อีก 1 เดือนจะปีใหม่แล้ว!
ตอนนี้พวกเราทุกคนได้ตบเท้าเข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี 2022 อย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับเดือนธันวาคมนี้คงเป็นเดือนโปรดของใครหลายๆ ตั้งแต่บรรยากาศของการเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสไปจนถึงการเคานต์ดาวน์สู่ปีใหม่ ที่ตลบอบอวลไปด้วยแสงสี ของขวัญ ความรัก หรือวันหยุดมากมาย ที่ล้วนแต่สร้างรอยยิ้มและความทรงจำดีๆ ที่ผู้คนมากมาย ต่างเฝ้ารอกันมาทั้งปี
แต่ขณะเดียวกัน ท่ามกลางบรรยากาศของการเฉลิมฉลองช่วงเวลาสิ้นปีแบบนี้นั้น มันก็เป็นการชวนให้เรามองย้อนกลับไปมองชีวิตของตัวเองตลอดทั้ง 11 เดือนที่ผ่านมา ว่าตลอดทั้งปีนั้นตัวเราได้ทำอะไรลงไปบ้าง ได้ทำตามความฝัน ได้พัฒนาตัวเอง หรือแม้กระทั่งได้ทำตามปณิธานปีใหม่ (New Year resolution) ที่เคยตั้งใจเอาไว้ได้มากแค่ไหน
เมื่อผู้คนมองย้อนกลับไปและพิจารณาถึงความสำเร็จและความล้มเหลวของตัวเอง บ่อยครั้งคนเรามักใจร้ายกับตัวเองมากเกินไป ด้วยการมองข้ามความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ ของตัวเอง แต่ดันไปตัดสินคุณค่าของตัวเองด้วยความล้มเหลวตลอดทั้งปีเพียงอย่างเดียว ส่งผลให้หลายคนตกอยู่ในความหดหู่หม่นหมอง เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับความล้มเหลว แทนที่จะรู้สึกกระปรี้กระเปร่าด้วยความสุขหรือความตื่นเต้นในเทศกาลสิ้นปี
อย่างไรก็ตาม การที่เราไม่สามารถทำตามเป้าหมายหรือปณิธานปีใหม่ที่เราเคยตั้งไว้ได้นั้นก็ไม่แปลว่าเราจะกลายเป็นล้มเหลวแต่อย่างใด บางที 11 เดือนที่ผ่านมาอาจมีปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้มากมายเข้ามาในชีวิตจนทำให้เราไม่สามารถทำอะไรได้ดั่งใจหวัง เพราะฉะนั้นแล้วการมัวแต่นั่งระทมทุกข์ต่อไปเราก็กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อยู่ดี ชีวิตต้องเดินไปข้างหน้า โดย Kevin Daum คอลัมนิสต์จาก Inc ผู้เขียนหนังสือยอดขายอันดับหนึ่งของ Amazon ได้แนะนำวิธีการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จาก 31 วันสุดท้ายของปีให้ได้มากที่สุดไม่ว่าเราจะมีปีที่ดีหรือแย่แค่ไหนก็ตาม
ดังนั้น สำหรับใครก็ตามที่อยากจะเตรียมพร้อมต่ออุปสรรคต่างๆ ที่คิดว่าตัวเองจะต้องเผชิญหน้าและก้าวผ่านไปให้ได้ในปีหน้า ลองเริ่มทำตามคำแนะนำเหล่านี้ เพื่อให้อีก 31 วันที่เหลืออย่างมีโปรดักทีฟและมีคุณค่ากันเถอะ
1. รีวิวผลงานของตัวเองตลอดทั้งปี
รีวิวผลงานของตัวเองใน ณ ที่นี้ไม่ได้หมายถึงผลงานในหน้าที่การงานเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการรีวิวตัวเองในทุกแง่มุมของชีวิตว่าที่ผ่านมาทั้ง 11 เดือนในปี 2022 ว่าเราได้ทำอะไรลงไปบ้าง ได้บรรลุเป้าหมายที่เคยตั้งเอาไว้มากแค่ไหน จงซื่อสัตย์กับตัวเองว่าเป้าหมายใดที่สำเร็จหรือไม่สำเร็จและตรวจสอบอย่างละเอียดว่าทำไมผลลัพธ์ถึงเป็นอย่างนั้น ให้จำไว้ว่าเราไม่จำเป็นต้องแชร์การรีวิวตัวเองให้ใครดู ที่สำคัญก็คืออย่ามองข้ามสิ่งดีๆ หรือความสุขเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตเรานั้น ก็ล้วนเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยพัฒนาให้เรากลายเป็นตัวเองได้อยู่ในทุกวันนี้นั่นเอง
2. เก็บตกเป้าหมายที่ยังพอทำให้สำเร็จได้
หลังจากที่เราได้ทำการทบทวนเป้าหมายของตัวเองและซื่อสัตย์กับตัวเองว่าสิ่งใดบ้างที่เราทำสำเร็จหรือล้มเหลวอย่างตรงไปตรงมาแล้ว มาลองดูกันว่า เราจะทำอะไรได้บ้างภายใน 31 วันที่เหลือนี้ เพื่อบรรลุเป้าหมายที่เราเคยตั้งเอาไว้และลงมือทำมัน บางทีเราอาจจะเริ่มเข้าฟิตเนสออกกำลังกายตั้งแต่ตอนนี้เลยก็ได้ อาจจะเริ่มหยิบหนังสือจากกองดองมาอ่านให้จบสักเล่มหรือแม้กระทั่งเริ่มทำกับข้าวกินเองให้มากขึ้น มันไม่สำคัญหรอกว่าเราจะเริ่มลงมือช้ากว่าที่กำหนดไว้ เพราะสุดท้ายเราก็ได้ผ่านก้าวแรกที่ยากที่สุดไปแล้วซึ่งก็คือการ “เริ่มต้น”
บางทีเราอาจแปลกใจด้วยซ้ำว่าเป้าบางเป้าหมายที่เราเคยใส่ไว้ในปณิธานปีใหม่นั้นอาจจะทำให้สำเร็จด้วยภายในเวลาเพียงเดือนเดียว ที่พบว่าเราสามารถบรรลุเป้าหมายที่เราเคยตั้งไว้ได้มากเพียงใดภายในเวลาเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น หรือ
3. ตั้งเป้าหมายระยะสั้นที่คิดว่าทำได้จริง
หลังจากที่เราลองมาทบทวนดูแล้วว่ามีเป้าหมายเก่าข้อไหนที่เราพอจะสามารถทำได้อยู่ ให้เราลองย่อยเป้าหมายเหล่านั้นมาเป็นเป้าหมายระยะสั้นที่สามารถทำได้จริงภายในเวลา 7 วันข้างหน้าอย่างเช่น นั่งสมาธิวันละ 15 นาทีหรือการเขียนบันทึกประจำวันให้ได้อย่างน้อยวันละประโยค ซึ่งถึงแม้ว่าเราจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายเดิมที่เราตั้งใจจะทำให้ได้อย่างสมบูรณ์ แต่อย่างน้อยการเริ่มต้นความโปรดักทีฟเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ ก็เป็นเหมือนการวอร์มร่างกายของเราให้พร้อมต่อเป้าหมายใหม่ๆ ในปีหน้า แถมยังเป็นการช่วยให้เราจบปีนี้ด้วยความภูมิใจด้วยว่าอย่างน้อยเราก็ไม่ใช่ชีวิตเดือนสุดท้ายไปอย่างสูญเปล่าอีกด้วย
4. ทบทวนความคืบหน้าในแต่ละสัปดาห์
ตลอดเวลาทั้ง 4 สัปดาห์ที่เหลือนี้ ในทุกสัปดาห์ ให้เราหมั่นทบทวนความคืบหน้าของเป้าหมายระยะสั้นที่เราตั้งไว้ลองมาดูว่าเราสามารถทำได้สำเร็จไปมากน้อยแค่ไหน สัปดาห์นี้ลงมือทำไปได้เท่าไหร่ เราจำเป็นต้องพิจารณาเป้าหมายของเราใหม่หรือไม่? แม้ว่าเราจะพลาดเป้าไปบ้าง แต่ก็อย่าทิ้งเป้าหมายของเราไปทั้งหมด พยายามปรับเป้าหมายของเราภายในเวลาที่เหลืออยู่เพื่อให้เรานั้นยังมีกำลังใจในการบรรลุเป้าหมายให้สำเร็จ สำคัญที่สุดคืออย่าล้มเลิกกลางคันโดยเด็ดขาด
5. อย่าลืมที่จะผ่อนคลายและมีความสุข
ไม่ว่าตลอดทั้งปีนี้เราจะมองว่าตัวเองล้มเหลวขนาดไหน แต่มันก็ไม่มีทางที่ตลอดทั้ง 11 เดือนที่ผ่านมาจะมีแค่เรื่องเลวร้ายเพียงอย่างเดียว เพราะว่าเรายังคงมีชีวิตอยู่ เรายังคงอยากที่จะสู้เพื่อพัฒนาตัวเอง และพร้อมที่จะเอนจอยเทศกาลต้อนรับปีใหม่ด้วยรอยยิ้มและความสุข อย่าลืมที่จะเฉลิมฉลองสิ่งที่เราประสบความสำเร็จไม่ว่ามันจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวและเพื่อนสนิทให้เต็มที่ เพราะการที่เราสามารถห้อมล้อมตัวเองที่คนเรารักและรักเรากลับได้นั้นก็มีค่ามากพอให้เฉลิมฉลองอย่างสุดเหวี่ยงได้แล้ว
ท้ายที่สุดนี้ อย่าลืมว่าเป้าหมายทั้งหมดที่เราอยากจะทำให้สำเร็จนั้นควรจะเป็นแรงขับเคลื่อนภายในใจเราอย่างแท้จริง เช่น ถ้าหากเป้าหมายของเราคืออยากจะออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักนั้นควรจะมีจุดเริ่มต้นมาจากความต้องการที่จะมีรูปร่างที่ดีและสุขภาพที่ดีเพื่อความสุขของตัวเอง มากกว่าการเห็นเพื่อนๆ ลงสตอรีในโซเชียลมีเดียแล้วเกิดอยากจะทำตามขึ้นมาด้วยความอิจฉา เพราะสุดท้ายคนที่จะได้ประโยชน์จากการพัฒนาตัวเองมากที่สุดนั้น ก็คือตัวเราเองคนเดียว
แปลและเรียบเรียง:
– Don’t let the last few weeks of the year slip away. Follow this process to squeeze out maximum productivity : Kevin Daum, Inc – http://bit.ly/3AwkubB
#selfdevelopment
#softskill
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast