ถ้าไม่มีเวทีให้แสดง ก็สร้างเวทีขึ้นมาซะเลย

255
อาจารย์ทีนา ซีลิก เขียนถึงเรื่องเล่าตลกเรื่องหนึ่งของชาวคริสต์ว่า มีชายคนหนึ่งสวดอ้อนวอนขอพระเจ้าให้ช่วยเขาถูกลอตเตอรีบ้างเถิด แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่เคยถูกรางวัลสักที จนกระทั่งพระเจ้าทนไม่ไหว ต้องมาบอกชายคนนี้ว่า ถ้าอยากให้พระองค์ช่วย อย่างน้อยเธอช่วยซื้อลอตเตอรีสักใบหนึ่งทีเถอะ
 
ผมคิดว่า ชีวิตคนเราก็คล้ายเรื่องนี้นะครับ หลายคนเลือกรอคอยโอกาสหรือรอโชคเข้าข้างอย่างเดียวโดยไม่ทำอะไร ซึ่งผมว่ามันเป็นการรอคอยที่สิ้นหวังมากเลย เพราะบางทีฟ้าอาจจะอยากช่วยนะครับ แต่ที่ช่วยไม่ขึ้นเพราะอีกฝ่ายก็ไม่พยายามทำอะไรให้ช่วยได้เลย
 
ในทางกลับกัน มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ ว่าคนที่ไม่คิดรอโอกาสกลับพบเจอโอกาสบ่อยกว่าคนที่มัวรอโอกาสด้วยซ้ำ เหมือนกับว่าการไม่รอนั้นกลับช่วยดูดโอกาสมาหาพวกเขาเอง ผมเลยเชื่อว่า คนบนโลกนี้มี 2 แบบ คือ
 
“คนที่รอโอกาส” กับ “คนที่สร้างโอกาส”
 
ซึ่งตลอดชีวิตที่ผ่านมาและได้รู้จักคนหลายๆ คน ผมบอกได้เลยครับว่า คนที่ประสบความสำเร็จแทบทุกคนล้วนเป็นคนประเภทที่สร้างโอกาสทั้งนั้น เคยได้ยินไหมครับ คำพูดที่ว่า
 
ถ้าไม่มีเวทีให้แสดง ก็ไปหาโอกาสขึ้นเวที หรือไม่ก็สร้างเวทีมันซะเลย
 
เหมือนชีวิตนักร้องลูกทุ่งและดาราตลกชื่อดังหลายคน เริ่มต้นด้วยการเป็นเด็กยกของหรือเป็นหางเครื่องมาก่อน จากนั้นถึงค่อยๆ ไต่เต้าขึ้นมาเป็นดาวเด่นบนเวที เช่น หม่ำ จ๊กมก ที่เริ่มจากเป็นเด็กยกของในวงดนตรีลูกทุ่งมาก่อน แล้วค่อยมาเป็นหางเครื่อง มาเป็นตลก และได้ขยับมาเล่นตลกกับรุ่นพี่อย่างเทพ โพธิ์งาม จนโด่งดัง
 
หรือ ตุ๊กกี้ ที่ใฝ่ฝันอยากเป็นดาราตลก ถึงขั้นตัดสินใจลาออกจากงานที่ได้เงินเดือนเยอะกว่าเพื่อมาเป็นพนักงานคอสตูมที่เวิร์คพอยท์ เพราะหวังจะได้เข้าใกล้โอกาสในการเป็นดาราตลกอย่างที่ฝัน และด้วยเป็นคนตลกสนุกสนานและมุ่งมั่นอยู่แล้ว เมื่อทางรายการเกิดขาดนักแสดงกะทันหัน ตุ๊กกี้ก็ได้โอกาสขึ้นเวที และกลายเป็นดาราตลกที่โด่งดังจากโอกาสในครั้งนั้น
 
ถ้าว่ากันแล้ว ทั้งสองต่างเริ่มต้นจากไม่มีเวทีให้แสดงเหมือนกัน แต่ก็ไม่ยอมรอให้โอกาสเดินเข้ามาหา กลับเอาตัวเองเดินเข้าไปหาโอกาสนั้นเอง พูดอีกอย่างคือ ถึงไม่ได้ขึ้นเวที แต่ขอได้ไปยืนใกล้ๆ เวทีก็ยังดี ซึ่งระหว่างอยู่ใกล้ๆ เวที ทั้งสองก็ไม่ได้อยู่นิ่งๆ แต่พยายามเรียนรู้ อาศัยครูพักลักจำ และหมั่นฝึกซ้อมตัวเองให้พร้อม เมื่อโอกาสที่ใช่มาถึง เช่น นักแสดงขาด หรือรุ่นพี่เห็นแวว คนที่พร้อมก็ได้รับโอกาสขึ้นเวทีในที่สุด
 
หรืออีกคนหนึ่งที่ผมว่าน่าเรียนรู้มาก ก็คือ “คุณเดชชาติ” หรือพี่วินมอไซค์ในตำนาน สิ่งที่ทำผมทึ่งกับผู้ชายคนนี้คือ เขาเป็นคนขวนขวายและไม่หยุดนิ่งจริงๆ ครับ ถึงแม้จะทำอาชีพมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ใครๆ อาจมองว่าธรรมดา แต่เขาก็มุมานะและไม่เคยหยุดที่จะเรียนรู้ อาศัยช่วงเวลาว่างหัดเรียนและฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง จนสามารถพูดอ่านได้คล่อง
 
แถมพอถึงยุคที่อินเทอร์เน็ตเข้ามา เขาก็หาเวลาเข้าอินเทอร์เน็ตคาเฟ่เพื่อเรียนรู้วิธีการเล่นอินเทอร์เน็ตและเริ่มเขียนบล็อกของตัวเอง พอมีทวิตเตอร์ มีเฟซบุ๊กเข้ามา เค้าก็รู้จักใช้โอกาสจากสื่อโซเชียลมาเป็นพื้นที่ประชาสัมพันธ์งานรับจ้างส่งเอกสาร
 
จนหลังๆ กลายเป็นรับจ้างสารพัด ไม่ว่าจะต่อคิวซื้อเครื่องสำอาง ต่อคิวซื้อบัตรคอนเสิร์ต Coldplay, Britney, GOT7 ซึ่งทุกครั้งที่คุณเดชชาติลงรูปซื้อบัตรให้ลูกค้าในทวิตเตอร์ ก็ทำให้โลกโซเชียลร้องว้าวได้แทบทุกครั้ง จนได้ฉายาว่าพี่วินในตำนาน และเขายังรู้เรื่องนักร้องและรู้วิธีคุยกับลูกค้าที่เป็นแฟนคลับได้อย่างเป็นกันเองอีกด้วย
 
คุณเดชชาติเลยมีงานเข้ามาตลอด และกลายเป็นคนดัง ถูกสัมภาษณ์ออกทีวีบ่อยๆ ซึ่งถ้าให้ผมสรุปว่าอะไรที่ทำให้พี่วินมอไซค์ในตำนานมาได้ไกลขนาดนี้ ผมบอกได้เลยครับว่า เป็นเพราะคุณเดชชาติคือนักสร้างโอกาส หรือ “นักสร้างเวที” ตัวจริง และผมเชื่อมั่นว่าในอนาคต คุณเดชชาติคงได้รับโอกาสดีๆ เข้ามาอีกเรื่อยๆ เพราะเขาเป็นคนไม่หยุดนิ่งและไม่รอคอยโอกาสนั่นเอง ผมเลยเห็นด้วยอย่างมากกับประโยคของวินสตัน เชอร์ชิล ที่กล่าวว่า
 
“ทัศนคติเป็นสิ่งเล็กๆ ที่สร้างความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่”
 
เพราะดูแค่ทัศนคติข้อเดียว ระหว่างเป็น “คนรอคอยโอกาส” กับ “คนสร้างโอกาส” แค่ข้อนี้ก็สร้างความแตกต่างในชีวิตของคนได้อย่างมหาศาลแล้วครับ ฉะนั้น ถ้ารู้สึกว่าฟ้าไม่เป็นใจ โอกาสไม่เคยเข้ามา ไม่ต้องไปรอนะครับ แต่สร้างโอกาสนั้นขึ้นมาเองเลย
 
เพราะอย่างน้อยที่สุด ผมเชื่อว่าถึงฟ้าจะไม่มอบโอกาสให้คุณ แต่ก็ไม่มีใครห้ามคุณไม่ให้ลงมือทำได้ครับ นอกจากตัวคุณเองเท่านั้น
 
 
Advertisements