คำกล่าวอมตะของ “โอปราห์ วินฟรีย์” หนึ่งในสุภาพสตรีที่ทรงอิทธิพลที่สุดบนโลกใบนี้ เธอพูดประโยคนี้ได้เพราะชีวิตของเธอผ่านเรื่องเลวร้ายมามากมาย แต่เธอสามารถเปลี่ยนเรื่องราวร้ายๆ มาเป็นพลังบวกได้ ไม่ใช่แค่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อคนรอบๆ ตัวเธอด้วย
เช่นเดียวกับเรื่องที่ผมกำลังจะเล่าต่อไปนี้ ซึ่งมาจากหนังสือชื่อ หยุดไม่ได้ถ้าหัวใจไม่ยอมแพ้ (Unstoppable) ของ ซินเธีย เคอร์ซีย์ (Cynthia Kersey) เป็นเรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อ แชรี่ โพ (Sheri Poe)
ขณะที่ แชรี่ โพ เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยชั้นปีหนึ่ง ได้เกิดเรื่องที่โหดร้ายกับเธอ โหดร้ายมากที่สุดเรื่องหนึ่งที่คนเราจะเจอได้
เธอถูกข่มขืน และนั่นทำให้เธอมีบาดแผลเป็นปมในใจที่ยากจะเยียวยา
บาดแผลในครั้งนั้นทำให้เธอมีอาการซึมเศร้าและป่วยด้วยโรคบูลีเมีย หรือมีอาการอยากอาหารอยู่เรื่อยๆ เมื่อกินอาหารเข้าไปมากๆ ก็จะรู้สึกผิด แล้วอยากจะล้วงคอ กินยาระบาย หรือด้วยวิธีใดก็ตามเพื่อให้สิ่งที่กินเข้าไปนั้นออกมา
แชรี่ โพ ต้องทนทุกข์กับบาดแผลในสภาพจิตใจอันเปราะบางและป่วยด้วยโรคบูลิเมียเป็นเวลาหลายปี จนกระทั่งเธอเริ่มบำบัดตัวเองด้วยการออกกำลังกาย และนั่นทำให้เธอเริ่มเห็นความหวังในชีวิต
วันหนึ่งระหว่างที่เธอออกกำลังกาย เธอเกิดอาการปวดเท้า เธอสังเกตว่า เป็นเพราะรองเท้ากีฬาที่เธอใส่ เนื่องจากในสมัยนั้น รองเท้ากีฬาของผู้หญิงนั้นคือ รองเท้าผู้ชายที่ลดขนาดลง แต่ไม่ได้ออกแบบให้เหมาะกับสรีระเท้าของผู้หญิง
ด้วยความคิดนี้ เธอกับสามีจึงเกิดแผนอยากจะทำรองเท้ากีฬาสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะขึ้นมา โดยหวังว่า รองเท้านี้จะช่วยให้ผู้หญิงสามารถออกกำลังกายได้ดีขึ้น และนั่นจะทำให้ผู้หญิงรู้สึกเหมือนได้ชีวิตใหม่ เฉกเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นกับเธอ
แต่ปรากฏว่า หลายคนคิดว่าเธอกับสามีบ้าเหลือเกิน เพราะนอกจากพวกเขาจะไม่เคยทำรองเท้ามาก่อนแล้ว พวกเขายังไม่มีทุนพอที่จะทำ แถมตอนนั้นก็มียักษ์อย่าง Nike และ Reebok ครองตลาดรองเท้ากีฬาอยู่ ฉะนั้นมันเลยดูเหมือนเรื่องเพ้อฝันสุดๆ
แต่ แชรี่ โพ ก็ไม่ลดละความพยายาม เธอเดินทางไปขอคำปรึกษาตามธนาคารต่างๆ เพื่อหาเงินมาทำธุรกิจให้ได้ แต่ก็ถูกปฏิเสธมาตลอด
จนกระทั่งเธอไปพบผู้บริหารธนาคารแห่งหนึ่ง เธอเล่าความฝันและแผนการของเธอให้เขาฟัง ปรากฎว่าเขาชอบไอเดียของเธอมาก เลยช่วยให้เงินทุนสนับสนุนเธอกับสามีมาทำธุรกิจ “รองเท้ากีฬาเพื่อผู้หญิง” โดยตั้งชื่อว่า Ryka
ในช่วงแรก ด้วยความที่มีเงินทุนจำกัดไม่เพียงพอกับการซื้อโฆษณา เธอใช้วิธีแบบ ไม่มีเงินทำ แต่มีใจทำ แชรี่ โพ รู้ดีว่าหากอยากให้ ryka ขายได้ มันจะต้องเกิดการพูดแบบปากต่อปาก เธอจึงขายรองเท้าให้ครูสอนแอโรบิคในราคาที่ถูก แล้วท้าพิสูจน์ว่า รองเท้า ryka ของเธอนั้นดีจริงหรือไม่ ปรากฏว่าหลายคนชอบมันมาก ก็เพราะมันเป็นรองเท้าที่ทำโดยผู้หญิงและออกแบบให้ผู้หญิงโดยเฉพาะ ผลคือมันเกิดการบอกต่อกันไปเรื่อยๆ
จากนั้นเธอก็เริ่มจ้างบริษัทประชาสัมพันธ์เล็กๆ ให้ช่วยส่งรองเท้าของเธอไปให้สื่อมวลชน พร้อมเขียนจดหมายเล่าความฝันและที่มาของ Ryka แนบไปด้วย ผลคือ นิตยสารและหนังสือพิมพ์มากมายให้ความสนใจเรื่องของ Ryka และทำให้ Ryka ถูกพูดถึงมากขึ้น
แต่ที่พีคมากๆ คือ เธอส่งรองเท้าและเสื้อ Ryka ไปที่รายการ โอปราห์ วินฟรีย์ ทุกๆ สองสามเดือน เพื่อหวังให้รายการสนใจเรื่องของเธอ ผลคือ วันหนึ่งระหว่างที่โอปราห์กับทีมงานคุยกันว่าจะดึงใครมาร่วมรายการดี โอปราห์ก็หันไปเจอกล่องรองเท้าและของที่ แชรี่ โพ ส่งมาให้เยอะมากจนกองเป็นชั้นๆ
วันนั้นโอปราห์ก็เลือกเธอมาออกรายการในที่สุด และแชรี่ก็ตัดสินใจเล่าเรื่องราวของเธอให้ทุกคนฟัง
วันที่เธอตัดสินใจเล่าเรื่องของเธอทำให้เธอรู้ว่า สิ่งที่เธอนำเสนอให้ผู้คนนั้นไม่ใช่แค่เพียงรองเท้า แต่มันคือความฝัน ความหวังที่จะลุกขึ้นมาสู้กับเรื่องเลวร้ายในชีวิตตัวเอง เธอคือคนที่ลุกขึ้นมาสู้ และเธอก็รอดพ้นจากความเลวร้านนั้นมาได้ด้วย
และนั่นทำให้ Ryka เป็นที่ถูกกล่าวขาน เพราะเรื่องของ แชรี่ โพ กับรองเท้า Ryka ก็ได้ครองใจผู้หญิงนับล้านคน และภายในเวลาหนึ่งอาทิตย์รองเท้าของ Ryka ก็ขายหมดเกลี้ยง จนกระทั่ง แชรี่ โพ รับมือกับยอดขายที่ถล่มทลายนั้นไม่ไหว ต้องกลับมาปรับโครงสร้างองค์กรกันใหม่ จนเข้ารูปเข้ารอย
และอีกครั้งหนึ่งที่ Ryka กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง เมื่ออยู่มาวันหนึ่ง แชรี่ โพ เผอิญรู้ข่าวว่าเจ้าหญิงไดอาน่าป่วยด้วยโรคบูลิเมียเหมือนที่เธอเคยเป็น
ความที่เธอเคยผ่านชีวิตกับโรคนี้มานานนับสิบปี เธอเลยอยากให้กำลังใจเจ้าหญิงไดอาน่าให้ต่อสู้กับโรคนี้ไปให้ได้
เธอก็ใช้วิธีซื่อๆ ตรงๆ แบบที่ทำเป็นประจำ ด้วยการให้ตัวแทนขายรองเท้าในอังกฤษช่วยหาชื่อครูฝึกสอนกีฬาของเจ้าหญิงไดอาน่า และฝากรองเท้าและจดหมายฉบับหนึ่งส่งไปให้เจ้าหญิง ผลคือจดหมายและรองเท้าคู่นั้นคงมีความหมายอะไรบางอย่างกับเจ้าหญิง เพราะหลังจากนั้นแชรี่ก็ได้เห็นภาพเจ้าหญิงไดอาน่าใส่รองเท้า Ryka ในช่วงสามเดือนต่อมา
และแน่นอนว่าผู้หญิงทั่วโลกก็เห็นรองเท้าที่เจ้าหญิงใส่ด้วยเช่นกัน ซึ่งทำให้ Ryka ยิ่งขายดี โดยยอดขายพุ่งสูงถึง 15 ล้านเหรียญ
จนในที่สุด แชรี่ โพ ที่เริ่มต้นทำรองเท้าด้วยฝันที่อยากช่วยผู้หญิง ก็ตัดสินใจตั้งองค์กรเพื่อช่วยเหลือผู้หญิง Regaining One’s Self-esteem (ROSE) โดยให้ทุนสร้างศูนย์พักพิง และสร้างศูนย์บรรเทาทุกข์ผู้ที่ถูกข่มขืน
นอกจากนี้ เธอก็ยังใช้รองเท้า Ryka สื่อสารวิธีป้องกันตัวให้ผู้หญิง ด้วยการติดป้ายคำแนะนำในการดูแลตัวเองและวิธีปฏิบัติเมื่อถูกจู่โจมไว้ที่รองเท้า Ryka
ทุกวันนี้ กิจการของ Ryka ก็ยังคงเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เธอใช้บริษัทและองค์กรของเธอเพื่อช่วยผู้หญิงอย่างแท้จริง เพราะนอกจากบริษัทของเธอจะจ้างพนักงานที่เป็นผู้หญิงมากกว่า 70% แล้ว ยอดขายของ Ryka ก็ยังเป็นแหล่งทุนที่ช่วยผู้หญิงที่ถูกทำร้ายนับพันชีวิต และที่สำคัญมันยังเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงได้มีรองเท้าออกกำลังกายดีๆ เพื่อให้ผู้หญิงได้กลับมามีชีวิตที่ดีจากการออกกำลังกาย เหมือนที่เกิดขึ้นกับเธออีกด้วย
มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่คนที่เจอเรื่องเลวร้ายอย่างเธอจะกลับมายืนหยัดเพื่อมามีชีวิตได้อย่างสง่างามเช่นนี้ แต่ถ้าหากทำได้ มันก็จะเป็นอย่างที่ โอปราห์ กล่าวไว้ครับ
“เปลี่ยนบาดแผลของคุณให้เป็นปัญญา”