ประสบความสำเร็จได้ด้วย Digital Transformation กับ “G-Able” ผู้นำด้าน Tech Enabler พร้อมประสบการณ์กว่า 33 ปี

เคยสังเกตไหมว่าโลกของเราเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน

..ราวๆ 30 กว่าปีก่อน อินเทอร์เน็ตเพิ่งเข้ามามีบทบาทในชีวิตคนเรา ..เพียง 20 กว่าปีก่อนเท่านั้น ที่เกิดภาวะเศรษฐกิจ Dotcom Bubble Burst ..และในปี 2000 มีชาวอเมริกันเพียงครึ่งเท่านั้นที่มีอินเทอร์เน็ตใช้ที่บ้าน

หากจินตนาการตามตัวหนังสือ จะพบว่าภาพที่เห็นช่างแตกต่างกับปัจจุบันนัก แม้ว่าเวลาจะผ่านมาไม่ถึงครึ่งศตวรรษ

ในปัจจุบัน เราไม่เพียงแต่มีอินเทอร์เน็ตใช้กันเกือบทุกบ้าน แต่เทคโนโลยียังอัจฉริยะมากขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น และเชื่อมโยงถึงกันมากขึ้น เราสามารถปิด-เปิดแอร์ ทีวี เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ได้เพียงแค่กดผ่านโทรศัพท์เครื่องเดียว หรือเพียงแค่ใช้คำสั่งเสียง

มิหนำซ้ำ ชีวิตของเราที่รายล้อมไปด้วยแกดเจ็ตและซอฟต์แวร์ล้ำสมัยมากมายอยู่แล้ว ยังต้องพึ่งพาเทคโนโลยียิ่งกว่าเคย เมื่อเกิดการระบาดของโรคโควิด-19

โลกที่เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลงและพฤติกรรมของมนุษย์ที่เปลี่ยนตามนี้เอง ส่งผลให้ภาคธุรกิจต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวให้เร็วยิ่งกว่าเคย จนเกิด “Digital Transformation” กระบวนการในการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการทำงาน เพื่อให้องค์กรรอดและเติบโตได้ในยุคนี้

แต่ก่อนจะไปทำความรู้จักว่า “Digital Transformation” ที่คนพูดถึงกันบ่อยๆ นั้นคืออะไร และสำคัญต่อองค์กรอย่างไร เรามาทำความรู้จักกับโลกอันผันผวนเช่นปัจจุบัน หรือ VUCA World กันก่อน

รู้จักกับ VUCA  World โลกที่หมุนเปลี่ยนอย่างรวดเร็วตลอดเวลา

โลกของเราที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงนี้ จริงๆ แล้ว มีชื่อกันว่า “VUCA World” โดยในคำว่า VUCA นั้น.. V ย่อมาจาก Votaltility หรือ ความผันผวน U ย่อมาจาก Uncertainty หรือ ความไม่แน่นอน C ย่อมาจาก Complexity หรือ ความซับซ้อน และ A ย่อมาจาก Ambiguity หรือ ความคลุมเครือ

‘ผันผวน ไม่แน่นอน ซับซ้อน คลุมเครือ’ คำเหล่านี้อธิบายโลกในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี เป็นโลกที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่บ่อยๆ และเกิดอย่างฉับพลันจนเกิดความไม่เสถียร จนทำให้ไม่ว่าจะการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ หรือใหญ่ๆ เราก็ไม่สามารถคาดการณ์ได้อีกต่อไป ว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ หรือส่งผลกระทบใดบ้าง

ในโลกที่อะไรก็เกิดขึ้นได้ องค์กรต้องอาศัยความรวดเร็วและความยืดหยุ่นอย่างมาก หากล้มแล้วต้องลุกและเรียนรู้ให้ไว ถึงจะเอาชีวิตรอดในโลกอันผันผวนเช่นนี้ได้ ไม่เช่นนั้นอาจลงเอยด้วยสถานการณ์เดียวกับกรณีศึกษาตัวอย่าง อย่าง ‘Kodak’ และ ‘Blockbuster’

Kodak บริษัทผลิตฟิล์มและกล้องฟิล์มชื่อดัง ที่ชะล่าใจต่อการมาถึงของกล้องดิจิทัลและเชื่อมั่นในยอดขาย ณ ตอนนั้นจนเกินไป เลยไม่ได้เตรียมตัวรับมือกับความเปลี่ยนแปลง จนในเวลาต่อมา ยอดขายฟิล์มร่วงหนักและนำไปสู่การล้มละลายของ Kodak ในที่สุด

Blockbuster ร้านเช่า CD-DVD ชื่อดังในยุค 90 ที่มีสาขากว่า 9,000 แห่ง และมีลูกค้ากว่า 65 ล้านคนทั่วอเมริกา แต่ปรับตัวตามพฤติกรรมผู้บริโภคไม่ทัน ในช่วงที่อินเทอร์เน็ตกำลังเป็นที่นิยม จึงถูก Netflix แย่งส่วนแบ่งในตลาด จนสุดท้ายความรุ่งเรืองของ Blockbuster ก็ต้องจบลง ด้วยการฟ้องล้มละลายด้วยหนี้กว่า 900 ล้านเหรียญ

ยังมีธุรกิจอีกมากมายที่เจอผลกระทบจากความผันผวนและไม่แน่นอนของโลก VUCA กรณีศึกษาที่แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวนี้ราวกับจะสอนว่า “อะไรก็เกิดขึ้นได้” และเราต้องระวังอย่างยิ่ง แต่จริงๆ แล้วเป็นเช่นนั้นจริงหรือ

เพราะหากเรามองให้ดี จะเห็นว่าท่ามกลางความล้มเหลวของ Kodak คือโอกาสในการเติบโตของผู้เล่นอื่นในตลาดอย่าง Sony และ Cannon ส่วนท่ามกลางความล้มเหลวของ Blockbuster คือโอกาสทองของ Netflix ผู้ที่ได้ Disrupt วงการภาพยนตร์ไปตลอดกาล

คำว่า “อะไรก็เกิดขึ้นได้” หากมองในแง่ลบอาจทำให้เรารู้สึกต้องระแวดระวัง แต่หากมองในแง่บวก คำว่า “อะไรก็เกิดขึ้นได้” จะชวนให้นึกถึงพื้นที่สำหรับโอกาสและการทดลอง ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นได้เสมอ ก็เท่ากับว่าองค์กรมีพื้นที่ให้นำเทคโนโลยีมาใช้ เรียนรู้ความเปลี่ยนแปลง และปลดปล่อยความสามารถให้เต็มที่ เพราะมันไม่มีข้อจำกัดอีกต่อไป

สอดคล้องไปกับแนวคิด “Possible. Simple.” ของ G-Able ที่มองว่าเมื่อเทคโนโลยีถูกออกแบบให้เข้าใจปัญหาและเข้าใจคนใช้ จะเกิดเป็นโซลูชันที่ “Simple” และเมื่อมีการนำโซลูชันไปใช้ จนเกิดการร่วมมือกันระหว่างคนกับเทคโนโลยี อะไรๆ ก็เป็นไปได้ ซึ่งก็คือ Everything is “Possible”

ดังนั้นในอีกแง่มุม โลกที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้น่ากลัวอีกต่อไป แต่กลับเต็มไปด้วยโอกาสมากมาย เราเลือกได้ว่าจะกลัวความเปลี่ยนแปลงและทำแบบเดิมต่อไป หรือโอบรับความเปลี่ยนแปลง นำสิ่งใหม่ๆ มาปรับใช้จนประสบความสำเร็จ

Digital Transformation ประตูสู่ความสำเร็จของธุรกิจยุคใหม่

ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าและกลายมาเป็นเครื่องมือสำคัญ การนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อสร้างโอกาสสู่ความสำเร็จ หรือ “Digital Transformation” เปลี่ยนจาก “ตัวเลือก” ที่ทำก็ดี ไม่ทำก็ได้ กลายมาเป็น “สิ่งที่ต้องทำ” ของทุกองค์กร ไม่ว่าจะเล็ก-ใหญ่ หรืออยู่ที่ไหนบนโลกใบนี้

แต่ก่อนจะทำ Digital Transformation มีหลายอย่างที่ต้องคำนึงถึง

G-Able ผู้นำด้าน Tech Enabler มองว่าการจะนำเทคโนโลยีมาสนับสนุนให้เพิ่มโอกาส และความไปได้ทางธุรกิจอย่างไร้ขีดจำกัด ต้องมีสามองค์ประกอบสำคัญก่อน ซึ่งก็คือ Corporation, People, และ Technology

“Corporation”
ทำความเข้าใจและตอบคำถามให้ได้ก่อนว่า วิธีการทำงานขององค์กรตั้งแต่ในอดีต มาจนถึงปัจจุบันเป็นอย่างไร พนักงานคิดอย่างไรกับองค์กร ลูกค้าคิดอย่างไรกับองค์กร และจุดมุ่งหมายของเราคืออะไร เพราะ G-Able เชื่อว่าเป็นองค์กรที่มีวิสัยทัศน์และอนาคตที่ชัดเจน จะนำไปสู่ความเข้าใจและการแก้ปัญหาทางธุรกิจให้ถูกวิธีได้ในอันดับต่อไป

“People”
คนแบบไหนที่เราอยากให้อยู่ในองค์กร หรือทักษะแบบไหนที่เราอยากพัฒนาในตัวพนักงาน องค์กรต้องมุ่งมั่นในการฝึกฝนและพัฒนาพนักงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อจะได้พาบริษัทประสบความสำเร็จไปพร้อมๆ กันเมื่อการเปลี่ยนแปลงมาถึง

“Technology”
ทำความเข้าใจว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีในองค์กรเป็นอย่างไรบ้าง และต้องการรับเทคโนโลยีแบบไหนเข้ามาในอนาคต เพื่อสร้างโซลูชันให้กับธุรกิจ ซึ่งจะต่อยอดนำไปสู่โอกาสในการเติบโตและแข่งขันได้ในตลาดธุรกิจบนโลกดิจิทัล

ความเป็นไปได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดจะเกิดขึ้นได้ก็ต้องมี 3 องค์ประกอบนี้ ซึ่งนอกจากนี้ ยังเป็นองค์ประกอบที่ G-Able เชื่อและใช้ในการมุ่งมั่นพัฒนาตนเอง ให้เป็น “Trusted Tech Enabler Partner for Business Resilience” หรือผู้ที่นำศักยภาพความพร้อมของเทคโนโลยีในทุกๆ ด้าน เพื่อผลักดันและสนับสนุนลูกค้าให้สามารถทำการแข่งขันได้ในโลกดิจิทัล

แต่การมุ่งหน้าสู่ Digital Transformation อาจเป็นเรื่องสำหรับหลายๆ องค์กร ทางออกบางธุรกิจ คือ การปรึกษาเพื่อนคู่คิดด้านเทคโนโลยีอย่าง “G-Able” บริษัทผู้นำด้าน Tech Enabler ที่มาพร้อมกับประสบการณ์มากกว่า 33 ปี พร้อมเป็นเพื่อนคู่คิดด้าน IT และ Digital Solution ให้คุณ และพร้อมทำให้เทคโนโลยีเป็นเรื่องง่าย พาธุรกิจของคุณมุ่งสู่ความสำเร็จได้จริง ดังสโลแกน Possible. Simple.

ในฐานะ Tech Enabler ชั้นนำอันดับต้นๆ ของไทย G-Able มีบริการครบวงจร พร้อมเพิ่มขีดความสามารถทางธุรกิจของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น..

1. Cybersecurity บริการการจัดการด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ช่วยป้องกันระบบและข้อมูลของลูกค้าจาก Cyber Attack ที่ปัจจุบันเกิดขึ้นบ่อยและสร้างความเสียหายทางธุรกิจอย่างมาก
2. Cloud & Data Center Modernization บริการปรับศูนย์ข้อมูลให้มีความทันสมัย โดยการอัปโหลดให้อยู่บนระบบ Cloud เพื่อเพิ่มความคล่องตัว สะดวก เข้าถึงข้อมูลจากที่ไหนก็ได้ ช่วยให้องค์กรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
3. Data & Analytics จัดเก็บข้อมูลอันมีปริมาณมากของบริษัท ตรวจสอบ สะสาง และนำมาวิเคราะห์เพื่อใช้ประโยชน์ในทางธุรกิจ
4. Digital Business & Application ออกแบบ พัฒนาผลิตภัณฑ์ดิจิทัลที่ตอบโจทย์ทางธุรกิจ ทั้ง Digital Product และ Digital Application Service พาธุรกิจของลูกค้าเป็นผู้นำตลาดอย่างยั่งยืน
5. Managed Tech Services ให้บริการด้าน IT Service and Operation Management เพื่อช่วยวางแผนจัดการและให้บริการด้าน IT ที่มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น

นอกจากนั้นแล้ว G-Able ยังมีอีก 3 บริษัท Tech-spin off ในเครือ เสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจหลัก ได้แก่..

• Blendata มุ่งพัฒนา Blendata Enterprise – Big Data platform ที่ช่วยให้การบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่กลายเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว
• InsightEra ให้บริการ MARTECH แบบครบวงจร ตอบโจทย์การวิเคราะห์ข้อมูลการตลาดครบทุกมิติ
• MVERGE ให้บริการ Proptech platform ระบบบริหารจัดการพื้นที่เช่า สำหรับอสังหาริมทรัพย์ ช่วยให้การบริหารจัดการพื้นที่เช่าให้เป็นเรื่องง่าย

อีกทั้ง G-Able ยังเป็นพันธมิตรกับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกในด้าน Modern Digital Solutions, Enterprise Business Solutions และ IT Infrastructure Solutions และยังมีกลุ่มลูกค้าซึ่งเป็นองค์กรชั้นนำในภาคเอกชนมากมาย

และในปีที่ 33 นี้เอง G-Able ก็พร้อมตอกย้ำความสำเร็จตลอดการเดินทางอีกครั้ง ผ่านการ IPO (Initial Public Offering) หรือการเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือ ปรึกษาบริการด้าน IT และ Solutions ได้ที่เว็บไซต์
Website: https://bit.ly/3ARcV01
Facebook : https://facebook.com/gable.th
สามารถรับชมวิดีโอโฆษณา ได้ที่ https://youtu.be/8qdw9cSi5JQ

Mission To The Moon X G-Able
#GAble #จีเอเบิล #PossibleSimple #TechEnabler