(เป็น Sponsor Post ที่เต็มไปด้วยสาระเช่นเคยครับ)
คุณอาจจะเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับ ระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ต่างๆ (automated, robotic) ที่ทำงานในคลังสินค้าแบบอัจฉริยะ (Smart Warehouse) มาบ้างไม่มากก็น้อย ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้ทำงานอยู่ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเหล่านั้นเลยก็ตามที
แต่ไม่ว่าคุณจะทำงานอยู่ในอุตสาหกรรมไหน ตำแหน่งใดก็ตาม ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความเป็นจริงที่ว่า เทคโนโลยีเหล่านี้ยังคงเดินหน้าสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับโลกของเรา ไม่ว่าจะในทางตรงหรือทางอ้อม และจะยิ่งมีความซับซ้อนก้าวหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งดูแล้วน่าจะมีความเป็นไปได้สองทางที่อาจจะเกิดขึ้นกับคุณ คือ 1) เข้ามาแทนที่งานที่คุณทำอยู่ หรือ 2)ให้มันนำพาเราเข้าสู่โลกใบใหม่ที่ดีมากขึ้นกว่าเดิม และนี้จึงเป็นที่มาของสถิติที่น่าสนใจ ที่เราจะมาพูดถึงกันวันนี้ครับ
5 ตัวเลขสถิติที่น่าสนใจเกี่ยวกับระบบคลังสินค้าอัจฉริยะ (Smart Warehouse)
1. ข้อมูลจากผลสำรวจของ westernacher-consulting ในปี 2016 พบว่าคลังสินค้าในสหรัฐอเมริกามากกว่า 10% ใช้ระบบคลังสินค้าอัตโนมัติอยู่แล้ว (ตัวเลขนี้น่าเพิ่มขึ้นมากแล้วใน ปี 2019)
บ่อยครั้งเวลาที่ผู้คนคิดถึง คลังสินค้าแบบอัจฉริยะ (Smart Warehouse) พวกเขามักคิดว่ามันเป็นอนาคตที่อยู่ไกลตัว นึกไม่ออกว่าทุกอย่างมันจะถูกดำเนินการโดยอัตโนมัติได้อย่างไร แต่ความจริงแล้วเทคโนโลยีอัตโนมัติมีอยู่แล้วในคลังสินค้าที่ทันสมัยหลายๆ แห่งบนโลกใบนี้
2. ในปี 2016 ตัวเลขยอดขายของเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติต่างๆ ที่เกี่ยวกับคลังสินค้า (robotics, logistics) ทั่วโลก มีมูลค่าสูงถึง 1.9 พันล้านเหรียญ และภายในสิ้นปี 2021 มีการคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 22.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ
3. มีการจัดส่งเทคโนโลยีอัตโนมัติสำหรับคลังสินค้ากว่า 40,000 ยูนิตทั่วโลกในปี 2016 และในปี 2021 ที่จะมาถึงนี้ มีการคาดการณ์ว่าจะพุ่งสูงมากถึง 620,000 ยูนิต ต่อปี
4. จากข้อมูลการสำรวจของ hbr.org พบว่าด้วยเทคโนโลยีของหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ (Robotics and automation) สามารถเพิ่ม productivity ของแรงงานได้ประมาณ 0.35% ต่อปี อาจจะฟังดูเป็นตัวเลขที่ไม่เยอะมากนัก แต่ถ้าหากเทียบกันแล้วก็อยู่ในค่าที่ใกล้เคียงกันของผลกระทบที่เคยเกิดขึ้นจากเครื่องจักรไอน้ำในปี 1850 ถึง 1910 ซึ่งอยู่ที่ 0.34%
แต่เนื่องด้วยเทคโนโลยีเหล่านี้ถูกนำไปใช้อย่างต่อเนื่องมากขึ้นเรื่อยๆ ในหลากหลายอุตสาหกรรม จึงมีความเป็นไปได้ว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าผลกระทบของเทคโนโลยีใหม่นี้จะส่งผลกระทบมากกว่าช่วงปฏิวัติอุตสาหกรรมเสียอีก
5. ระบบจัดเก็บและเรียกคืนสินค้าอัตโนมัติ (AS / RS) สามารถช่วยเพิ่มความแม่นยำของการจัดการคำสั่งซื้อที่ได้รับมากถึง 99.99%
เรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญมากในยุคที่ลูกค้าต้องการบริการที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคงไม่พอใจแน่ๆ ถ้าของที่สั่งไปกับของที่มาส่งไม่ตรงกัน ดังนั้นการใช้ AS/RS จะสามารถช่วยลดข้อผิดพลาดที่เกิดจากคน (Human error) ได้มากเลยทีเดียวครับ
OfficeMate Automated Warehouse
กลับมาที่บ้านเรา ผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์สำนักงานและสินค้าเพื่อธุรกิจรายใหญ่ที่เรียกได้ว่าเป็น Top of Mind อย่าง ออฟฟิศเมท ที่เหล่าบรรดาคนออฟฟิศน่าจะรู้จักคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ก็มีการทุ่มงบลงทุนในเรื่องนี้กว่า 1,000 ล้านบาท
เพื่อยกเครื่องคลังสินค้าและระบบการจัดส่ง สร้างคลังสินค้าอัจฉริยะ (Automated-Warehouse) เพิ่มประสิทธิภาพพร้อมลุยในตลาด B2B E-Commerce แบบเต็มรูปแบบ เรามาส่องกลยุทธ์กันหน่อยครับว่า ลงทุน 1,000 ล้าน ออฟฟิศเมทเพิ่มอะไร แล้วลูกค้าจะได้อะไร
คลังสินค้าดีขึ้น ก็เพิ่มไลน์สินค้าได้มากขึ้น
แม้ว่าในวันนี้ออฟฟิศเมทเองจะมีสินค้ากว่า 20,000 รายการ แต่ก็ยังไม่หยุด พร้อมเดินหน้ารองรับธุรกิจเฉพาะทาง เพิ่มไลน์สินค้าอีกกว่า 5,000 รายการ เพื่อที่จะตอบโจทย์ลูกค้าที่อยู่ในธุรกิจโรงงานและอุตสาหกรรม รวมไปถึงกลุ่มธุรกิจ HORECA (โรงแรม, ร้านอาหาร, ค่าเฟ่และจัดเลี้ยง) ที่วันนี้มีมูลค่าตลาดรวมกว่า 1 ล้านล้านบาท
สร้างประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อ
ผู้บริโภคเปลี่ยน ออฟฟิศเมทก็ต้องเปลี่ยน คงเป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าทุกวันนี้ ทุกธุรกิจต้องมีช่องทางในการเข้าถึงที่หลากหลาย เพราะตอนนี้ผู้บริโภคไม่ได้ตัดสินใจซื้อของจากช่องทางใด ช่องทางหนึ่งเหมือนในอดีตอีกต่อไป การผสานข้อมูลทั้งจากออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกันเท่านั้น ที่จะตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุค O2O ได้ (Offline to Online / Online to Offline)
และก็ดูเหมือนว่าออฟฟิศเมทจะเข้าใจเทรนด์ของเรื่องนี้เป็นอย่างดีจึงพยายามที่จะผลักดัน Omni-Channel ให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งสร้างช่องทางการช้อปที่หลากหลายมาก ทั้ง officemate.co.th, OfficeMate Mobile App, Chat & Shop ผ่าน Line@: OfficeMate หรือผ่านระบบจัดซื้อออนไลน์สำหรับองค์กรอย่าง OfficeMate e-Procurement
และที่สำคัญสำหรับหน้าร้านของออฟฟิศเมทเอง หากไม่มีสินค้าวางโชว์ก็สามารถแจ้งพนักงานให้จัดส่งตามไปถึงบ้านได้เลย คือเป็น O2O อย่างแท้จริง และสิ่งเหล่านี้นี่เองที่ออฟฟิศเมทบอกว่า จะช่วยสร้างประสบการณ์การช้อปแบบไร้รอยต่อให้กับลูกค้า
ความพึงพอใจที่มากขึ้น
แน่นอนในการลงทุนกว่า 1,000 ล้าน ในครั้งนี้ ออฟฟิศเมทได้คลังสินค้าอัฉริยะแห่งใหม่ ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 45 ไร่ ทำให้สามารถรองรับสต็อกสินค้าที่ตรียมจัดส่งได้มากกว่าเดิมถึง 5 เท่า และยังใช้เทคโนโลยีแบบอัตโนมัติ (automation) ตั้งแต่กระบวนการขึ้นรูปกล่องสินค้าอัตโนมัติ การจัดเตรียมสินค้าจากรายการสั่งซื้อ โดยใช้เทคโนโลยีแขนกลอัจฉริยะในการเลือกสินค้าตามรายการสั่งซื้ออย่างแม่นยำ พร้อมรองรับการสั่งซื้อที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้สินค้าถูกส่งถึงมือลูกค้าอย่างรวดเร็วและถูกต้อง
ทั้งหมดนี้ก็เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า B2B ตามความตั้งใจของออฟฟิศเมทที่ว่า “คำสั่งซื้อของคุณ คือคำสัญญาของเรา”
ท้ายที่สุดแล้วผมขอยกคำพูดของ David Karp ผู้ก่อตั้ง Tumblr ที่กล่าวไว้ว่า
“เทคโนโลยีปัจจุบัน ทำให้งานยากๆ ง่ายขึ้นหลายเท่าตัว แค่เรารู้จักใช้มัน”
สัมผัสประสบการณ์การช้อปสินค้าอุปกรณ์สำนักงาน
แบบไร้รอยต่อด้วยตัวได้ที่
www.facebook.com/officemate.co.th
Live Chat on www.officemate.co.th
Line: @OfficeMate (มี@)
อ้างอิง:
https://westernacher-consulting.com/wp-content/uploads/2017/11/Whitepaper_Trend_to_Automation_FINAL_s.pdf
https://www.tractica.com/research/warehousing-and-logistics-robots/
https://hbr.org/2015/06/robots-seem-to-be-improving-productivity-not-costing-jobs
https://www.tractica.com/newsroom/press-releases/warehousing-and-logistics-robot-shipments-will-reach-620000-units-annually-by-2021/
