รีวิวหนังสือ: Thank God it’s Monday ขอบคุณโลกนี้ที่มีงานประจำ

3509
หนังสือ Thank God it's Monday ขอบคุณโลกนี้ที่มีงานประจำ
หนังสือ Thank God it's Monday ขอบคุณโลกนี้ที่มีงานประจำ
มีเวลาไม่เยอะอยากอ่านสั้นๆ
  • เริ่มต้นทำให้เจ้านายรักได้อย่างไร? หนังสือเล่มนี้บอกให้เรากล้าแสดงความเห็นและตั้งคำถาม ทำการบ้าน พัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา และช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีมบ้างตามสมควร
  • คนที่ทำงานเก่งไม่ใช่คนที่อยู่ออฟฟิศนานที่สุด แต่เป็นคนที่ใช้เวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและผลงานออกมาดีที่สุด
  • หลักการทำพรีเซนเทชั่นที่ดีไม่ได้อยู่ที่คีย์โน้ตหรือพาวเวอร์พ้อยท์เท่านั้น แต่อยู่ที่ความเข้าใจและทัศนคติด้วย
  • การปรับปรุงตัวให้เป็นเจ้านายที่ดีขึ้นเป็นซอฟท์สกิลที่สำคัญเช่นกัน

หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือของ คุณอานนทวงศ์ มฤคพิทักษ์ ผู้เขียนบล็อก Anantawong’s Musings ซึ่งผมเชื่อว่าหลายท่านน่าจะเคยคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วครับ 

หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่โดยภาพรวมอ่านง่าย สนุก และในบางบทสามารถเอามาใช้ได้เดี๋ยวนี้เลย ผมอ่านรวดเดียวจบเลยครับ 

ถ้าดูแต่ปกอาจจะคิดว่าหนังสือเรื่องนี้พูดเกี่ยวกับเรื่องการทำงานประจำ แต่จริงๆแล้วถ้าอ่านจริงๆผู้เขียนได้กลั่นกรองปรัชญาการใช้ชีวิตและ “วิธีคิด” ที่จะทำให้ชีวิตเรามีความสุขขึ้นและที่ผมชอบมากคือวิธีคิดที่จะทำให้ชีวิตของเรามีความหมายมากขึ้นด้วยครับ พูดง่ายๆคือทำอย่างไรให้ทำงานและใช้ชีวิตแบบไม่ต้องอยู่ไปวันๆ

หลายคนอาจจะคิดว่า เห้ย ผมจะไปรู้เรื่องอะไรกับงานประจำ หลายคนอาจจะคิดว่าผมเป็นเจ้าของบริษัท ซึ่งต้องบอกว่ามันไม่ใช่แบบนั้นแล้วครับ

ตอนบริษัทเล็กๆสมัยซัก 10 ปีที่แล้วผมพอจะพูดแบบนั้นได้

แต่วันนี้เส้นนั้นมันเบลอมากแล้วครับ จริงๆทุกวันนี้ผมมีเจ้านายคือ กรรมการบริหาร นะครับ และเจ้านายสูงสุดคือผู้ถือหุ้น เพราะฉะนั้นทุกวันนี้ผมมองตัวเองเป็น CEO ในฐานะลูกจ้างมืออาชีพครับ เพราะผมไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นคนเดียวในบริษัท ทุกอย่างผมมีระบบการควบคุมตรวจสอบไม่ใช่จะทำอะไรตามใจได้

ดังนั้นหนังสือเล่มนี้จึงเกี่ยวข้องกับผมมากเลยทีเดียว

เราลองมาดูว่าหนังสือเล่มนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง

เริ่มต้นทำให้เจ้านายรักทำอย่างไรดีครับ?

กล้าแสดงความคิดเห็นและตั้งคำถาม ทำการบ้านมาก่อนเสมอ รักษาคำพูด มีอะไรผิดพลาดให้รีบบอก พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ มีความคิดริเริ่ม ช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีม (ตามสมควร) 

ทำได้ประมาณนี้รับรองว่าอาชีพการงานคุณจะเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วชนิดที่คนอื่นต้องตกใจครับ

แล้วแบ่งเวลาอย่างไร

เรื่องการแบ่งเวลาก็สำคัญเช่นกัน คนที่ทำงานเก่งไม่ใช่คนที่อยู่ออฟฟิศนานที่สุด แต่คือคนที่ใช้เวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและผลงานออกมาดีที่สุด (ในหนังสือมีการพูดถึงคนอยู่ออฟฟิศดึก 8 ประเภทด้วยซึ่งส่วนตัวคิดว่าตรงมาก)

ประโยคที่ผมชอบมากคือ Nobody on their deathbed wished they had spent more time at the office

“ในช่วงนาทีสุดท้ายของชีวิตไม่มีใครบ่นหรอกนะว่า แหม ฉันน่าจะใช้เวลาที่ออฟฟิศให้มากกว่านี้สักหน่อย

การบริหารจัดการเวลาจะช่วยให้เราใช้ทรัพยากรอันมีค่านี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้

Advertisements

โดยในเล่มนี้ได้เขียนถึง 4 แนวทาง ได้แก่ ไอเซนฮาวร์เมทริกซ์ (Eisenhower Matrix) แนวคิดเรื่องการเรียงลำดับความสำคัญของงานจาก วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffet) ไทม์บล็อกกิ้ง (Time Blocking) และที่ผมชอบมากคือกฎ 2 นาที 

นอกจากนี้ยังมีการเขียนถึงของที่เป็นเครื่องมือต่างๆด้วยเช่น Weekly Focus (สิ่งที่โฟกัสประจำสัปดาห์) หรือ Kanban Board (กันบันบอร์ด)

อย่างกันบันบอร์ดนี่อ่านจบ ผมลองไปทำดูใน ASANA เลยครับ ซึ่งพบว่าพอเขียนอะไรออกมากแบบนี้มันเข้าใจง่ายกว่าหน้าตาแบบเดิมที่ใช้อยู่เยอะเลย

การเขียนรายงาน

อีกอันที่มีประโยชน์มากเพราะประเทศไทยมีปัญหาเรื่องนี้จริงๆคือ การเขียนรายงานประชุมครับ ในหนังสือเล่มนี้ คุณอานนทวงศ์ ได้เสนอวิธีการเขียนรายงานการประชุมแบบคนรุ่นใหม่ ซึ่งเดี๋ยวผมจะลองเอาไปใช้ดูครับ

พรีเซนเทชั่น

มีอีกส่วนนึงของหนังสือที่พูดเรื่องการทำพรีเซนเทชั่น ซึ่งดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในงานหลักของทุกออฟฟิศ ว่าควรจะทำยังไงให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งการทำพรีเซนเทชั่นที่ดีไม่ได้อยู่ที่ คีย์โน๊ตหรือพาวเวอร์พ้อยท์อย่างเดียว แต่อยู่ที่ความเข้าใจและทัศนคติต่อการทำพรีเซนเทชั่นด้วย (ในหนังสือมีตัวอย่างว่าจริงๆแล้ว ไม่ต้องใช้ คีย์โน้ต หรือ พาวเวอร์พ้อยท์ ก็ทำ พรีเซนเทชั่น ที่ดีได้ โดยมีเคสของ อะแมซอน เป็นตัวอย่างครับ)

เจ้านาย ลูกน้อง

ถัดไปอีกนิดเป็นส่วนของเจ้านายโดยเฉพาะซึ่งกล่าวถึงว่า ลูกน้องไม่ชอบเจ้านายแบบไหนที่สุด และถ้าคุณเป็นเจ้านาย คุณจะปรับปรุงตัวให้เป็นเจ้านายที่ดีขึ้นได้อย่างไรบ้าง ซึ่งเป็นซอฟท์สกิลที่สำคัญจริงๆสำหรับคนที่เป็นเจ้านายทุกคน 

การใช้ชีวิต

และหนังสือเล่มนี้ปิดท้ายด้วยเรื่องทัศนคติของการใช้ชีวิตครับ ทั้งมุมมองเรื่องของความสุข การพยายามทีละนิดเพื่อพัฒนาตัวเอง รวมไปถึงการชีวิตครอบครัวด้วย


หนังสือเล่มนี้ถ้าคุณอยู่ในตำแหน่งที่ยังเล็กอยู่ คุณก็ควรอ่านเพื่อให้รู้ว่าเจ้านายคุณคิดอย่างไร ที่สำคัญกว่านั้นคือคุณจะได้รู้ว่าคุณจะเติบโตอย่างรวดเร็วได้อย่างไร อาวุธที่คุณต้องใช้คืออะไร

คนเป็นเจ้านายก็ควรอ่านเช่นกันครับ จะได้เข้าใจลูกน้องมากขึ้น เพราะหลายครั้งบทบาทและหัวโขนที่สวมอยู่ทำให้เจ้านายหลายคน ลืมเรื่องที่สำคัญว่าจริงๆลูกน้องมีความต้องการอะไรบ้าง

สรุปว่าเป็นหนังสือที่คุณควรซื้ออ่านเองและแบ่งปันให้คนในทีมคุณอ่านด้วยจะยิ่งดีครับ 

ส่วนตัวแล้วผมจะซื้อให้ทุกคนที่ออฟฟิศได้อ่านครับ 🙂

Advertisements

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่