เรื่องราวสุดประทับใจของ Tyler Reks จากนักมวยปล้ำชื่อดัง สู่การเป็นสาวข้ามเพศ

429
แกบบี ทูฟต์ (Gabbi Tuft) หรือชื่อในวงการ ไทเลอร์ เร็กซ์ (Tyler Reks) เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะนักมวยปล้ำให้กับให้ WWE หรือสมาคมมวยปล้ำอาชีพที่ใหญ่ที่สุดของยุค เกิดเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 1978 ปัจจุบันอายุ 42 อดีตแชมป์ฟลอริดา เฮฟวี่เวท 1 สมัย
 
แล้วอยู่มาวันหนึ่ง ไทเลอร์ เร็กส์ ก็ออกมาประกาศตัวว่าเขาเป็น Trangender หรือผู้หญิงข้ามเพศ ฟังดูในยุคสมัยนี้อาจจะไม่แปลกที่คนเราจะค้นพบความชอบของตัวเองในด้านต่างๆ รวมถึงเรื่องเพศด้วย แต่ที่ ไทเลอร์ เร็กซ์ ทำนั้นกล้าหาญกว่านั้น เพราะเขาเองมีครอบครัว มีภรรยาที่อยู่ด้วยกันมามากว่า 23 ปี และมีลูกสาวด้วยกัน 1 คน
 
ไทเลอร์ เร็กซ์ ประกาศเลิกปล้ำไปในปี 2012 ด้วยเหตุผลที่อยากให้เวลากับครอบครัว เพราะตอนนั้นเขาพึ่งจะมีลูกสาวคนแรกกับภรรยาที่มีชื่อว่า พริสซิล ทูฟต์ และลูกสาวสุดน่ารักชื่อว่าน้อง มีอา หลังจากที่ลาออกจากวงการนักมวยปล้ำ เขาผันตัวมาเป็นนักเพาะกาย นักแข่งรถ เทรนเนอร์ฟิตเนส ให้คำแนะนำออกกำลังกาย และนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ
 
ไทเลอร์ เร็กซ์เล่าให้ฟังว่า หลังจากแต่งงานมีลูกด้วยกัน 1 คน เขาก็ไม่ได้มีอะไรกับภรรยาของเขาอีกเลย เพราะเขารู้ตัวดีว่า เขาไม่ได้ชอบผู้หญิง มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากมากๆ ที่จะพยายามทำให้ภรรยาของเขาเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขา แต่เขาก็ค้นพบว่า คนที่เข้าใจเขามากที่สุดและอยู่เคียงข้างเขาตลอดก็คือภรรยาของเขา ที่เป็นมากกว่าแค่สามีภรรยา แต่มันคือคู่คิด และคู่ชีวิตที่คอยซัพพอร์ตกันเสมอ
 
เขาได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวถึงเรื่องการออกมาเปิดเผยตัวตนในครั้งนี้ว่า มันเป็นอะไรที่เขาอึดอัดมานาน และต้องเก็บซ่อนมาตลอด หลายคนคงอยากทราบว่าเขารู้ตัวตั้งแต่เมื่อไรว่าอยากเป็นผู้หญิง เขาก็เล่าย้อนกลับไปเมื่อตอนเขาอายุได้ 10 ขวบ หรือเมื่อ 32 ปีที่แล้ว
 
ว่าทุกครั้งเวลาที่พ่อแม่เขาไม่อยู่บ้าน และเขาอยู่บ้านเพียงลำพัง สิ่งที่เขามักจะทำคือ แอบย่องเข้าไปในห้องของแม่เขา และไปควานหาเสื้อผ้าของแม่เขามาลองใส่ แล้วจินตนาการว่าตัวเองคือผู้หญิง เขารู้สึกว่ามันมีความสุขที่ได้ทำแบบนั้น
 
แต่ว่า ในขณะเดียวกัน เขารู้ว่าคนรอบข้างเขาไม่มีทางรับเรื่องนี้ได้ ไม่ว่าจะพ่อแม่ เพื่อน หรือสังคมที่อาศัยอยู่ เขาจึงตัดสินใจ เลือกที่จะเก็บความลับนี้ ไว้ในใจมาตลอด จนกระทั่งแต่งงานมีลูก กลายเป็นนักมวยปล่ำ กลายเป็นนักเพาะกาย นักสร้างแรงบันดาลใจหรืออะไรก็ตาม เขาพูดสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนมากมาย จนเริ่มตระหนักถึงเรื่องนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ว่าจริงๆ แล้วตัวตนเขาคือใคร และเขาอยากที่จะเป็นตัวเอง
 
ไทเลอร์ เร็กซ์ เล่าว่า เขาปรึกษาเรื่องนี้กับคนที่เขาไว้ใจและสนิทมากที่สุด ที่จะไม่ตัดสินเขา ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน แต่คือภรรยาที่อยู่ด้วยกันมายาวนานกว่า 23 ปี คนที่เขาแคร์มากที่สุดไม่ใช่ใครที่ไหน แต่คือครอบครัวของเขา
 
เขากลัวว่าลูกสาวของเขาจะไม่เข้าใจ เมื่อพ่อของเธอจะกลายมาเป็นสาวข้ามเพศ เมื่อข่าวนี้ดังออกไป เขาจะรับมือกับมันยังไง ทุกคนรู้จักเขาดีในนามของนักมวยปล้ำ แต่วันนี้เขาจะกลายมาเป็นผู้หญิงข้ามเพศเต็มตัว
 
จนกระทั่งวันที่เขากลัวมากที่สุดมาถึง เขาตัดสินใจบอกลูกว่า พ่อของเธอมีรสนิยมทางเพศเป็นยังไง และวันที่ตัดสินใจเปิดเผยเรื่องนี้ให้กับโลกรู้ มีทั้งคนที่ให้กำลังใจ และคนที่เยาะเย้ยถากถาง แต่ลูกสาววัย 9 ขวบเข้าใจในสิ่งที่เขาเป็น และยืนเคียงข้างเขาเสมอ มีวันนึงที่เขาตัดสินใจว่า จะไม่ออกไปข้างนอกในที่สาธารณะพร้อมกับลูกสาวของเขาแน่นอน เพราะเขากลัวว่า จะต้องตกเป็นเป้าสายตาและการหัวเราะเยาะของผู้คน และลูกสาวเขาก็จะถูกหัวเราะเยาะไปด้วย ที่มีพ่อเป็นกระเทยแบบนี้ แต่ลูกสาวเขากลับบอกกับเขาว่า
 
“พ่อ หนูจะอยู่ข้างพ่อ และจะกอดพ่อแน่นๆ ให้พ่อรู้ ว่าหนูรักพ่อ และจะอยู่ข้างพ่อเสมอ”
 
จนกระทั่งวันที่เขาตัดสินใจโพสรูปลงอินสตาแกรม จากชายหนุ่มกล้ามใหญ่บึกบึน This is me. นี่คือตัวฉัน และฉันไม่อาย และไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไรแล้ว นี่คือตัวตนที่ฉันหลบซ่อนในเงามืดมาตลอด มันเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความกลัว ว่าผู้คนบนโลกจะคิดยังไงกับฉัน ฉันกลัวว่าครอบครัวฉัน เพื่อนฉัน หรือผู้ติดตามฉันจะพูดหรือทำอะไร แต่ฉันจะไม่กลัวมันอีกต่อไปแล้ว และในตอนนี้ฉันจะพูดด้วยความมั่นใจว่า ฉันรักตัวฉันเอง และรักที่ฉันเป็นตัวของตัวเอง
 
สิ่งที่ ไทเลอร์ เร็กซ์ ต้องการจะสื่อคือ เขารู้ดีว่าช่วงเวลาของการเป็นคนที่สับสนในตัวเอง มันทรมานใจมากแค่ไหน มันขาดทั้งกำลังใจ และคนเข้าใจ เขาอยากจะเป็นพลังให้กับสาวข้ามเพศทุกคนที่กำลังทุกข์ใจ ขาดความกล้าที่จะบอกกับคนทั้งโลกว่าฉันคือใคร ด้วยการส่งพลังนี้ต่อไป เป็นเหมือนแรงบันดาลใจว่าอย่ากลัวที่จะเปิดเผยตัวตนว่าเราเป็นใคร
 
แม้วันนี้ไทเลอร์ เร็กซ์ จะมีรูปร่างหน้าตาที่เปลี่ยนไป แต่สิ่งนึงที่ไทเลอร์บอกว่ามันจะไม่มีวันเปลี่ยน นั่นคือ จิตวิญญาณของเขา เขายังเป็นไทเลอร์ เร็กซ์ คนเดิม แต่เป็นคนที่เข้าใจตัวเองมากขึ้น และยอมรับในตัวของตัวเองมากขึ้น
 
 
ฟังเวอร์ชั่นพอดแคสต์ได้ที่:
Apple Podcast: https://apple.co/2TMh3Im
 
 
Advertisements