8 นิสัยแย่ๆ ยิ่งทำยิ่งมีแต่เสียสมาธิ

1643
การกระทำเล็กๆ น้อยๆ ที่เราคิดว่า ‘ไม่เป็นไร’ สุดท้ายจะกลายเป็นนิสัยแย่ๆ ที่ส่งผลต่อชีวิตของเราอย่างไม่น่าเชื่อ
 
ในช่วงเวลาก่อนสิ้นปีนี้ จึงเป็นโอกาสดีที่เราจะได้ทบทวนตัวเอง ว่าเรามี ‘นิสัยแย่ๆ’ ติดตัวอยู่หรือเปล่า ถ้าข้อไหนที่คุณตอบว่า ‘ใช่’ ก็ขอให้ลด ละ และเลิกทำจะดีที่สุด เพราะเจ้านิสัยเล็กๆ เหล่านี้เองที่เป็นอาวุธทำลายสมาธิในการทำงานของคุณอย่างร้ายกาจ
 
ก่อนความล้มเหลวจะมาถึง เช็กให้ดีว่าคุณยังมีนิสัยแย่ๆ ทั้ง 8 ข้อนี้อยู่ไหม?
 
1. กดดูมือถือตลอดเวลา
รู้หรือไม่ว่า 99% ของการพยายามเช็กนู่นนี่ในมือถือ เป็นเพราะคุณอยากหลีกเลี่ยงการคิดงานที่กำลังทำอยู่ เสมือนการปลอบตัวเองว่าเรามีเรื่องสำคัญอื่นๆ แทรกเข้ามาและต้องทำก่อน แต่จริงๆ แล้วงานตรงหน้าต่างหากที่สำคัญที่สุด และถึงแม้ว่าสิ่งที่แจ้งเตือนมาในมือถือจะเป็นเรื่องสำคัญ แต่คุณต้องจัดลำดับมันไว้รองลงไป เพราะการที่คุณเลือกหยิบงานปัจจุบันมาทำก่อน แสดงว่าสิ่งนี้สำคัญที่สุดแล้ว
 
2. ได้ยินแต่ไม่ได้ฟัง
ผู้ฟังมีอยู่สองประเภท แบบแรกคือคนที่นั่งตรงข้ามคุณ เงียบ และคิดตามทุกคำที่คุณพูด ส่วนอีกประเภทคือคนที่นั่งตรงข้ามคุณ เงียบ และล่องลอยไปกับความคิดอื่นๆ ของตัวเอง — อย่าเป็นคนในแบบที่สอง เมื่อต้องฟังใครพูดก็ตาม พยายามเคลียร์เรื่องต่างๆ ในหัวทิ้งไป และโฟกัสกับบทสนทนาให้ดีที่สุด  เพราะไม่มีอะไรทำลายพลังในการทำงานได้ มากกว่าการเสียเวลาไปกับการสนทนาแต่ไม่มีคนฟัง
 
3. ทำหลายอย่างพร้อมกัน
เรามักคิดว่า Multitask คือการทำสองอย่างในเวลาเดียว แต่จริงๆ แล้ว มันหมายถึงการพยายามทำกิจกรรมสองอย่างที่ ‘ใกล้เคียงกัน’ ไปพร้อมๆ กัน เพื่อลดเวลาลง ดังนั้น การที่คุณประชุมไปด้วย และตอบอีเมลไปด้วยนั้นไม่ใช่ Multitask แต่คุณกำลังทำเรื่องที่เป็น ‘หายนะ’ เพราะคุณกำลังหลุดจากโฟกัสในทุกงานที่ทำ แน่นอนว่าจะส่งผลให้งานไม่มีคุณภาพเท่าที่ควร
 
ลองปรับตัวเองใหม่ เริ่มต้นจากการเลือกงานที่ใกล้เคียงกัน หรือทำต่อกันได้ แล้ววางแผนวิธีทำให้ดี จากนั้นใช้เวลากับมันอย่างเต็มที่โดยไม่หยิบงานอื่นขึ้นมาทำแทรกจนกว่าจะเสร็จ คุณจะได้ฝึก Multitask ที่แท้จริง
 
4. ทำงานไปดูซีรีส์ไป
ในบทความอ้างอิงนั้นพูดถึงการทำงานไปดูทีวีไป แต่ตอนนี้เราอาจไม่ค่อยดูทีวีกันแล้ว แต่หันมาดูซีรีส์หรือรายการต่างๆ ทางสมาร์ทโฟนแทน ซึ่งเคลื่อนย้ายตามเราไปได้ทุกที่ และแน่นอนว่าเป็นเครื่องมือชั้นดีในการแย่งสมาธิของเราไปจากงาน! พยายามแบ่งเวลาให้เป็น ให้ตัวเองได้อยู่กับความเงียบ เพื่อพุ่งความคิดไปยังงานที่ทำ ไม่ใช่เหลือบตามองจอมือถือสลับกับจอคอมพิวเตอร์ ยิ่งงานเสร็จไว คุณยิ่งมีเวลามานอนดูซีรีส์แบบสบายๆ ได้เต็มๆ
 
5. อยู่ในสภาพแวดล้อมที่กินพลังงาน
เรื่องนี้ต้องถามตัวเองดีๆ ว่าสมาธิเราแข็งแกร่งพอจะทำงานในสถานที่ที่มีคนมากมายรายล้อมหรือเปล่า บางคนอาจทำได้สบายมาก และชอบนั่งทำงานในร้านกาแฟเป็นประจำ แต่กับบางคน แค่มีเพื่อนอยู่ด้วยก็ทำงานไม่ได้แล้ว ถ้าหากคุณเป็นคนประเภทหลัง อย่าพยายามฝืนตัวเองด้วยการทำงานในสภาพแวดล้อมที่ไม่เงียบสงบ เพราะมันจะกินพลังงานของคุณอย่างมาก และสุดท้ายก็จะไม่ได้งานอยู่ดี
 
6. ร่วมงานกับคนขี้เกียจ
ข้อนี้อาจต้องแยกเป็นสองประเด็น — อย่างแรก การทำงานกับคนขี้เกียจที่หมายถึงคนขี้เกียจจริงๆ คนที่ไม่อยากคิด ไม่อยากทำ เวลาประชุมก็ชอบวอกแวก พาออกนอกประเด็นบ่อยๆ คนแบบนี้ยิ่งทำงานด้วยยิ่งทำให้เสียสมาธิ
 
อีกประเด็นคือคนที่ไม่พร้อมจะโฟกัสอยู่กับทีม เขาอาจมีงานส่วนตัวที่ยังไม่เสร็จ หรืออะไรก็ตาม ทำให้ไม่พร้อมเบรนสตรอม ซึ่งพาให้คนอื่นๆ หงุดหงิดและเสียสมาธิได้ ถ้าหากจำเป็นต้องทำงานร่วมกับคนงานยุ่ง อาจตั้งกติกาห้ามนำงานอื่นขึ้นมาทำจนกว่าจะจบประชุม
 
7. ไม่ยอมเตรียมตัว
ถ้าคุณยังชอบทำงานเอาดาบหน้า คุณอาจต้องเปลี่ยนตัวเองโดยด่วน หรือการทำงานวันต่อวันโดยไม่มีการเตรียมตัววางแผน ก็เป็นสิ่งอันตรายเช่นกัน บางคนอาจจะทำงานตาม ‘ฟีล’ คือถ้ารู้สึกอยากทำก็ค่อยหยิบงานมาทำ แบบนี้มีแต่เสียกับเสีย ลองวางแผนและทำตามเวลาที่กำหนด คุณจะพบว่าความ Productive ที่แท้จริงเกิดจากการบริหารเวลาที่ดี โดยไม่ต้องรอให้มีอารมณ์ทำงานอีกต่อไป
 
8. เปิดเสียงแจ้งเตือน
ข้อนี้เชื่อมโยงกับข้อแรกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และต้องยอมรับว่าเสียงแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันทั้งมือถือและคอมพิวเตอร์นั้นดึงความสนใจของเรา (และคนในทีม) ได้ตลอดเวลา ดังนั้น คุณควรปิดเสียงแจ้งเตือนซะ เพื่อไม่ให้รบกวนตัวเองและผู้อื่น
 
และไม่ใช่แค่ตอนทำงานเท่านั้น ถ้าหากเป็นช่วงเวลาพักผ่อน คุณก็สามารถชาร์จตัวเองให้สดชื่นได้อย่างรวดเร็ว….แค่เพียงปิดการแจ้งเตือนเช่นกัน
 
อ้างอิง: https://bit.ly/34H0jI3
 
Advertisements