เพราะหนึ่งในเคล็ดลับที่จะทำธุรกิจประสบความสำเร็จ เกิดจากการวางแผนที่มีประสิทธิภาพ!
ในยุคของความไม่แน่นอนเช่นนี้ การแข่งขันในการทำธุรกิจยังคงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังดูเหมือนว่าสถานการณ์ต่างๆ ก็จะยังคงดำเนินไปในทิศทางที่ไม่แน่นอนต่อไป ดังนั้น เพื่อที่จะสร้างรากฐานธุรกิจให้แข็งแกร่ง เตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งที่ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น การจัดทำแผนงานที่มีประสิทธิภาพถือเป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจ
และไม่ต้องคิดหาวิธีให้ปวดหัว เพราะเราได้รวบรวมเทคนิคการทำธุรกิจไว้ให้คุณเรียบร้อยแล้ว! กับ ‘7 เทคนิคดันธุรกิจให้เติบโตในปี 2022’ จากมุมมอง ประสบการณ์พร้อมข้อเสนอแนะของนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ มาดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง
1) ระบุรายละเอียดของกลยุทธ์ให้ชัดเจนที่สุด
หลังจากเราได้ร่างกลยุทธ์ประจำปีขององค์กรเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราจะต้องตั้งคำถามต่างๆ หาจุดบกพร่องในแผนงานที่เราวางไว้ เพื่อสร้างกลยุทธ์ที่สมบูรณ์มากที่สุด เช่น วิธีที่เราจะดึงดูดลูกค้า ผู้ตัดสินใจที่เกี่ยวข้องมีใครบ้าง ถ้าเกิดปัญหาเช่นนี้มีวิธีแก้ทางใดบ้าง เป็นต้น จำไว้ว่าธุรกิจอาจเผชิญกับอุปสรรคเมื่อไหร่ก็ได้ ดังนั้น เราจะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้หาแผนรับมืออื่นๆ ไว้ในกลยุทธ์เรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ เรายังสามารถระบุรายละเอียดของแผนงาน เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จได้จากแง่มุมอื่นๆ ดังต่อไปนี้
– แผนงานตั้งอยู่พื้นฐานของความเป็นจริงหรือไม่?
– กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนยิ่งขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนในองค์กร
– ตรวจสอบให้แน่ใจว่าการตัดสินใจเป็นในทิศทางเดียวกัน ทั้งการดำเนินธุรกิจระหว่างบริษัทและลูกค้า หรือการตกลงภายในองค์กร
– เมื่อเผชิญกับการหยุดชะงัก องค์ประกอบใดที่จำเป็นต่อความต่อเนื่องในการขับเคลื่อนธุรกิจ ตั้งแต่พนักงานไปจนถึงกรอบงานด้านโลจิสติกส์หรือฐานลูกค้า และสิ่งใดมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงอย่างถาวรเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
2) เปิดรับข้อมูลและพัฒนาทักษะใหม่ๆ อยู่เสมอ
Del Lekerman CEO ของ TIG กล่าวว่า “การเปิดใจมองหาวิธีปรับปรุงและความเชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงของโลกภายนอก” คือหัวใจสำคัญที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ
การเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ ไม่ได้หมายถึงการยอมรับแนวคิดและเห็นด้วยกับสิ่งนั้น แต่เป็นการเปิดกว้างต่อทุกสิ่ง เปิดโอกาสให้เรามองในมุมที่แตกต่าง ละทิ้งอคติ ความดื้อรั้นที่เรายึดถือมาตลอด เพราะการมีใจที่เปิดกว้างจะเป็นการเปิดประตูสู่ความสร้างสรรค์ในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ให้เราได้ทดลอง มีวิธีการแก้ไขปัญหาใหม่ๆ ในขณะเดียวกัน การฝึกฝนทักษะใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนภาษาที่สาม เข้าร่วมอบรม หรือเข้าคอร์สเรียนพิเศษต่างๆ สิ่งเหล่านี้จะทำให้เรามีทักษะติดตัวเพื่อนำไปต่อยอดในการทำงานที่หลากหลายมากขึ้น
3) ใช้การตลาดที่มีต้นทุนต่ำแต่มีประสิทธิภาพสูง
แทนที่จะเสียเงินไปกับการทำการตลาดที่ไม่มีประสิทธิภาพ เราสามารถใช้กลยุทธ์ทางการตลาดที่มีงบประมาณต่ำแต่มีประสิทธิภาพสูง โดยอาจจะเริ่มจากการทดสอบวิธีใหม่ๆ และดูว่ากลยุทธ์ใดทำงานได้ดีที่สุดก่อน หลังจากนั้นค่อยๆ เพิ่มแผนการนั้นลงไปในแผนการตลาดหลัก โดยเราสามารถใช้เครื่องมือทางการตลาดอย่าง ‘โซเชียลมีเดีย’ ที่มีต้นทุนต่ำและมีความเสี่ยงต่ำในการโปรโมตธุรกิจของเราได้ เช่น Facebook, Twitter, Instagram หรือ TikTok เป็นต้น สิ่งเหล่านี้จะเป็นเครื่องมือเบื้องต้น ที่จะสร้างภาพลักษณ์และดึงดูดความสนใจให้คนหันมาทำธุรกิจกับเรา
หลังจากที่เรานำแบรนด์เข้าไปมีส่วนร่วมในช่องทางต่างๆ แล้ว การจะทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น สามารถทำได้โดยการสร้างบทสนทนา จัดแคมเปญเล็กๆ หรือใช้แฮชแท็ก นอกจากนี้ การใช้ Infographic ที่เป็นลักษณะข้อมูลภาพที่อ่านง่ายและดึงดูดสายตาจะช่วยให้ผู้คนเข้าถึงเว็บไซต์ของเราได้มากขึ้น โดยเครื่องมือที่แนะนำสำหรับผู้ที่พึ่งเริ่มต้นคือ แอปพลิเคชัน Canva ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้งานง่าย ครบครัน และมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างต่ำ
4) สื่อสารกับลูกค้าให้มากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการได้อย่างตรงจุด
“การใช้เวลาทำความรู้จักลูกค้า สร้างบทสนทนาเพื่อพูดคุยกับลูกค้า และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ ล้วนเป็นองค์ประกอบหลักของการเติบโตภายในองค์กร” – Jess Dewell ตำแหน่ง Operations and Strategy จาก Red Direction
การสื่อสารกับลูกค้า สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนและสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้ มากไปกว่านั้น การบันทึกข้อมูลต่างๆ ของลูกค้าว่าพวกเขาชอบอะไร ปกติซื้ออะไร หรือมีความสนใจในด้านใด จะทำให้เรามีแนวทางการปฏิบัติที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม การที่เรายื่นข้อเสนอที่ดีที่สุดให้กับพวกเขาอาจไม่ใช่สิ่งที่ลูกค้าต้องการเสมอไป ทำให้เราจำเป็นจะต้องเข้าใจถึงความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า และตอบสนองประสบการณ์ที่ราบรื่นและเรียบง่ายให้กับลูกค้าให้มากที่สุด
5) เพิ่มบทบาทเทคโนโลยีให้เข้ามามีส่วนร่วมในการทำงานมากขึ้น
“ทุกองค์กรจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนตัวเองเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในวันข้างหน้า สิ่งที่จะเกิดขึ้นไม่ใช่สื่อ หรือเครือข่ายทั่วไปแบบเมื่อก่อน เพราะฉะนั้น เราต้องเข้าใจ รับมือ และคิดหาวิธีนำมันมาพัฒนาธุรกิจของเรา”– Tim O’Reilly ผู้ก่อตั้งและ CEO จาก O’Reilly Media
หลังจากที่เราได้เห็นความนิยมของแอปพลิเคชัน Zoom ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ทุกคนล้วนตระหนักว่าเทคโนโลยีมีความสำคัญต่อการดำเนินงาน ด้วยเหตุนี้แผนธุรกิจในปี 2022 ควรมีการอัปเกรดเทคโนโลยีหรือการติดตั้งระบบใหม่ เพื่อให้เกิดการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
และด้วยจำนวนพนักงานที่ทำงานแบบ Work From Anywhere และแบบ Hybrid มากขึ้นบริษัทควรจัดหาเครื่องมือให้ครบครันเพื่อเอื้อต่อการทำงาน เช่น แล็ปท็อป iPad และอุปกรณ์เทคโนโลยีอื่นๆ ที่จำเป็นต่อพนักงาน ทั้งนี้ บริษัทควรเปิดอบรมพัฒนาทักษะการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ให้กับพนักงานด้วยเช่นกัน และเมื่อพนักงานได้รับการฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี การทำงานจะมีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยเช่นกัน
6) ให้การสนับสนุนและคำนึงถึงความต้องการพนักงานเป็นอันดับแรกๆ
“ฉันเชื่อว่าการที่ผู้นำให้เวลาพนักงานในการค้นหาเป้าหมายส่วนตัวและเป้าหมายในอาชีพการงาน รวมถึงให้การสนับสนุนพวกเขา จะทำให้บริษัทพัฒนาต่อไปได้” – Debra Eckerling จาก Corporate Wellness
การที่องค์กรสนับสนุนพนักงานจะทำให้พวกเขารู้สึกว่าพวกเขามีคุณค่าต่อบริษัท และเห็นว่าบริษัทให้ความสำคัญกับความคิดเห็น ความฝันของพวกเขา มากไปกว่านั้น บริษัทจำเป็นต้องดูแลสุขภาพจิตของพนักงานด้วยเช่นกัน อย่างการที่บริษัทปรับเปลี่ยนกฎการเข้างาน โดยให้พนักงานกลับไปทำงานที่ออฟฟิศดังเดิมทันที อาจดูเป็นการเปลี่ยนแปลงที่กะทันหันไปสักหน่อยสำหรับพวกเขา สิ่งนี้จึงอาจทำให้พนักงานหลายคนรู้สึกสับสนและลำบากใจ ทำให้บริษัทจะต้องใส่ใจกับการช่วยเหลือพวกเขาในการปรับตัวกลับมาทำงานที่บริษัทมากขึ้น
จากสำรวจของ The Morning Consult พบว่า 39% ของพนักงานจะพิจารณาลาออกหากเจ้านายบังคับให้เลิกทำงานทางไกลและกลับมาที่ออฟฟิศ เมื่อพิจารณาดูแล้ว ความไม่สบายใจของพนักงานที่มีต่อการตัดสินใจของบริษัท ส่งผลต่อความก้าวหน้าขององค์กรอย่างมีนัยสำคัญ เพราะฉะนั้นก่อนที่บริษัทจะตัดสินใจ บริษัทต้องถามความเห็นพนักงานและหาจุดกึ่งกลางให้ได้
7) รู้ขีดความสามารถของตนเอง
การทำธุรกิจก็เหมือนการขับรถที่ต้องรู้ว่า เวลาใดที่ควรเหยียบคันเร่ง เวลาใดที่ควรผ่อนแรง และเวลาใดที่ควรให้คนอื่นมาขับแทนเรา เมื่อมีโอกาส จงรีบคว้าและใส่แรงไปให้สุด แต่ในบางครั้งการพุ่งเป้าหมายไปอย่างสุดแรงต้องอาศัยปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ดูทิศทางลม แนวโน้มและความเป็นไปได้ เป็นต้น และสำหรับการทำงานในบางส่วน ทักษะและความรู้ของเรามีไม่เพียงพอต่องานชิ้นนั้น เพื่อให้งานที่เราตั้งเป้าประสบความสำเร็จ เราไม่จำเป็นต้องเสียเวลาเพื่อเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ แต่เราสามารถจ้างผู้มีความรู้เฉพาะทางเข้ามาซัปพอร์ตเราได้
การวางแผนทางธุรกิจที่ดีเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ และอาจจะเรียกได้ว่าเป็นส่วนที่ยากที่สุดในกระบวนการทำงาน เพราะเราต้องมองให้กว้าง ให้รอบด้าน ต้องมีการสำรวจและหาข้อมูลให้มากที่สุด เพื่อทำให้แผนงานที่เราต้องการจะวางนั้นมีความสมบูรณ์แบบ เพราะถ้าแผนงานมีจุดบกพร่อง กระบวนการทำงานย่อมเกิดปัญหา และผลลัพธ์ที่ออกมาอาจไม่เป็นอย่างที่หวังไว้ ดังนั้น การวางแผนทางธุรกิจก็เหมือนกับการปักหมุดบนแผนที่ ถ้าเราปักผิด ไม่คำนึงถึงเส้นทางหรือความเป็นไปได้ ก็อาจทำให้เราเสียเวลาและเปลืองทรัพยากรไปโดยเปล่าประโยชน์นั่นเอง
อ้างอิง
https://bit.ly/3mWpT4n
https://bit.ly/3oWaZ0C
https://bit.ly/2YLHunh
https://bit.ly/2YLEsiS
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
#business
#inspiration
ติดตามความเคลื่อนไหวและเนื้อหาน่าสนใจอื่นๆ ได้ที่ https://missiontothemoon.co/
