ในช่วงที่ผ่านมาหลายคนคงจะเห็นกันแล้วว่ามีเทรนด์มากมายเกิดขึ้นในโลกการทำงาน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ “Quiet Quitting” หรือการละทิ้งวัฒนธรรมการทำงานหนัก แล้วในตอนนี้ก็มีอีกหนึ่งเทรนด์ใหม่ที่คล้ายๆ กันตามมาและเรียกได้ว่าคนรุ่นมิลเลนเนียลให้ความสนใจเป็นอย่างมาก นั่นก็คือ “Bare Minimum Monday”
รู้จัก Bare Minimum Monday
Bare Minimum Monday เป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นแรกเริ่มมาจาก TikToker ที่ชื่อว่า Marisa Jo โดยเธอได้อธิบายไว้ว่ามันคือการที่เธอใช้เวลา 2-3 ชั่วโมงแรกของวันจันทร์ ไปกับการเขียนบันทึกหรือทำงานบ้าน เพื่อช่วยให้เริ่มการทำงานในสัปดาห์นั้นๆ ได้ง่ายขึ้น
โดยแนวคิดนี้ได้ถูกคิดค้นมาเพื่อให้พนักงานทุกคนเริ่มหันมาดูแลสุขภาพจิตของตัวเองบ้าง ผ่านการทำงานให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในวันจันทร์ เพื่อปรับสภาพจิตใจตัวเองหลังจากที่ผ่านวันหยุดสุดสัปดาห์มาแล้วต้องตื่นมาทำงานในวันรุ่งขึ้น
ซึ่งก็ต้องบอกว่าการทำงานให้น้อยที่สุดนี้ ไม่ใช่การละเลยหน้าที่ความรับผิดชอบของตัวเอง แต่เป็นการทำงานเฉพาะเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เรียกได้ว่ามีความคล้ายคลึงกับ Quiet Quitting เลยทีเดียว
แต่ต่างกันตรงที่ Bare Minimum Monday นั้นเป็นการรับมือกับ Monday Scaries หรือการเกลียดวันจันทร์ของคนทำงานในรูปแบบหนึ่ง เพราะโดยปกติแล้วพอเราตื่นมาจันทร์แล้วเห็นว่ามีรายการที่ต้องทำยาวเหยียดก็ไม่อยากลืมตาตื่นมาทำงานแล้ว ซึ่งจากการสำรวจคนกว่า 4,000 ในสหรัฐอเมริกาโดย YouGov ในปี 2021 พบว่า เกือบ 60% กล่าวว่า วันจันทร์เป็นวันที่พวกเขาชอบน้อยที่สุด
ซึ่งการเข้ามาของเทรนด์ Bare Minimum Monday นั้นจะช่วยให้เราลดงานที่ไม่จำเป็นออกและหันมาใส่ใจตัวเองได้มากขึ้น เพื่อให้เริ่มต้นสัปดาห์ทำงานได้อย่างรู้สึกสดชื่นขึ้นนั่นเอง
เพราะเราเร่งรีบเกินไปจนทำให้หมดไฟไม่รู้ตัว
เชื่อว่าพนักงานหลายคนอาจจะรู้สึกว่าความท้าทายอย่างหนึ่งของการทำงานคือ ช่วงเวลาแห่งความสุขในชีวิตการทำงานนั้นมีน้อยและหายากมากๆ เพราะเราอยู่ใน Hustle Culture หรือวัฒนธรรมธรรมการทำงานที่เร่งรีบ จนทำให้กลายเป็นคนบ้างานและไม่ค่อยมีเวลาให้กับตัวเอง
เพราะสังคมรอบข้างกดดันให้เราต้องตามทุกอย่างให้ทัน ถ้าเราหยุดเดินเมื่อไหร่ก็จะกลายเป็นว่าเราจะก้าวไม่ทันคนอื่น ทำให้เกิดความกดดันและก้าวเดินออกจากวัฒนธรรมนี้ได้ยาก ซึ่งผลสุดท้ายแล้วเราก็อาจจะหมดไฟในการทำงานไปได้ นี่จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เกิดเทรนด์ Bare Minimum Monday ขึ้นมา
เสี่ยงโดนไล่ออกแบบเงียบๆ?
ก่อนหน้านี้หลังจากที่มีกระแสคนรุ่นใหม่หันมาเลิกให้ค่ากับการทำงานหนัก ก็ทำให้เกิดกระแส “Quiet Firing” หรือการไล่ออกแบบเงียบๆ จากทางฝั่งบริษัทตามมาติดๆ ซึ่ง Quiet Firing มันก็คือการพยายามบีบพนักงานเรื่อยๆ จนเขาเหล่านั้นยอมลาออกไปเองนั่นเอง
แล้วพอ Bare Minimum Monday กลายเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงในที่ทำงาน จะทำให้หลายคนที่ทำตามเทรนด์นี้เสี่ยงโดนไล่ออกแบบเงียบๆ หรือไม่? ก็อาจจะไม่ เพราะอย่างที่บอกไปว่าการทำงานน้อยๆ ในวันจันทร์ไม่ได้หมายความว่าเราละเลยหน้าที่สำคัญของตัวเองไป เพียงแค่เราหันมาให้ความสำคัญกับตัวเองก่อนในช่วงเริ่มต้นสัปดาห์ หลังจากนั้นก็จัดลำดับความสำคัญของการทำงานให้เหมาะกับตัวเอง แล้วทำงานตามปกติต่อไป
ตัวอย่างการทำ Bare Minimum Monday จาก Marisa Jo
[ ] ตอนเช้าๆ เขียนบันทึกประจำวันและจัดการงานต่างๆ ในบ้านให้เรียบร้อย
[ ] หนึ่งชั่วโมงต่อมาก็ทำสิ่งที่ชอบซึ่งเกี่ยวข้องกับงานของตัวเอง
[ ] พักกลางวันตามอัธยาศัย
[ ] พอพักเสร็จก็กลับมานั่งที่โต๊ะทำงาน และเริ่มทำงานหลักของตัวเอง
เมื่อทำเช่นนี้แล้วจะทำให้วันจันทร์ของเราสั้นลง เพราะเราโฟกัสไปที่งานที่ทำจริงๆ ได้ ผลสุดท้ายแล้วประสิทธิภาพการทำงานของเราก็อาจจะเท่ากับวันที่ทำงานเต็มๆ 8 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม Bare Minimum Monday ไม่สามารถใช้ได้กับทุกคน เพราะแต่ละคนมีหน้าที่ความรับผิดชอบและมีความยืดหยุ่นในการทำงานที่แตกต่างกันออกไป แต่การหันมาให้ความสำคัญกับตัวเองบ้างก็ถือเป็นกุญแจสำคัญที่อาจช่วยลดอาการหมดไฟในการทำงานของเราได้
อ้างอิง
– Millennials’ workplace trend ‘Bare Minimum Mondays’ tackles ‘burnout’ of ‘hustle culture,’ TikToker says : Bailee Hill, Fox News – http://bit.ly/3EYcNNK
– ‘Bare Minimum Monday’ Is The Newest TikTok Trend Of Quiet Quitting And Cyberloafing Throughout The Work Day : Pavlo Gonchar, Forbes – http://bit.ly/3SSvGHw