“อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง” คงเป็นหนึ่งในความฝันอันดับต้นๆ ของหลายคน ไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นใหม่หรือคนที่ทำงานมานานแล้วก็ตาม
จริงอยู่ที่การเป็นเจ้าของธุรกิจในยุคนี้ไม่ใช่เรื่องยากเหมือนเมื่อก่อน ทำให้มีธุรกิจเกิดใหม่จำนวนมาก แต่ธุรกิจที่อยู่รอดและประสบความสำเร็จกลับมีจำนวนเพียงน้อยนิดเท่านั้น
แล้วการเริ่มธุรกิจต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง? วันนี้เรามี 10 คำถามที่จะช่วยสำรวจว่าคุณมีความพร้อมมากแค่ไหนที่จะเริ่มธุรกิจของตัวเอง ควรไปต่อ พักไว้ หรือพอแค่นี้
1. ทำไมถึงอยากเป็นเจ้าของธุรกิจ?
ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจก่อนว่าอะไรคือเหตุผลที่เราอยากทำธุรกิจ เราทำเพราะอยากทำจริงๆ มีเป้าหมายและมีแรงจูงใจที่ชัดเจน หรือเพียงเพราะเห็นคนอื่นทำแล้วมีชีวิตที่ดี มีรถหรู และมีบ้านหลังใหญ่ ก็เลยอยากทำบ้าง
หากคำตอบเป็นอย่างหลัง แสดงว่าเราต้องกลับมาทบทวนอีกครั้งว่าควรทำธุรกิจหรือไม่ เพราะการเริ่มธุรกิจทั้งๆ ที่ไม่ชอบและไม่มีความพร้อมนั้น มีโอกาสสูงที่เราจะล้มเลิกและธุรกิจจะพังได้ง่ายๆ เมื่อต้องเผชิญกับปัญหาวุ่นวายต่างๆ
2. ปัญหาอะไรที่ส่งผลกระทบกับเรา?
หากมองตัวเราในฐานะผู้บริโภค แน่นอนว่าเราก็อยากได้สินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ และแก้ปัญหาต่างๆ ในชีวิตประจำวันได้ เมื่อเราเปลี่ยนบทบาทมาเป็นผู้ประกอบการ เราก็ต้องมีสินค้าและบริการที่แก้ Pain Points ให้กับลูกค้าเหมือนกัน ธุรกิจจึงจะอยู่รอดและไปต่อได้ ลองใช้โอกาสนี้หาว่า ปัญหาที่เราและคนส่วนใหญ่เผชิญคืออะไร แล้ว Solution ไหนที่น่าสนใจและยังไม่มีใครทำ เพื่อนำมาต่อยอดกับธุรกิจของตัวเองต่อไป
3. สิ่งที่อยากทำให้สำเร็จคืออะไร?
ไม่ว่าจะลงมือทำอะไรก็ตาม ถ้าเรารู้ว่าอะไรคือสิ่งที่อยากทำให้สำเร็จ ย่อมทำให้วางแผนและตั้งเป้าหมายได้ง่ายและชัดเจนมากขึ้น การทำธุรกิจก็เช่นกัน ลองเขียนร่างแผนธุรกิจออกมาคร่าวๆ ว่าเราอยากทำอะไร อยากเติบโตไปในทิศทางไหนจะทำให้วิสัยทัศน์ พันธกิจ และเป้าหมายของเราค่อยๆ ชัดเจนขึ้น
4. ทักษะที่มีกับสิ่งที่อยากทำไปด้วยกันได้ไหม?
หลังจากรู้ว่าอยากทำอะไรแล้ว ก็ถึงเวลากลับมาทบทวนและประเมินตัวเองว่า จุดแข็งและจุดอ่อนของเราคืออะไร ทักษะที่มีช่วยสนับสนุนสิ่งที่อยากทำได้หรือไม่ ถ้าพบว่าทักษะยังไม่เพียงพอ อาจต้องหาช่องทางการเรียนรู้เพิ่มเติม เพื่อเตรียมความพร้อมและเสริมความแข็งแกร่งให้ตัวเอง
5. สิ่งที่เราต้องการคืออะไร?
ลองลิสต์สิ่งที่เราต้องการและคาดหวังจากการทำธุรกิจออกมาทุกอย่าง โดยขั้นแรกไม่ต้องกลัวหรือกังวลว่ามันจะทำได้จริงหรือไม่ เพียงแค่ลิสต์ออกมาก่อน แล้วสำรวจว่าตอนนี้เรามีหรือขาดเหลืออะไรบ้าง และค่อยๆ จัดหมวดหมู่อีกรอบว่า สิ่งไหนมีแนวโน้มดี หรือสิ่งไหนค่อนข้างไกลจากความจริง
6. ใครสามารถช่วยเหลือได้บ้าง?
หลังจากระบุสิ่งที่ต้องการแล้วก็จะพบความจริงที่ว่า “เราทำทุกอย่างคนเดียวไม่ได้” ทำให้ต้องเริ่มมองหาตัวช่วย เพื่อสนับสนุนการเติบโตและเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไป อย่ากลัวที่จะขอความช่วยเหลือ และอย่ากลัว Feedback เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นก้าวสำคัญของการเริ่มธุรกิจ
แล้วจะขอความช่วยเหลือจากใครได้บ้าง? เราอาจเริ่มต้นจากคนใกล้ชิดอย่างครอบครัว เพื่อน ชุมชน หรือพาตัวเองไปอยู่ในพื้นที่ที่ช่วยสร้าง Networking อย่าง Co-Working Space หรืองานจัดแสดงสินค้าต่างๆ เพราะเราอาจบังเอิญเจอหุ้นส่วนหรือพาร์ตเนอร์ที่มองตาก็รู้ใจ คอยให้คำปรึกษาและสนับสนุนก็ได้
7. ธุรกิจมีแนวโน้มเติบโตในระยะยาวไหม?
อย่างที่รู้กันว่าโลกธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เราจึงจำเป็นต้องวิเคราะห์ วางแผน และประเมินความเสี่ยงอย่างละเอียด ตั้งแต่เรื่องการเงิน กลไกการตลาด คู่แข่ง และกลุ่มเป้าหมาย เพื่อธุรกิจจะได้มีผลประกอบการที่น่าพอใจและเติบโตอย่างยั่งยืน
8. สภาพตลาดของธุรกิจเป็นอย่างไร?
การวิจัยตลาด (Market Research) เป็นกระบวนการสำคัญของธุรกิจ เพราะทำให้เราได้ข้อมูลว่าสินค้าและบริการแบบไหนที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่กำลังมองหา และรู้ว่าคู่แข่งในตลาดตอนนี้เป็นอย่างไร นำไปสู่การวางแผนกลยุทธ์ การตั้งเป้าหมาย และการสร้างจุดขายให้ธุรกิจ ที่มีความโดดเด่นและไม่เคยมีในตลาดมาก่อน โดยปัจจุบันมีเครื่องมืออำนวยความสะดวกมากมาย ทำให้ Market Research ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
9. ใครคือลูกค้าของเรา?
การรู้จักลูกค้าเป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจ เราจำเป็นต้องศึกษาและตอบให้ได้ว่าลูกค้าและกลุ่มเป้าหมายหลักของเราเป็นใคร เพศไหน ช่วงอายุเท่าไร ภูมิลำเนาอยู่ไหน ชอบหรือไม่ชอบอะไร รวมถึงมีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตอย่างไร เพราะข้อมูลเหล่านี้นำไปสู่การพัฒนาสินค้าและบริการ เพื่อสามารถตอบโจทย์ความต้องการและแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด
10. มีวิธีทดสอบแผนธุรกิจอย่างไร?
ขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้เราเห็นถึงความเป็นไปได้ของธุรกิจมากขึ้น คือ “การทดสอบธุรกิจ” ซึ่งมีวิธีการทดสอบหลายแบบด้วยกัน เช่น การรับฟังความเห็นของคนรอบข้าง พาร์ตเนอร์ ผู้เชี่ยวชาญ หรือทดสอบกับกลุ่มเป้าหมายจริงๆ เหมือนกับ “อินโนเซนต์” แบรนด์น้ำผลไม้ชื่อดังที่ทดสอบความเป็นไปได้ของธุรกิจ ด้วยการตั้งบูทเล็กๆ ขายที่งานแห่งหนึ่ง
เจ้าของแบรนด์เขียนโน้ตไว้ที่จุดทิ้งขวดเปล่าว่า “พวกเราจะลาออกจากงานประจำ เพื่อมาทำธุรกิจนี้ คิดว่าควรลาออกหรือไม่” พร้อมวางตะกร้าไว้ 2 ใบ โดยมีข้อความกำกับว่า “Yes” กับ “No” สุดท้ายตะกร้า “Yes”เต็มไปด้วยขวดเปล่าของลูกค้า พวกเขาจึงตัดสินใจเริ่มธุรกิจ ทำให้ปัจจุบัน “อินโนเซนต์” กลายเป็นแบรนด์น้ำผลไม้ชื่อดังระดับโลก
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งการทดสอบแผนธุรกิจที่น่าสนใจ เราไม่จำเป็นต้องรอให้ทุกอย่างสมบูรณ์แล้วค่อยเริ่มทำธุรกิจ เพราะบนโลกใบนี้ไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบ 100% เราสามารถเรียนรู้และพัฒนาจากข้อผิดพลาดหรือคำแนะนำต่างๆ ได้เสมอ
หากใครมีแพลนอยากเริ่มธุรกิจอยู่ล่ะก็ ลองตอบคำถามทั้ง 10 ข้อนี้ให้ชัดเจน เพื่อประเมินตัวเองกันว่า “พร้อม” จริงๆ ไหม หรือถ้าจำเป็นต้องปรับปรุงเพิ่มเติม มีส่วนไหนบ้างที่เรายังขาดไป เพื่อเสริมความพร้อมและวางรากฐานที่มั่นคงตั้งแต่ต้น เพราะการเริ่มต้นที่ดี ก็เหมือนกับทำสำเร็จไปแล้วครึ่งทาง
เนื้อหาอื่นๆ ที่น่าสนใจ :
– รู้จัก Business Model Canvas ตัวช่วยธุรกิจวางแผนให้เป๊ะ สร้างกลยุทธ์ใหม่ให้ปัง: https://bit.ly/3c62FHB
– 12 ขั้นตอนเริ่มธุรกิจใหม่! จากคู่มือและประสบการณ์ตรง | Mission To The Moon EP.1496: https://bit.ly/3c1r5lz
แปลและเรียบเรียงจาก :
– https://bit.ly/3psqbRX
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
#business