แต่เพื่อนร่วมทีมจะต้องมีทักษะที่หลากหลาย มีพื้นฐานการทำงานที่แตกต่างกัน และเข้าใจตรงกันถึงผลประโยชน์ที่จะช่วยให้ทีมสามารถมองเห็นถึงความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น หรือเสนอแนวคิดใหม่ๆ เพื่อแก้ปัญหาที่สลับซับซ้อนนี้ได้ หรือพูดง่ายๆ คือ การสนับสนุนให้ทุกคนตั้งคำถามได้ทุกรูปแบบอาจช่วยเพิ่มโอกาสในการเห็นความเสี่ยงและทางออกของปัญหาได้ดีขึ้น
แต่หากไม่มีข้อมูลดังกล่าว ก็อาจใช้แบบสำรวจง่ายๆ เพื่อศึกษาพฤติกรรมของพวกเขา เช่น การทำแบบสำรวจความพึงพอใจ 5 ระดับ (1 = ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง ถึง 5 = เห็นด้วยอย่างยิ่ง) ลบกับข้อความ เช่น มีความรู้สึกร่วมถึงวัตถุประสงค์ของทีมแค่ไหน มีความเชื่อใจทีมแค่ไหน และเพื่อนร่วมงานให้เครดิตในงานของผู้อื่นมากแค่ไหน
โดยนอกจากจะช่วยให้ผู้นำรู้ถึงความสัมพันธ์ของคนในทีมผ่านค่าบวกและลบแล้ว ยังช่วยให้เขาสามารถ ตระหนักถึงพฤติกรรมที่อาจมีผลแง่ลบกับทีมได้ โดยเฉพาะพฤติกรรมที่มักไม่ถูกแสดงออกในช่วงเวลาปกติ
หากเป็นองค์กรขนาดใหญ่ อาจใช้วิธีการจัดเซคชันเล็กๆ เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนกับพวกเขา ซึ่งนอกจากจะช่วยให้หัวหน้าเข้าใจว่าพนักงานกำลังเผชิญกับอะไรแล้ว ยังสามารถระบุความเสี่ยงทั้งทางกายและสภาพจิตใจ เพื่อหาทางออกที่ดีร่วมกันได้
โดยผู้นำต้องพยายามเสริมสร้างความมั่นใจให้กับเหล่าพนักงาน ซึ่งคุณอาจจะต้องพูดซ้ำๆ แม้อุดมการณ์นั้นจะไม่เปลี่ยน เพราะด้วยความเป็นไปของโลก พนักงานจำเป็นต้องรู้ว่าทิศทางที่คุณเคยพูดออกมานั้นยังคงหนักแน่นเหมือนเดิม
เพราะถ้าเป็นแบบแรก คุณจะต้องมั่นใจว่าตัวเองสามารถกลับมาเป็นปกติได้โดยเร็ว แต่ถ้าเป็นแบบหลังคุณควรฟังมุมมองของเพื่อนร่วมงานคนอื่นด้วย เช่น ลองถามพวกเขาว่าสังเกตเห็นอะไรตอนที่คุณกำลังตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้น เพื่อการรับรู้ถึงพฤติกรรมของกันและกัน สามารถช่วยกันปรับแก้ จนท้ายที่สุดให้การทำงานกลับมาราบรื่นดังเดิม หรือมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้
ฉะนั้น อาจต้องพึ่งจุดแข็งของเราหรือคนในทีมมาปรับปรุงการทำงานร่วมกัน เช่น หากคุณเป็นคนชอบทำงานร่วมกับผู้อื่น ลองใช้ความกระตือรือร้นเท่าที่มีกระตุ้นพลังบวกของพวกเขา ให้อยากที่จะมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนงานไปด้วยกัน
ส่วนคนที่ชอบทำงานคนเดียว ทำงานได้ดีและมีประสิทธิภาพเมื่อได้อยู่กับตัวเอง ก็สามารถสร้างแรงกระตุ้นให้คนในทีมอยากที่จะจดจ่อกับงานมากขึ้นได้ แต่ผู้นำจำเป็นต้องหมั่นสังเกตพวกเขาแล้วมาบอกกับคนอื่นๆ ถึงวิธีการที่คนเหล่านี้ทำ
หรือง่ายๆ เลย ไม่มีใครไม่ชอบ “คำชม” ลองหาจุดแข็งของเขามาชื่นชมบ้าง (ต้องระวังไม่ให้บ่อยไป) และการดึงจุดแข็งของแต่ละคนมาใช้ให้ถูกที่ถูกเวลาย่อมนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีในทางธุรกิจ
ซึ่งไม่ใช่ว่าไม่ดี แต่มันอาจสะท้อนถึงการสนับสนุนคนเพียงไม่กี่คนเพื่อชัยชนะของทั้งองค์กร
ดังนั้น ผู้นำอาจใช้ช่วงเวลานี้ จัดโครงสร้างองค์กร เพิ่มการสนับสนุนทีมงาน และส่งเสริมให้สมาชิกในทีมบรรลุเป้าหมายไปพร้อมๆ กันได้ โดยไม่ให้เกิดไซโล (Silo) ในที่ทำงาน เช่น การให้ค่าตอบแทน หรือการเพิ่มแรงจูงใจ