกิจในยุคนี้ SCB Trade Portal เรียกได้ว่าตอบโจทย์ธุรกิจประเภทค้าขายต่างประเทศโดยตรง โดยสามารถที่จะไปดูข้อมูลเชิงลึกด้านต่าง ๆ ว่าการนำเข้าส่งออกประเทศนี้เป็นอย่างไร มีสินค้าอะไรเป็นหลัก หรือแม้แต่รายงานตลาดที่อัปเดตอยู่ตลอดก็จะช่วยให้ธุรกิจสามารถนำเอาไปประกอบการตัดสินใจต่างๆ ได้ และที่สำคัญธุรกิจส่งออกก็ต้องคู่กับ Trade Show ดังนั้น SCB Trade Portal ที่มีข้อมูลรายละเอียดงานแสดงสินค้า ก็เป็นอีกโอกาสหนึ่งที่ธุรกิจจะสามารถเข้าไปดูและสามารถที่จะติดต่องานนั้นๆ ไปจัดแสดงสินค้า เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ในต่างประเทศ
ทำให้เราเห็นว่าธุรกิจไม่จำเป็นที่ต้องใช้ทั้งหมดหรือไม่จำเป็นที่จะต้องใช้แค่แพลตฟอร์มเดียวเท่านั้น และการปรับตัวเข้าสู่ดิจิทัล ก็ไม่ได้แปลว่าเราจะต้องลงทุนจำนวนมหาศาลในการสร้างแพลตฟอร์มหรือสร้างเทคโนโลยีขึ้นมา แต่สามารถใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มที่มีอยู่แล้ว ซึ่งของทาง SCB ก็เป็นทั้งแพลตฟอร์มที่พ่วงด้วยบริการที่ช่วยให้ธุรกิจมีความคุ้มค่าทางการเงินมากยิ่งขึ้น ซึ่งถ้าหากใครยังไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มจากแพลตฟอร์มไหน ก็ลองกลับมาประเมินธุรกิจตัวเองว่ามีเป้าหมายอะไร ต้องการอะไร มี Pain Point อะไร และลองเปรียบเทียบกับทั้ง 6 แพลตฟอร์มนี้ดูว่าธุรกิจของเราแมตช์กับแพลตฟอร์มไหนกันบ้าง