เมื่อเดือนกุมภาพันธ์วนเวียนมาอีกครั้ง วันที่หลายคนให้ความสนใจก็คงหนีไม่พ้น “วันวาเลนไทน์” แต่เชื่อไหมว่าวันที่มีความรักและความสุขอบอวลไปทั่วเช่นนี้ กลับมีหลายคนที่รู้สึกเศร้าเป็นพิเศษ เราเรียกอาการนี้ว่า “Valentine’s Day Blues หรือความเศร้าในวันวาเลนไทน์”
หลายคนอาจจะเกิดคำถามในใจกันว่า ทำไมบางคนถึงเกิดอาการเศร้าในวันนี้? ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะบางคนไม่มีแฟนจึงเกิดความรู้สึกเหงาและอิจฉาคนมีความรัก แต่ถ้ามองถึงสาเหตุที่ลึกลงไปกว่านั้นแล้ว ก็อาจเป็นเพราะบางคนเอาความสุขของตัวเองไปผูกติดไว้กับคนอื่น หรือผูกติดไว้กับความคิดที่ว่าจะต้องมีแฟนถึงจะมีความสุขได้ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วจึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากวันวาเลนไทน์ใกล้มาถึงแล้วจะรู้สึกเศร้าเป็นพิเศษ
แต่จริงๆ แล้วเราไม่ควรเอาความสุขของตัวเองไปผูกติดไว้กับใคร เพราะนั่นหมายความว่าเราไม่สามารถมีความสุขด้วยตัวเองได้ พูดง่ายๆ ก็คือ “เรายังรักตัวเองไม่มากพอ” ซึ่งก็เหมือนกับที่ใครหลายคนพูดไว้ว่า “เราต้องรักตัวเองให้เป็นก่อนที่จะรักคนอื่น”
ทำไมต้องรักตัวเองให้เป็นก่อนที่จะรักคนอื่น?
สาเหตุที่เราต้องรักตัวเองให้เป็นก่อนก็เพราะว่า “การรักตัวเอง” หมายถึงการยอมรับในความเป็นตัวเรา อีกทั้งยังเป็นการช่วยให้มองโลกในแง่ดีขึ้นด้วย ซึ่งทั้งสองสิ่งนี้จะช่วยให้เราสามารถอยู่ได้ด้วยตัวคนเดียวโดยไม่จำเป็นต้องร้องขอความรักหรือการยอมรับจากใคร
ในทางกลับกัน หากเรารักตัวเองไม่เป็น ก็เป็นไปได้ว่าเรามีแนวโน้มที่จะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้รับความรักและการยอมรับจากคนอื่น ซึ่งการทำเช่นนี้มีโอกาสทำให้เกิดความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ (Toxic) ได้นั่นเอง
เรารักตัวเองมากพอหรือยัง?
ช่วงเดือนแห่งความรักเช่นนี้ถือว่าเป็นโอกาสอันดีที่เราจะหันมาทบทวนตัวเองว่า “เรารักตัวเองมากพอหรือยัง” ด้วยการถามและตอบคำถามเหล่านี้กับตัวเอง
1. ในช่วงที่ผ่านมาเราดูแลตัวเองดีพอหรือยัง?
บางคนอาจจะดูแลและแคร์คนอื่นมากไปจนลืมดูแลตัวเอง ซึ่งการที่เราโฟกัสไปที่คนอื่นมากกว่าตัวเอง ก็ถือเป็นสัญญาณเตือนอย่างหนึ่งว่า เรากำลังเอาความสุขของเราไปผูกติดไว้กับคนอื่น
เช่น เมื่อเกิดเหตุการณ์ทะเลาะกัน บางคนมักจะต้องเป็นฝ่ายขอโทษก่อนทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกไม่ดีจึงขอโทษก่อน ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้วคนที่เราควรนึกถึงอีกคนก็คือ “ตัวเราเอง” หากเป็นเช่นนี้สุดท้ายแล้วคนที่จะต้องเจ็บปวดที่สุดก็คงไม่พ้นตัวเรา
เพราะฉะนั้นให้ลองถามตัวเองดีๆ ว่าเราดูแลตัวเองดีพอหรือยัง ถ้า “ยัง” ก็ถึงเวลาแล้วที่จะหันมาเริ่มต้นรักและคิดถึงความรู้สึกของตัวเองให้มากขึ้น
2. ความสัมพันธ์อื่นๆ ที่มีค่าต่อเราคืออะไร?
เนื่องจากคนที่กำลังมีอาการ Valentine’s Day Blues อาจตกหลุมพรางของความสิ้นหวังและคิดว่าชีวิตนี้คงจะไม่ได้เจอความรักดีๆ อีก การตอบคำถามนี้จะช่วยให้เรามองเรื่องราวของความรักได้กว้างขึ้น เพราะหากเรามองไปรอบๆ เราก็จะเห็นได้ว่าในชีวิตเรายังมีความสัมพันธ์อื่นๆ ที่มีคุณค่าต่อเราอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือครอบครัว
จำไว้ว่าเราไม่จำเป็นต้องไปให้ความสำคัญกับความคิดที่ว่าต้องมีแฟนถึงจะมีความสุขมากขนาดนั้นก็ได้
3. ความสุขของเราคืออะไร?
ความสุขของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะชอบดูหนัง หรือบางคนอาจจะชอบออกไปเที่ยว ให้ลองค้นหาดูว่าความชอบของเราคืออะไร แล้วทบทวนดูว่าในช่วงที่ผ่านมาเราได้ทำสิ่งที่มีความสุขมากพอหรือยัง ถ้าทบทวนดูแล้วรู้สึกว่า “ยัง” ก็ควรลองจัดเวลามาหาความสุขให้ตัวเองบ้าง เช่น หากวันไหนว่างๆ ก็ลองวางแผนไปเที่ยวหรือหากิจกรรมที่ชื่นชอบทำ เพื่อเติมเต็มความสุขในชีวิตที่ขาดหายไปก่อนหน้านี้
คำถามต่อๆ มาที่อยากให้ทุกคนถามตัวเองคือ…
[ ] เราบอกรักตัวเองครั้งล่าสุดเมื่อไร?
[ ] เราเห็นตัวเองในกระจกแล้วเคยยิ้มให้ตัวเองบ้างหรือไม่?
[ ] ในแต่ละวันเราใช้เวลาเพื่อตัวเองเท่าไรบ้าง?
เชื่อว่าคำตอบของคำถามเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ว่าในช่วงที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้เรารักตัวเองมากพอหรือยัง
ชีวิตที่ดีเริ่มต้นได้ด้วย “การรักตัวเอง”
หลายคนอาจจะคิดว่า “การรักตัวเอง” เป็นคำง่ายๆ แต่หากให้ลองทำจริงๆ แล้วนั้นทำได้ยาก ซึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเรียนรู้ที่จะรักตัวเองต้องใช้ความพยายามและการยอมรับจากตัวเองมากจริงๆ แต่ในท้ายที่สุดแล้วหากเราสามารถทำได้ สิ่งนี้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อตัวเรามหาศาล
เรามาดูกันดีกว่าว่าการรักตัวเองมีประโยชน์ต่อ “ตัวเรา” อย่างไรบ้าง
1. เราจะมีความพึงพอใจในชีวิตมากขึ้น เพราะถ้าเรารักตัวเอง เราก็จะพอใจกับการใช้ชีวิตของตัวเองมากขึ้น ซึ่งแค่เราพอใจกับชีวิตก็จะทำให้สุขภาพจิตเราดีขึ้นและทำให้เราเครียดน้อยลงแล้ว
2. เราจะมีไลฟ์สไตล์ที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น เพราะการรักตัวเองจะทำให้เรามีแรงจูงใจในการใช้ชีวิตแต่ละวันอย่างมีคุณภาพมากขึ้น เช่น นอนตรงเวลา ทานอาหารครบทุกมื้อ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เรียกได้ว่าเป็นการสร้างนิสัยที่ดีให้กับตัวเอง
3. เราจะสามารถรับมือกับความยากลำบากในชีวิตได้มากขึ้น เพราะถ้ารักเราตัวเอง เราก็จะรู้สึกเครียดหรือไม่สบายใจน้อยลงเมื่อต้องเจอเหตุการณ์ยากๆ ในชีวิต ซึ่งส่วนหนึ่งก็มาจากการที่เราไม่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบหรือไปแข่งกับใคร รวมถึงสามารถยอมรับความยากลำบากของตัวเองได้ สุดท้ายแล้วเมื่อทำอะไรผิดก็จะไม่ตำหนิตัวเองมากเกินไป พร้อมให้อภัยและให้โอกาสตัวเองเสมอ
4. เราจะมี Self-Esteem หรือการเห็นคุณค่าในตนเองสูงขึ้น เพราะการที่เรารักตัวเองก็หมายความว่าเราจะมีความภูมิใจในตัวเอง แล้วคนที่ภูมิใจในตัวเองก็มักจะมองความล้มเหลวเป็นโอกาสมากกว่าความเจ็บปวดของชีวิต นอกจากนี้แล้วการมี Self-Esteem ที่ดีก็ยังช่วยส่งเสริมสุขภาพจิตโดยรวมและส่งเสริมความมั่นใจให้กล้าลองทำอะไรใหม่ๆ ด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยให้เรามีความสุขและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
หนทางสู่การมีความสุขด้วยตัวเอง
เมื่อรู้ถึงข้อดีของการรักตัวเองแล้ว ก็ถึงเวลาที่เราจะหันมารักและดูแลตัวเองให้มากขึ้น ซึ่งในช่วงวาเลนไทน์เช่นนี้ก็มี 3 กิจกรรมใหญ่ๆ ที่เราสามารถทำคนเดียวได้ แล้วกิจกรรมเหล่านี้ยังช่วยส่งเสริมการรักตัวเองให้มากขึ้นด้วย
1. กิจกรรมส่งเสริมสุขภาพใจ
กิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายจิตใจอย่างหนึ่งที่มีความน่าสนใจมากก็คือ Art Therapy หรือศิลปะบำบัด เช่น เวิร์กชอปจัดดอกไม้ ทำเครื่องปั้นดินเผา วาดรูป และทำขนมไทย ซึ่งงานวิจัยจาก University of Haifa ก็ได้สนับสนุนว่าศิลปะบำบัดช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตและความสามารถในการจัดการด้านจิตใจ ทำให้ลดความตึงเครียดของชีวิตลงได้
2. กิจกรรมส่งเสริมสุขภาพกาย
บางคนทำงานหนักแล้วอาจจะลืมดูแลตัวเองไป ก็ถึงเวลาแล้วที่จะต้องหันมาดูแลสุขภาพกายของตัวเองกันบ้าง เพราะมีงานวิจัยหลายชิ้นจากสาขาจิตวิทยาเชิงบวกที่ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างสุขภาพกายกับสุขภาวะของเรา หมายความว่าถ้าเราสุขภาพดี คุณภาพและความสุขของชีวิตเราก็จะดีตาม
แล้วเราควรดูแลสุขภาพกายอย่างไร? คำตอบก็คือ เราต้องดูแลหลายอย่างไปพร้อมๆ กัน ตั้งแต่การนอน การออกกำลังกาย ไปจนถึงการทานอาหาร เช่น
[ ] การออกกำลังกาย : ออกไปปั่นจักรยานที่สวนสาธารณะ เพื่อซึมซับบรรยากาศธรรมชาติรอบข้างและเติมเต็มความสดชื่นให้กับตัวเอง[ ] การนอน : พยายามนอนให้เป็นเวลาและนอนให้ครบ 7-8 ชั่วโมงต่อวัน
[ ] การทานอาหาร : เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
หากเราทำสิ่งเหล่านี้ควบคู่กันไปอย่างสม่ำเสมอ ก็จะช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสดชื่นและมีความสุขมากขึ้น
3. กิจกรรมช่วยตามหาเป้าหมายและแรงบันดาลใจในชีวิต
การที่เราจะตามหาเป้าหมายและแรงบันดาลใจได้เราจะต้องออกจากคอมฟอร์ตโซนเพื่อลองทำอะไรใหม่ๆ ซึ่งก็มีกิจกรรมอย่างหนึ่งที่ตอบโจทย์ได้ดี นั่นก็คือ “การโบกรถเที่ยว หรือ Hitchhiking” เป็นการโบกรถที่วิ่งผ่านข้างทางเพื่อขอติดรถคนที่จะไปทางเดียวกัน โดยที่เราไม่เสียค่าใช้จ่าย การไปเที่ยวในลักษณะนี้จะช่วยให้เราเห็นอะไรใหม่ๆ เจอผู้คนใหม่ๆ และได้ความคิดใหม่ๆ กลับมา แต่ก็ต้องระวังเรื่องความปลอดภัยให้ดีพอสมควร
สุดท้ายแล้วกิจกรรมเหล่านี้ก็ไม่จำเป็นต้องทำแค่ในวันวาเลนไทน์ เพราะเราสามารถทำได้ตลอด เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายและจิตใจในระยะยาว เมื่อเราหันมารักตัวเองได้แล้ว พอถึงวันวาเลนไทน์เราก็จะสามารถรับมือกับ Valentine’s Day Blues ได้ดีขึ้น
แต่ถึงแม้ว่าเราจะคลายความเศร้าลงได้แล้ว ก็ยังมีอีกปัญหาหนึ่งที่คนทำงานต้องเจอคือ วันวาเลนไทน์ปีนี้ตรงกับวันอังคารซึ่งเป็นวันทำงาน บางคนอาจจะต้องเจอกับอาการปวดหลังในการทำงานอยู่ดี ดังนั้นเราจะต้องหมั่นคอยเฝ้าสังเกตสุขภาพร่างกายตัวเองบ่อยๆ เพราะก็ถือว่าเป็นหนึ่งในวิธีการรักตัวเองให้มากขึ้น
แล้วเราจะดูแลเรื่องอาการเจ็บปวดอย่างไรดี?
ถ้าเรารู้ว่าตัวเองเจ็บปวดตรงไหนก็ควรหาวิธีช่วยอย่างเหมาะสม เพราะฉะนั้นถ้าใครมีอาการปวดหลัง วิธีหนึ่งที่สามารถช่วยได้ก็คือ “ไทลินอล” เพราะถึงแม้อาการปวดใจจะใช้ยาพาราไม่ได้ แต่อาการปวดหลังยังสามารถใช้ได้
แล้วไทลินอลก็เป็นแบรนด์ยาพาราเซตามอลที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดีด้วย อีกทั้งนอกจากอาการปวดหลังแล้วยังช่วยลดอาการปวดศีรษะ ปวดประจำเดือน ปวดฟัน ปวดกล้ามเนื้อ ปวดเมื่อยจากไข้หวัด และปวดข้อเสื่อมได้อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นเหมือนมิตรคู่บ้านของใครหลายๆ คน
แต่พาราเซตามอลใช้ได้แค่กับอาการปวดต่างๆ ในชีวิตประจำวันเท่านั้น หากมีใครมีอาการปวดรุนแรงแนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุหรือการรักษาเพิ่มเติมจะดีกว่า ฉะนั้นก่อนทานไทลินอลทุกครั้งก็อย่าลืมอ่านคำเตือนในฉลากอย่างเคร่งครัด
หากไม่มีอาการปวดหรือเป็นไข้ก็ห้ามทานยาดักไว้ก่อน เพราะการทานยาดักไม่ได้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ยา นอกจากนี้แล้วก็ไม่ควรทานติดต่อกันเกินปริมาณที่แนะนำด้วย เพราะอาจเป็นอันตรายต่อตับได้ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับไทลินอลได้ที่ https://www.painandpill.com/adult/Paracetamol-for-all-families
ถึงแม้ว่าวันวาเลนไทน์ปีนี้จะยังไม่มีใครมารัก แต่เราสามารถมีความสุขด้วยตัวเองได้ ฉะนั้นอย่าลืมหันมารักและดูแลตัวเองกันเยอะๆ นะ
Mission To The Moon X Tylenol
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast