วัฒนธรรมการทักทายสไตล์ฝรั่งเศส

18319
ช่วงนี้ซีรีส์เรื่อง Emily in Paris กำลังมาแรง เรื่องราวที่เล่าถึงเอมิลี่ คูเปอร์ สาวชาวอเมริกันผู้เปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ ถูกบริษัทส่งมาทำงานการตลาดที่ปารีส ด้วยวัฒนธรรมที่ต่างกันทำให้ Emily ของเราต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์หลายๆ อย่างให้คุ้นชิน
 
หนึ่งในนั้นที่สาวชาวอเมริกันของเราพบเจอและต้องปรับตัวกันเป็นอันดับแรกๆ เมื่อย้ายมาอยู่ปารีสเลยนั่นก็คือ “วัฒนธรรมการทักทายแบบฝรั่งเศส” ที่นำแก้มของทั้งสองฝ่ายมาจุ๊บกัน เรียกว่า ‘Faire La Bise’ (แฟร์ ลา บีซ) ซึ่งแตกต่างจากวัฒนธรรมอเมริกันที่จะทักทายกันด้วยการจับมือ หรือสวมกอดเข้าหากัน
 
Faire La Bise คือ การนำแก้มของทั้งสองฝ่ายมาชนกันหรือจุ๊บแก้มกัน โดยจะทำเสียงจุ๊บเล็กน้อยเพื่อเป็นสัญญาณ ทำสลับข้างซ้ายและขวา ซึ่งจำนวนของการจุ๊บนั้นก็ขึ้นอยู่กับภูมิภาคด้วย เช่น เมื่อเราอยู่แถบฝั่งตะวันออกของฝรั่งเศสจะทำการจุ๊บกันแค่ 2 ครั้งเท่านั้น แต่หากอยู่ที่ทางใต้หรือแคว้นอื่นจะมีการจุ๊บมากถึง 4 ครั้งเลยทีเดียว ซึ่งการทักทายแบบนี้จะใช้ทั้งตอนทักทายและตอนจากลาด้วยเช่นกัน
 
แล้วเมื่อไหร่ที่ควรจุ๊บแก้ม?
 
แน่นอนว่าการจุ๊บแก้มนั้นไม่ได้ใช้สำหรับทักทายกันสำหรับทุกคน (อยู่ๆ เราจะเดินไปจุ๊บแก้มกับคนที่เดินตามท้องถนนเฉยๆ ไม่ได้นะ) ขึ้นอยู่บริบทในตอนนั้น ชาวฝรั่งเศสส่วนใหญ่จะใช้การทักทายแบบ Faire La Bise กับเพื่อนร่วมงาน เพื่อน ในงานพิธี หรือมีความรู้จักกันบ้างเล็กน้อย แต่หากคุณยังไม่แน่ใจเมื่อไปเที่ยวฝรั่งเศสหรือพบเจอคนฝรั่งเศสควรจะทักทายในรูปแบบใด เรามีกฎง่ายๆ มานำเสนอให้คุณ
 
ข้อที่ 1. ถ้าไม่แน่ใจว่าควรจับมือหรือจุ๊บแก้มดี หากคุณกล่าวทักทาย Bonjour! แล้วอีกฝ่ายไม่ได้ยื่นแก้มมาที่คุณ ให้ใช้การจับมือก่อนเสมอเพราะถือว่าเป็นการทักทายระดับสากล
 
ข้อที่ 2. การจุ๊บแก้มนั้น หากเป็นคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อนจะใช้การจับมือ แต่หากมีญาติหรือมีคนแนะนำให้รู้จัก ส่วนมากหลังจากแนะนำตัวพวกเขาจะทำการ ยื่นแก้มมาจุ๊บแก้ม มากกว่าการจับมือเพื่อแสดงความสนิทสนม
 
ข้อที่ 3. ฝรั่งเศสไม่กอด สำหรับการกอดถือว่าเป็นการแนบเนื้อตัวสัมผัสกัน ซึ่งจะใช้เฉพาะสำหรับคนในครอบครัวหรือคู่รักเท่านั้น ซึ่งหากอยู่ๆ เราพุ่งเข้าไปสวมกอดคนฝรั่งเศสหลังจากทักทายกัน พวกเขาอาจจะตกใจได้
 
ส่วนที่เราจะเห็นว่าหลายครั้งที่ตัวละครฝ่ายชายในเรื่อง Emily in Paris ใช้การจูบเบาๆ ไปที่หลังฝ่ามือของฝ่ายหญิง เรียกได้ว่ามีความโรแมนติกมากๆ ความหมายของมันคือการแสดงความเคารพ น่ายกย่อง น่านับถือ ให้ผู้ที่โดนจูบรู้สึกราวกับเป็นเจ้าหญิงในนิเทพนิยาย
 
หากใครที่กำลังอินกับซีรีส์เรื่อง Emily in Paris สามารถติดตามไปรับฟัง วิเคราะห์ พูดคุยกันต่อได้ที่ ShowTime Podcast ตอน Emily in Paris กับ Culture Shock ที่เมืองปารีส
 
ติดตามรับฟังได้ที่:
Soundcloud: https://bit.ly/3k3vSS8
 
Apple Podcast: https://apple.co/3dC9hbA
 
Author: Thongthong Mahawijit
Illustrator: Patt srisutthi
 
อ้างอิง
Advertisements