พลัง (ไม่) ลับของ ‘รอยยิ้ม’ เติมความสุขให้ชีวิตด้วยการส่งต่อพลังบวก

2614
เมื่อคุณเริ่มที่จะยิ้ม… คุณรู้สึกดี
เมื่อคนรอบตัวเห็นคุณยิ้ม พวกเขาก็ยิ้มไปด้วย
และเมื่อพวกเขายิ้ม พวกเขาก็ได้รับความรู้สึกดีๆ เหมือนกับคุณ
 
สุขภาพจิตที่ดี #เริ่มจากการยิ้ม แล้ววันนี้คุณยิ้มให้กับตัวเองและคนอื่นๆ แล้วหรือยัง?
 
‘การยิ้มนั้นเป็นเหมือนโรคติดต่อ’ เมื่อคุณเริ่มที่จะยิ้ม คุณกำลังสรรค์สร้างและประกอบให้โลกรอบๆ ตัวคุณมีแต่พลังบวก ทุกๆ ครั้งที่คุณยิ้ม เสมือนว่าในสมองของคุณกำลังจัดปาร์ตี้ฟีลกู้ด ที่มีโดพามีน เอนดอร์ฟิน และเซโรโทนินเป็นแขกรับเชิญ ที่จะทำหน้าที่เอนเตอร์เทนและช่วยบรรเทาความเจ็บปวดให้แก่พวกเราทุกคน
 
เมื่อวันใดเราเหนื่อยล้าจากการทำงานหรือความเครียด การยิ้มก็เป็นอีกหนึ่งวิธีง่ายๆ ที่ช่วยเพิ่มพลังให้กับเรา วันนี้เราจึงจะพามารู้จักเรื่อง (ไม่) ลับ ของรอยยิ้ม ที่จะทำให้คุณยิ้มบ่อยขึ้นในทุกๆ วัน
 
1. เราทุกคนเกิดมาพร้อม ‘รอยยิ้ม’
พวกเราทุกคนเริ่มที่จะหัดยิ้มตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ การอ้างอิงของ Ron Gutman จาก TED Talk ที่ได้แสดงภาพอัลตราซาวด์ของเด็กน้อยที่กำลังยิ้มอยู่ ทำให้เราได้รู้ว่า เราหลายๆ คนนั้นเกิดมากับ ‘การยิ้ม’ ถึงแม้ว่าเมื่อเราเกิดมาแล้ว รอยยิ้มของเรานั้นยังคงอยู่ ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เรานอนหรือตอนที่เราตอบรับกับสิ่งเร้าต่างๆ อย่างเช่น เมื่อเราได้ยินเสียงของแม่เรา
 
การยิ้มนั้นถือว่าเป็นการแสดงออกขั้นพื้นฐานในชีวิตของพวกเราทุกคน เราแสดงมันออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้การพยายามที่จะไม่ยิ้มนั้นยากกว่าการยิ้มเสียอีก ดังนั้น ถ้าเรารู้แล้วว่าการยิ้มมันมีผลดีอย่างไร จงเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ที่สร้างรอยยิ้มให้กับเราเยอะๆ ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุย การเล่าเรื่องตลก การใช้เวลากับครอบครัว หรือการทำสิ่งที่เรารัก
 
2. การยิ้มช่วยบ่งบอกตัวตนของเรา
การยิ้มเป็นสัญญาณที่จะบอกว่าเรามีความมั่นคงทางจิตใจและร่างกายหรือไม่ มีหลากหลายชิ้นงานทางจิตวิทยาที่ได้ศึกษาความเกี่ยวข้องระหว่างประสบการณ์เชิงบวกและความถี่ของการยิ้มของมนุษย์ ซึ่งหนึ่งในงานจาก University of Berkley ได้ทำการศึกษาเป็นระยะเวลา 30 ปีในการวิเคราะห์ภาพถ่ายในหนังสือรุ่นของเหล่านักเรียน
 
โดยพวกเขาพบว่า รอยยิ้มที่เด็กเหล่านั้นได้แสดงออกมาในหนังสือรุ่นนั้นมีความสัมพันธ์กับชีวิตพวกเขาในอนาคต พูดอย่างง่ายก็คือ ยิ่งพวกเขายิ้มกว้างมากเท่าไหร่ มันก็มีโอกาสที่พวกเขาจะมีชีวิตการแต่งงานที่ยาวนานขึ้น มีสุขภาพจิตที่เข้มแข็งกว่า และสามารถที่จะสร้างพลังบวกให้กับผู้อื่นได้มากกว่า
 
แม้จะไม่ได้การันตีว่าการยิ้มนั้นจะส่งผลโดยตรงต่อความยาวนานของความสัมพันธ์ของคู่รัก แต่การยิ้มนั้นจะช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีและสร้างสภาพแวดล้อมเชิงบวก ที่จะช่วยนำพาให้ความสัมพันธ์นั้นไปได้ไกลขึ้น และยังทำให้เรานั้นมีสุขภาพจิตที่แข็งแรง ทำให้เราสามารถส่งต่อพลังเหล่านี้ต่อให้กับคนอื่นๆ ได้ในสังคม
 
ดังนั้นถ้าคุณอยากที่จะมีชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข จงเริ่มจากการยิ้ม และจงยิ้มให้กว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้
 
3. ‘การยิ้ม’ จุดเริ่มต้นวงจรชีวิตแห่งความสุข
อย่างที่ Jim Rohn นักสร้างแรงบันดาลใจและผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาตนเองได้กล่าวไว้ว่า ‘คุณเป็นค่าเฉลี่ยของคน 5 คนที่คุณใช้เวลาอยู่ด้วยมากที่สุด’
 
ถ้าหากประโยคที่กล่าวมานั้นเป็นเรื่องจริง สิ่งที่จะช่วยพัฒนาตัวคุณเอง คือการช่วยเหลือให้เพื่อนรอบตัวคุณนั้นพัฒนา และในการที่จะช่วยสร้างอารมณ์ที่ดีให้กับตัวเอง ก็ต้องเริ่มจากการสร้างอารมณ์ที่ดีให้แก่ผู้อื่นรอบๆ ตัวคุณก่อน
 
สิ่งที่คุณควรทำคือการสร้างสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เริ่มด้วยการส่งต่อจากคนสู่คนไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นวงจรที่เต็มไปด้วยพลังบวก โดยสุดท้ายแล้วพลังเหล่านั้นจะย้อนกลับมาช่วยทำให้อารมณ์ของคุณนั้นเต็มไปด้วยความสุข ถึงแม้ว่าวันไหนจะเป็นวันแย่ๆ สำหรับคุณ แต่อย่างไรก็ตาม คุณก็จะยังอยู่ในวงจรที่เต็มไปด้วยพลังที่จะทำให้คุณอารมณ์ดีขึ้น ซึ่งสุดท้ายจะช่วยบรรเทาทั้งความทุกข์และยังเสริมให้สุขภาพจิตระยะยาวของคุณนั้นดีขึ้นอีกด้วย
 
รอยยิ้มที่เป็นมากกว่ารอยยิ้ม แม้ว่าจะเป็นยิ้มเล็กๆ ที่ส่งต่อให้กัน แต่มันอาจจะสร้างพลังบวกอย่างมหาศาลให้กับใครสักคนหนึ่ง แล้ววันนี้คุณได้แชร์รอยยิ้มให้กับใครแล้วหรือยัง?
 
 
แปลและเรียบเรียงจาก:
 
อ้างอิง:
 
Advertisements