BUSINESSApple ทำอย่างไร ถึงเปลี่ยนบริษัทใกล้ตาย กลายเป็นยักษ์ใหญ่ของโลก

Apple ทำอย่างไร ถึงเปลี่ยนบริษัทใกล้ตาย กลายเป็นยักษ์ใหญ่ของโลก

Apple คืออะไรสำหรับคุณ

ถ้าถามว่าคนส่วนใหญ่ว่า เมื่อพูดถึงคำว่า Apple แล้วนึกถึงอะไร ครึ่งหนึ่งก็คงตอบว่าผลไม้ลูกเล็กๆ สีแดงรสหวานอมเปรี้ยว และอีกครึ่งหนึ่งก็คงตอบว่า บริษัทเจ้าของสมาร์ตโฟนชื่อดังอย่าง iPhone

ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับเด็กรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ในยุคปัจจุบัน อาจจะเคยลองใช้หรือลองเล่นสินค้าของ Apple อย่าง iPhone, iPad, iPod, หรือ Mac Book มากกว่าจำนวนลูกแอปเปิลที่เคยกินเสียด้วยซ้ำ ซึ่งถ้าคิดเล่นๆ ดูแล้วก็เป็นเรื่องที่น่าขบคิดไม่น้อยเลยทีเดียวว่า เพราะอะไรกัน บริษัทเทคโนโลยีที่เพิ่งก่อตั้งมาเพียงแค่ 46 ปี ถึงได้เข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันและหัวใจของผู้คนแทนที่ผลไม้อันดับหนึ่งของโลกที่มีอายุยาวนานกว่าเป็นพันๆ ปี

สาเหตุที่ว่านั้นอาจจะเพราะว่าครั้งหนึ่ง Apple เคยทำการ Rebranding ครั้งใหญ่ ที่เรียกได้ว่าพลิกโฉมพวกเขาจากบริษัทไอทีใกล้ตาย ให้กลายมาเป็นหนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่มีอิทธิพลมากที่สุดบริษัทหนึ่งของโลกเลยก็ว่าได้

จาก Apple Computer Inc. สู่ Apple Inc.

Apple Computers, Inc. ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 เมษายน ปี 1976 โดยสตีฟ จ็อบส์ และสตีฟ วอซเนียก สองเพื่อนรักที่ออกจากมหาวิทยาลัยกลางคัน มาร่วมกันก่อตั้งบริษัทใหม่ ที่พวกเขานั้นเชื่อเหลือเกินว่ามีวิสัยทัศน์ในการเปลี่ยนวิธีที่ผู้คนมองคอมพิวเตอร์ ซึ่งแรกเริ่มนั้น จ็อบส์ และ วอซเนียก ต้องการทำให้คอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กพอที่จะให้ผู้คนมีไว้ที่บ้านหรือที่ทำงาน พูดง่ายๆ ก็คือ พวกเขาต้องการให้คอมพิวเตอร์ เป็นอุปกรณ์สามัญประจำบ้านที่ใช้งานง่ายสำหรับทุกคนนั่นเอง

ความสำเร็จแรกของ Apple Computer Inc. ก็คือเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีชื่อว่า Apple II ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ปฏิวัติอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์เลยทีเดียว ด้วยการมีกราฟิกสีเป็นครั้งแรกจนสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้คนเป็นอย่างมาก ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นจาก 7.8 ล้านดอลลาร์ในปี 1978 เป็น 117 ล้านดอลลาร์ในปี 1980 ซึ่งเป็นปีเดียวกันกับที่ Apple เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์อีกด้วย

ตอนนั้นสถานการณ์ของ Apple Computer Inc. นั้นกำลังดูรุ่งโรจน์ พวกเขาเป็นบริษัทไอทีน้องใหม่ที่สร้างความน่าตื่นตาตื่นใจให้กับเทคโนโลยีได้เป็นอย่างมาก แต่แล้วทุกอย่างก็ค่อยๆ เริ่มถดถอยลง เริ่มจากการที่หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งคนสำคัญอย่าง สตีฟ วอซเนียก ออกจากบริษัทไปในปี 1983 เพราะเริ่มหมดไฟ จากนั้น สตีฟ จ็อบส์ ก็ตัดสินใจดึงตัว จอห์น สคัลลีย์ จาก PepsiCo ให้มาทำหน้าที่เป็นประธานบริษัท แต่อย่างไรก็ตาม ตัว จ็อบส์ กับ สคัลลีย์ กลับมีความเห็นที่ไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่ และหลังจากการโต้เถียงกันครั้งใหญ่ ผู้ก่อตั้งเพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่อย่าง สตีฟ จ็อบส์ ก็ออกจาก Apple ไปในปี 1985

หลังจากที่ จ็อบส์ ออกไป Apple ยังคงไปได้สวยจนกระทั่งในช่วงปี 1990 – 1996 โดย Market Share ของพวกเขาเริ่มลดลงอย่างฮวบฮาบ Microsoft กลับมาครองตลาดได้อีกครั้ง บริษัทเริ่มขาดทุน จนมีการคาดการณ์จากผู้เชี่ยวชาญหลายคนว่า Apple คงจะถึงจุดจบในไม่ช้านี้แน่นอน จนกระทั่งถึงปี 1997 เมื่อ Apple คณะกรรมการบริษัทตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากสตีฟ จ็อบส์ ให้กลับมาทำงานเป็น CEO ชั่วคราว (Interim CEO) หรือที่ สตีฟ จ็อบส์ ชอบพูดติดตลกว่า iCEO ตามที่เขาเรียกตัวเอง และ ณ ช่วงเวลานั้นเอง สตีฟ จ็อบส์ ก็ตัดสินใจว่า บริษัทจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ด้วยการ Rebranding ครั้งใหญ่เป็นครั้งแรก นั่นก็คือการเปลี่ยน “โลโก้” ของพวกเขา

ในปี 1998 Apple ได้เปิดตัว iMac ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ที่มีความสวยงามและใช้งานได้จริงเป็นครั้งแรก แต่ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาได้ทำการเปิดตัวโลโก้ใหม่ด้วยการละทิ้งโลโก้แอปเปิลสีรุ้ง ให้กลายเป็นโลโก้แอปเปิลสีดำ ที่มีความโฉบเฉี่ยวเพื่อให้เข้าคู่กันกับผลิตภัณฑ์ใหม่อย่าง iMac ซึ่งถือว่าเป็นการรีแบรนด์ที่สดใหม่ ทำให้ Apple เริ่มถีบตัวเองขึ้นมาเป็นบริษัทที่อยู่ในระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีอีกครั้งหนึ่ง

ถัดมาในปี 2007 Apple ก็ได้ทำการรีแบรนด์เปลี่ยนแปลงอีกครั้ง โดยการ Rebrand ครั้งที่ 2 ครั้งนี้ เรียกได้ว่าเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญ ที่ทำให้ Apple มีชื่อเสียงแบบทุกวันนี้เลยก็ว่าได้ ซึ่งในงานเปิดตัว iPhone สู่สายตาชาวโลก สตีฟ จ็อบส์ได้ประกาศว่าบริษัทจะลบคำว่า ‘คอมพิวเตอร์’ ออกจากชื่อเพื่อกลายเป็น “Apple, Inc.” เฉยๆ โดย จ็อบส์ให้เหตุผลในการตัดสินใจครั้งนี้เอาไว้ว่า “ Mac, iPod, Apple TV และ iPhone สินค้าทั้งหมดนี้ มีเพียงเครื่องเดียวเท่านั้นที่เป็นคอมพิวเตอร์ ดังนั้นเราจึงเปลี่ยนชื่อ”

นอกจากการเปิดเผย iPhone และการเปลี่ยนชื่อกะทันหันแล้ว Apple ยังนำโลโก้ขาวดำที่ปรับปรุงใหม่ให้มีความทันสมัยยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย ทำให้ผู้บริโภคสามารถรับรู้ถึงความสดใหม่ ทันสมัย ของ Apple ได้มากขึ้นอีกด้วย

และการตัดคำว่า Computer ออกแบบนี้ เหมือนกับเป็นการเปลี่ยนภาพจำของ Apple ว่าไม่เป็นบริษัทที่ผลิตแต่คอมพิวเตอร์เพียงอย่างเดียว แต่เป็นบริษัทที่เป็นตัวแทนของนวัตกรรมแห่งอนาคตแทน ซึ่งนับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2007 Apple ได้ขายไอโฟนไปแล้ว 2.2 พันล้านเครื่องในปี 2018 ตามข้อมูลสถิติของ Lifewire นอกจากนี้ สินค้า iPhone ก็กลายมาเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้ Apple ต่อยอดไลน์สินค้าของตัวเองมากขึ้น นั่นก็คือ iPad, Apple Watch และ AirPods ที่กลายมาเป็น Eco-System แบบสินค้าตระกูล Apple เหมือนทุกวันนี้

บทเรียนจากการ Rebranding ของ Apple

1. การ Rebrand ช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ

หนึ่งในข้อได้เปรียบที่ใหญ่ที่สุดในการ Rebranding ของ Apple นั้นก็คือการที่พวกเขาสามารถขยายขอบเขตของฐานลูกค้า เพราะถ้าหากว่า Apple ยังมีคำว่า Computer พ่วงท้ายอยู่ Apple ก็อาจจะไม่ได้รับความน่าเชื่อถือในการผลิตสินค้าอย่าง iPhone, iPad, หรือ iPod และไม่ประสบความสำเร็จเหมือนอย่างทุกวันนี้ก็เป็นได้ เนื่องจากทุกคนก็ยังคงคิดว่า Apple เป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในการผลิตคอมพิวเตอร์เพียงอย่างเดียว และไม่เปิดใจให้กับไลน์สินค้าอื่นๆ ของพวกเขา

เพราะฉะนั้นแล้ว การรีแบรนด์ที่ถูกวางแผนมาเป็นอย่างดีและถูกต้อง จะช่วยส่งเสริมธุรกิจของทุกคนได้เป็นอย่างมาก คนส่วนใหญ่จะสังเกตเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงภายในธุรกิจของเรา ซึ่งเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่จะทำให้กลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เปิดใจให้กับเรา และทำให้ธุรกิจของเราเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยก็เป็นได้

Advertisements

2. การ Rebrand ช่วยทำให้ธุรกิจของเรายังมีตัวตน

การ Rebrand ก็เป็นอีกหนึ่งหนทาง ที่จะทำให้ธุรกิจของเรายังคงเป็นที่พูดถึงและอยู่ในหัวใจของผู้บริโภค มันจะช่วยรักษาธุรกิจของของเราให้อยู่ในกระแสและเทรนด์ เหมือนที่ Apple ได้พยายามอัปเดตและปรับเปลี่ยนโลโก้ของตัวเองในทุกการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ จากโลโก้แอปเปิลสายรุ้ง เป็นโลโก้แอปเปิลสีดำ มาจนถึงโลโก้แอปเปิลแบบโมโนโครม มีความมินิมอลและทันสมัย ช่วยให้ Apple ยังมีตัวตนอยู่ในสังคมปัจจุบัน รวมถึงไม่ถูกทำให้หายไปในโลกที่มีแต่จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

เพราะฉะนั้น ในฐานะเจ้าของธุรกิจ การ Rebrand โลโก้หรือการออกแบบนั้น มีบทบาทสำคัญในการทำให้กลุ่มลูกค้าของเรา ไม่ว่าจะเก่าหรือใหม่ รับรู้ถึงความเป็นไปของธุรกิจของเรา แถมยังเป็นการดูแลให้รูปลักษณ์ธุรกิจของเราให้มีความทันโลกอยู่เสมอ และแสดงให้เห็นว่าธุรกิจของเรายังคงมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ ในอนาคตนั่นเอง

3. การ Rebrand ช่วยเพิ่มกำไรให้กับธุรกิจ

ถึงแม้ว่าการ Rebrand จะเป็นการปรับปรุงภาพลักษณ์เป็นหลัก แต่ประโยชน์ของมันก็สามารถต่อยอดไปถึงการทำกำไรได้ด้วยเช่นกัน โดยถ้าดูจากยอดขาย iPhone ของ Apple ในปีแรกนั้น พวกเขาสามารถขาย iPhone ได้มากกว่า 3.7 ล้านเครื่องหลังจากวางจำหน่ายได้ 6 เดือนเท่านั้น ทำให้ Apple มี Market Share เป็นอันดับ 3 ในตลาดสมาร์ตโฟน ตามหลังสองบริษัทผู้ผลิตสมาร์ตโฟนรุ่นใหญ่ ณ เวลานั้น อย่าง Nokia และ BlackBerry ซึ่งหลังจากนั้นไม่นาน Apple ก็ครองอันดับหนึ่งได้สำเร็จ

ดังนั้น การ Rebrand นั้นมีความสำคัญที่ทำให้ธุรกิจของเราเติบโตได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น ความสามารถในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ทำให้ธุรกิจของเราโดดเด่นออกจากคู่แข่ง รวมไปถึงขยายขอบเขตและความเป็นไปได้ในการทำธุรกิจของเรา ที่ล้วนแต่ส่งผลให้เราทำกำไรดีขึ้นทั้งนั้นนั่นเอง

ดังนั้น ตอนนี้ทุกคนคงเห็นได้อย่างชัดเจนแล้วว่า การ Rebranding นั้นมีความสำคัญมากแค่ไหนต่อการทำธุรกิจของเรา ซึ่งท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในทุกๆ วันของโลกใบนี้ การ Rebranding อาจจะทางออกให้กับหลายๆ ปัญหาที่คอยกัดกินจิตใจของเหล่าผู้ประกอบการอยู่ในปัจจุบัน

Advertisements

เตรียมพบกับคอร์สเรียนใหม่จาก Mission Academy Rebranding For Entrepreneurs สร้างโอกาสใหม่ให้กับแบรนด์เดิม

คอร์สเรียนสดแบบ On-site “Rebranding For Entrepreneurs สร้างโอกาสใหม่ให้กับแบรนด์เดิม” ในทุกเรื่องที่คุณต้องรู้ ถ่ายทอดและสอนจากประสบการณ์ตรงของ “รวิศ หาญอุตสาหะ” จากการรีแบรนด์ “ศรีจันทร์” ที่คัด เคี่ยว จนได้องค์ความรู้สุดเข้มข้น จากทั้งความสำเร็จและความล้มเหลว จนเปลี่ยนร้านขายยาโบราณ มาเป็นแบรนด์เครื่องสำอางไทยที่คนเชื่อมั่นในคุณภาพ ถือว่าเป็นโอกาสที่พลาดไม่ได้เด็ดขาด สำหรับเหล่าเจ้าของกิจการ เจ้าของธุรกิจ SMEs, Start-ups หรือธุรกิจที่กำลังต้องการรีแบรนด์

ภายในคอร์สเรียน ทุกคนจะได้รับความรู้ที่สามารถนำไปต่อยอดได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น การอัปเดตเทรนด์การตลาดใหม่ๆ เพื่อให้ธุรกิจนำไปปรับใช้ได้ตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป การวิเคราะห์ธุรกิจเพื่อวางแผนการทำ Rebranding อย่างมีประสิทธิภาพจากชีวิตจริง รวมไปถึงขั้นตอนและเทคนิคการ Rebranding ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้จริงและอื่นๆ อีกมากมาย

คอร์ส Rebranding For Entrepreneurs สร้างโอกาสใหม่ให้กับแบรนด์เดิม โดย รวิศ หาญอุตสาหะ

[ ] Early Bird! เพียง 19,000 บาท (จากราคาปกติ 24,000 บาท) สำหรับผู้ซื้อคอร์สตั้งแต่วันที่ 1 – 14 ตุลาคม 2565
[ ] ราคาปกติ 24,000 บาท สำหรับผู้ซื้อคอร์สตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม – 11 พฤศจิกายน 2565
[ ] จำนวนจำกัด! รับเพียง 50 ท่านเท่านั้น

วิธีการสมัครคอร์ส Rebranding For Entrepreneurs

1. กรอกฟอร์มเพื่อสมัครคอร์สได้ที่: https://bit.ly/3CkqCFw และแอด LINE OA : @missiontothemoon พร้อมแจ้งว่าท่านได้กรอกใบสมัครคอร์ส Rebranding For Entrepreneurs เป็นที่เรียบร้อย
2. ทางทีมงานจะติดต่อกลับภายใน 2 วันทำการ เพื่อยืนยันการจองที่นั่งและแจ้งรายละเอียดการชำระค่าเรียน
3. ผู้สมัครจะต้องชำระค่าเรียน ภายใน 3 วันหลังจากได้รายละเอียดการชำระเงินจากทีมงาน หากไม่ได้ชำระเข้ามา ที่นั่งที่จองไว้จะถูกยกเลิก
4. หลังทีมงานตรวจสอบการชำระเงินแล้ว ท่านจะได้รับหมายเลขที่นั่ง สำหรับยืนยันการเข้าเรียน และจะถูกดึงเข้ากลุ่มไลน์สำหรับคอร์ส Rebranding For Entrepreneurs
5. หากท่านใดมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถอ่านรายละเอียดได้ที่ https://bit.ly/3RElQ9W
หรือ สอบถามได้ใน LINE OA : @missiontothemoon

*หมายเหตุ:
– เนื่องจากคอร์สนี้ มีบทเรียนที่ผู้สมัครต้องนำแบรนด์ของตนเองมาพัฒนาต่อยอด ทางทีมงานจึงจะมีการคัดเลือกผู้เข้าเรียนตามลำดับการสมัครและคุณสมบัติ เพื่อความเหมาะสมกับเนื้อหาของคอร์ส (คอร์สนี้เหมาะกับเจ้าของกิจการ ธุรกิจ SMEs, Startups หรือธุรกิจที่ต้องการรีแบรนด์ โดยท่านจะต้องมีสินค้า บริการ หรือแบรนด์เดิมที่สามารถนำมาพัฒนาต่อได้ เพื่อใช้การทำ Group Workshop)
– ผู้ที่ชำระเงินเสร็จสมบูรณ์จะต้องส่งหลักฐานการชำระเงินผ่าน LINE OA: @missiontothemoon เท่านั้น โดยทางเราขอสงวนที่นั่ง สำหรับผู้ที่ชำระเงินเข้ามาตามลำดับ

อ้างอิง:
– The Founding of Apple Computers, Inc. : Library Of Congress – https://bit.ly/3rjpziO
– THE APPLE LOGO: HISTORY, MEANING, AND DESIGN INFLUENCES : Mike Jansen, Designbro – https://bit.ly/3SEaNP6
– Rebranding: Apple Computers Inc. Becomes Apple Inc. : Texasama – https://bit.ly/3ULP35H
– Rebranding: the Good, the Bad and the Ugly : Cat Boardman, Usnews – https://bit.ly/3rmgGok
– Brand Strategy: The Top 5 Benefits of Rebranding – Taylor Cain, bluefrogdm : https://bit.ly/3RltypE

#business
#strategy
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
#missionacademy

 

Advertisements

LASTEST ARTICLES

LASTEST PODCAST

Mission To The Moon
Mission To The Moon
พื้นที่ที่สร้างขึ้นเพื่อแบ่งบันเรื่องราวเกี่ยวกับการทำธุรกิจ การตลาด แรงบันดาลใจ และข้อคิดในการใช้ชีวิต

POPULAR ARTICLES

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่มีความจำเป็น (Strictly Necessary Cookies)
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานและเข้าชมเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถบล็อคการใช้งานคุกกี้ได้จากเบราว์เซอร์ที่ใช้งาน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบกับการใช้งานเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราะห์และวัดผลการทำงาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า