หนึ่งในล้าน ล้านในหนึ่ง เพราะชีวิตมี “โชค” ปะปนอยู่

207
ผมได้มีโอกาสอ่านหนังสือ “Phycology of Money” ที่เขียนโดย Morgan House มีบทหนึ่งที่เขียนถึงเรื่อง “โชคและความเสี่ยง” ซึ่งเรื่องเล่านั้นน่าสนใจเป็นอย่างมากครับ
 
ปี 1968 รัฐ​ Washington
 
ทางตอนเหนือของเมือง Seattle มีโรงเรียนเอกชนที่ดีที่สุดของรัฐตั้งอยู่ โรงเรียนนี้มีชื่อว่า Lakeside School
 
โรงเรียนนี้มีนักเรียนอยู่ High School เพียง 300 คนเท่านั้น
 
ในปี 1968 มีนักเรียนที่อยู่ในเกณฑ์อายุที่ต้องเรียน High School อยู่ประมาณ 303 ล้านคนทั่วโลก
 
ในจำนวนนั้น 18 ล้านคน อยู่ในสหรัฐอเมริกา
ในจำนวนนั้น 270,000 คน อยู่ในรัฐ Washington
ในจำนวนนั้น 100,000 คน อยู่ในเมือง Seattle
และในจำนวนนั้น 300 คน มาอยู่ที่ Lakeside School
 
เราอาจจะกล่าวได้ว่าโอกาสที่เด็กคนหนึ่งที่อยู่ในวัยที่จะเข้า High School จะมาอยู่ที่ Lakeside School มีประมาณ​ 300 ใน 303,000,000 หรือประมาณ 1 ใน 1,000,000 นั่นเอง
 
โรงเรียนนี้มีคุณครูวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ชื่อ Bill Dougall ซึ่งเคยเป็นนักบินเครื่องบินรบในกองทัพมาก่อน ก่อนจะออกมาเป็นครูหลังจบสงครามโลกครั้งที่สอง
 
คุณครูท่านนี้เชื่อว่าการได้ลองทำอะไรจริงๆ ไม่ใช่รู้แต่ในหนังสือนั้นจำเป็นอย่างมาก และก็ยังเชื่อว่าแม้ในตอนนั้นคอมพิวเตอร์ยังเป็นเรื่องใหม่มากๆ แต่กว่านักเรียน High School ของพวกเขาจะโตเข้ามหาวิทยาลัย คอมพิวเตอร์น่าจะเป็นเรื่องสำคัญแล้ว
 
แต่การจะซื้อคอมพิวเตอร์สักเครื่องไม่ใช่อะไรที่จะสามารถทำได้ง่ายๆ เพราะต้องใช้งบประมาณเยอะมาก สมัยนั้นคอมพิวเตอร์​ Teletype Model 30 ที่ต้องต่อเชื่อมกับเมนเฟรมของ GE แถมยังต้องใช้กันแบบ Time-sharing อีก ราคาอยู่ที่ $3,000 (คิดเป็นมูลค่าปัจจุบันประมาณ​ $22,500 หรือคิดเป็นเงินไทยราว 675,000 บาท)
 
คุณครู Dougall ใช้วีธีการหาเงินโดยขอให้สมาคมผู้ปกครองมาช่วยขายของ อารมณ์ประมาณเปิดท้ายขายของสมัยนี้ครับ โดยจุดประสงค์ก็เพื่อรวบรวมเงินมาซื้อคอมพิวเตอร์เครื่องนี้
 
ผลก็คือ Lakeside School คือโรงเรียนมัธยมโรงเรียนแรกๆในโลกที่มีคอมพิวเตอร์ใช้
 
ในยุคนั้นบางมหาวิทยาลัย ยังไม่มีคอมพิวเตอร์ให้นักศึกษาใช้เลย
 
ในจำนวนเด็กที่มีโอกาส 1 ใน 1,000,000 ที่ได้มาเรียนที่ Lakeside นี้มีชื่อของ Bill Gates อยู่ด้วย
 
Bill Gates ถึงขั้นเคยกล่าวไว้ว่า “ถ้าไม่มี Lakeside ก็ไม่มี Microsoft”
 
เมื่อตอนเขาอยู่ ม.2 เขาชอบคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ที่โรงเรียนมากๆ เขาจะคลุกอยู่กับมันทั้งวันทั้งคืน รวมไปถึงเสาร์อาทิตย์ด้วย
 
และเนื่องจากวิชาคอมพิวเตอร์ไม่ได้เป็นวิชาบังคับ คนที่มาเล่นคอมพิวเตอร์จึงเป็นคนที่สนใจเรื่องนี้จริงๆ เท่านั้น
 
ในบรรดาคนที่มาวนเวียนเล่นคอมพิวเตอร์มีเด็กมัธยมที่ชื่อ Paul Allen และ Kent Evans อยู่ด้วย ทั้งสามคนกลายเป็นเพื่อนสนิทกัน และกลายเป็นคนที่ช่ำชองในการใช้คอมพิวเตอร์เป็นอย่างมาก
 
Bill Gates กับ Kent Evans สนิทกันมากถึงขนาดที่ว่าพวกเขาใช้เวลาพูดคุยถึงความฝันในการทำธุรกิจกันวันละเป็นชั่วโมงๆ
 
Bill Gates บอกว่า Kent Evans นี่แหละคือคนที่เก่งที่สุดในชั้น
 
ในตอนที่โรงเรียนมีปัญหาเรื่องการจัดตารางการเรียน Bill Gates และ Kent Evans ซึ่งตอนนั้นยังเป็นเด็กนักเรียนอยู่ ช่วยโรงเรียนสร้างโปรแกรมในการจัดตารางการเรียนของคนทั้งโรงเรียน ที่มันสามารถใช้งานได้จริงๆ แก้ปัญหาของโรงเรียนได้จริงๆ
 
ในสารคดี Inside Bill’s Brian ที่ออกฉายทาง Netflix ในปี 2019 Bill Gates บอกว่าเขายังจำเบอร์ของ Kent Evans ได้อยู่เลย
 
“525 7851” คือเบอร์ของ Kent Evans ที่ Bill Gates พูดออกมาจากความทรงจำเลย
 
Bill Gates บอกว่า จริงๆ แล้ว ทั้ง Kent Evans และ Paul Allen คงจะได้เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Microsoft ด้วยกัน
 
แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น
 
ก่อนเรียนจบ Kent Evans เสียชีวิตจากการปีนเขา ซึ่งทุกปีมีคนเสียชีวิตจากการปีนเขา 30+ คน โอกาสที่คนจะเสียชีวิตจากการปีนเขาตอนอยู่มัธยมคือ 1 ใน 1,000,000
 
ในโลกที่มีคนอยู่ 7,000,000,000 คน ชีวิตของเราบางทีก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่า โชคกับความเสี่ยงส่งผลต่อชีวิตของพวกเรามากกว่าที่เรานึกถึง หรือแม้แต่จะเข้าใจได้ด้วยซ้ำ
 
ในหนังสือยังบอกอีกว่า เรามักละเลยคำว่าโชคดีเวลาเราจะพูดถึงความสำเร็จของคนอื่นเพราะมันจะทำให้เราดูเป็นคนขี้อิจฉา ในขณะเดียวกันเราก็มักละเลยคำว่าโชคดีเมื่อเราจะกล่าวถึงความสำเร็จของตัวเองเช่นกัน เพราะมันทำให้ความพยายามทั้งหลายที่เราลงทุนลงแรงมามันดูมีน้ำหนักน้อยลง
 
Scott Galloway ผู้เขียนหนังสือ The Four, The Happiness Hypothesis และ Post Corona บอกไว้ว่า
 
“nothing is as good or as bad as it seems”
 
“ในความเป็นจริงแล้วเรื่องราวต่างๆ มันไม่ได้ดีหรือแย่ อย่างที่เราเห็นหรอก”
 
จริงอยู่ที่ความอดทน, ขยัน, พยายาม และความฉลาดนั้นเกี่ยวข้องกับความสำเร็จแน่นอน แต่ “โชค” ซึ่งเราเข้าใจเกี่ยวกับมันน้อยมาก ก็มีส่วนอย่างยิ่งในความสำเร็จเช่นกัน
 
ในอดีตผมเคยคิดว่า “เราสามารถสร้างความโชคดีเองได้” หรือ “You make your own luck”
 
แต่ตอนนี้ผมคิดว่าคำพูดนั้นไม่ค่อยถูกเท่าไร ผมคิดว่า สิ่งที่เราทำอาจจะส่งอิทธิพลหรือเพิ่มโอกาสในการเกิดโชคดีหรือโชคร้ายได้ แต่ตัวความโชคดีและโชคร้ายจริงๆ บางทีมันก็เป็นของมันเช่นนั้นเอง
 
หลายครั้งมันอาจจะดูง่ายดีที่จะบอกว่า “เพราะเขาต่อสู้เขาเลยสำเร็จ” หรือ “เพราะเราต่อสู้เราเลยสำเร็จ”
 
และมันก็อาจจะง่ายเหมือนกันที่จะบอกว่า “เพราะเขาไม่พยายาม ขี้เกียจ อ่อนแอ เขาเลยพ่ายแพ้”
 
เรื่องนี้ผมเขียนไว้เตือนตัวเองว่า เวลาอะไรดีๆ เกิดขึ้นอย่าผยองจนเกินไป และเมื่ออะไรที่ไม่ดีเกิดขึ้น บางทีมันก็เกิดเพราะมันต้องเกิดจริงๆ
 
เรื่องนี้ทำให้นึกถึงคำพูดของ Larry King สุดยอดพิธีกรชื่อดัง ที่ว่า
 
“Those who have succeeded at anything and don’t mention luck are kidding themselves.”
 
“คนที่ทำอะไรสำเร็จโดยไม่คิดว่าโชคมีส่วนเกี่ยวข้อง พวกเขาหลอกตัวเองทั้งนั้น”
 
Advertisements